พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1269 ชายในหน้ากาก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1269 ชายในหน้ากาก
“อย่าปลุกเขา!”
จิรภัทรหยุดปยุตที่กำลังจะปลุกรพีพงษ์และพูดเบาๆ ว่า “ตอนนี้เขาต้องการพักผ่อน”
ปยุตพยักหน้าและเดินถอยหลังไปสองเก้า
เมื่อเห็นยาเม็ดวิญญาณชี่หลายสิบเม็ดนี้ ปยุตก็อดถอนหายใจไม่ได้ “พรสวรรค์แบบนี้พวกเราได้เห็นกับตาในชาตินี้ก็ถือว่าเป็นบุญแล้วล่ะ”
จิรภัทรมองไปที่รพีพงษ์ที่กำลังหลับสนิทอยู่และพยักหน้าเบาๆ
หลังจากที่รพีพงษ์คุยเรื่องทวีปโอชวินกับเขาในครั้งก่อน จิรภัทรรู้สึกกังวลใจมาตลอด แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์ที่พัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดดในวันนี้ จิรภัทรก็รู้สึกเชื่อมั่นในตัวของรพีพงษ์ว่าจะต่อกรกับทวีปโอชวินได้อย่างแน่นอน
“ไปกันเถอะ ให้เขานอนต่อดีกว่า เย็นๆ เราค่อยมาหาเขาอีกที”
จากนั้นทั้งสองก็ออกจากห้องและปิดประตูเบาๆ
……
ณ เมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากสำนักเทพยาเซียน
มีพื้นที่สีเขียวส่วนตัวขนาดใหญ่ในชานเมืองเล็กๆ แห่งนี้
พื้นที่สีเขียวทั้งหมดถูกล้อมด้วยรั้วเหล็ก ภายในพื้นที่มีกลิ่นหอมของยาล้นหลามไปทั่ว และมีวัสดุยาอันล้ำค่าถูกปลูกอยู่เต็มทั่วพื้นที่
ในใจกลางของพื้นที่สีเขียวนี้มีอาคารขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมและด้านในอาคารก็ถูกตกแต่งอย่างหรูหรามาก
ในโรงรถของอาคารแห่งนี้มีรถหรูหราใหม่เอี่ยมสิบกว่าคันจอดเรียงแถวกันอยู่ และทางเข้าหน้าประตูก็มีน้ำพุดนตรีที่เทียบได้กับห้องโถงโกลเดนฮอลล์ของอาคารมิวสิคเวอไลน์
ซึ่งไม่มีใครคิดว่าสถานที่ห่างไกลแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับสำนักเทพยาเซียน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะสร้างสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุไว้ที่นี่ ไม่เช่นนั้นด้วยทรัพยากรทางการเงินของพวกเขา พวกเขาสามารถซื้อบ้านที่หรูหราที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้
ซึ่งในวันนี้ ทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ต่างก็มารวมตัวกันในห้องโถงและทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ณ ขณะนี้ ตรงกลางของห้องโถง จั๋วเยว่ที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นก็ยืนถือไม้เท้าอยู่อย่างลำบาก
เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าที่งดงามของเขาที่อยู่ในสำนักเทพยาเซียนแล้ว ตอนนี้เขาก็อยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเหมือนคนเก็บขยะคนหนึ่ง
และด้านซ้ายของห้องโถงนั้นมีเด็กสาวนั่งอยู่คนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็คือนีย์
ด้านหลังของนีย์คือชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ด้วยออร่าของความอันตรายที่เปล่งออกมาจากตัวเขา
ทุกคนในห้องต่างก็รู้ดี ถ้าพวกเขาไม่ให้เกียรติหญิงสาวที่ชื่อนีย์คนนี้ ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่หลังเธอจะเด็ดชีวิตของพวกเขาได้ทุกเมื่อ
“ท่านอาจารย์ครับ ผมได้พบท่านจนได้นะครับ”
จั๋วเยว่พูดกับชายชราที่อยู่กลางเวทีด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนคนกำลังร้องไห้
ชายชราคนนี้ชื่อชนุตร์ เขาคือผู้อาวุโสที่ใหญ่ที่สุดของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุและเป็นอาจารย์ของจั๋วเยว่
เมื่อชนุตร์เห็นลูกศิษย์ที่รักของเขาอยู่ในสภาพนี้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้พวกสารเลวสำนักเทพยาเซียน ไม่เห็นสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของเราอยู่ในสายตาเลย!”
ชนุตร์ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เพราะรพีพงษ์คนเดียวเลยครับ!” จั๋วเยว่พูด “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมัน ตอนนี้ผมคงได้ตำแหน่งของสมบัติเหล่านั้นแล้ว!”
“ไอ้รพีพงษ์อีกแล้วเหรอ!”
“คนอื่นต่างก็กลัวมันหมด เพราะฝีมือกับความแข็งแกร่งของมัน แต่ข้าไม่ได้กลัวมันหรอก และสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของเราจะไม่ให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ แบบนี้!”
“ครับท่านอาจารย์ ท่านต้องล้างแค้นให้ผมนะครับ ผมต้องการเห็นรพีพงษ์ตายต่อหน้าผม” จั๋วเยว่พูดด้วยความโกรธ
“เอาล่ะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแข่งขันกลั่นยาแล้ว ถึงเวลาข้าจะสั่งสอนพวกสำนักเทพยาเซียนเอง! นายรีบกลับไปพักผ่อน รีบไปให้หมอต่อขาของนายก่อน”
ซึ่งนักกลั่นยาจะให้การช่วยเหลือของพลังภายในเท่านั้น สำหรับกระดูกหักนั้นถือว่าเป็นบาดแผลภายนอก และพวกเขายังต้องไปปรึกษาหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องกระดูก
“ครับ”
เมื่อนึกถึงขาที่หักของเขา จั๋วเยว่ก็อดกลั้นน้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไม่ได้อีกครั้ง
จากนั้น ศิษย์น้องของจั๋วเยว่ก็พาตัวเขาออกจากห้องโถง
“คุณนีย์ครับ ลำบากคุณแล้วนะครับ”
ชนุตร์ลุกขึ้นแล้วประสานมือทั้งสองข้างและพูดด้วยความขอบคุณ “เพียงแต่ เราไม่คิดว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของรพีพงษ์จะทำให้แผนการทั้งหมดของเราหยุดชะงักไป”
“ท่านผู้อาวุโสคะ นี่เป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้น สำหรับคนอย่างรพีพงษ์ ฉันต้องจัดการมันอย่างแน่นอน” นีย์ยิ้มอย่างเย็นชา
“แต่ว่า ถ้าตามที่คุณเล่ามา รพีพงษ์มันมีฝีมือที่น่ากลัว อีกอย่างมันพัฒนาฝีมือไปถึงแดนเทพครึ่งก้าวแล้ว! ถ้าอย่างนั้น……”
ชนุตร์ไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายของเขานั้นชัดเจนมาก
ฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มีไม่กี่คนในโลกที่จะต่อกรกับเขาได้
“แดนเทพครึ่งก้าวแล้วยังไงคะ!”
นีย์ลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยสายตาที่ข่มขู่ “ท่านผู้อาวุโส ท่านคงไม่ได้คิดสงสัยฝีมือของฉันอยู่ใช่ไหม”
“เปล่า เปล่าครับ ผมแค่กังวลว่าคุณนีย์จะได้รับบาดเจ็บอีกครับ” ชนุตร์พูดด้วยความกังวลใจ
นีย์ยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นส่งสายตาให้กับชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างเธอ
และพลังของชายสวมหน้ากากก็แสดงให้เห็นในทันที
เขายังไม่ทันได้ขยับตัว แต่พลังทิพย์ก็เปล่งออกมาจากตัวเขาโดยที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หลังจากนั้นพลังทิพย์สีดำก็พุ่งออกไปที่นอกประตูทันที
ด้านนอกประตูนั้นมีต้นไพน์อายุนับร้อยปีอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งต้องใช้คนหลายๆ คนถึงจะขยับมันได้
แต่ไม่ทันไร ต้นไพน์นับร้อยปีต้นนี้ก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังทิพย์สีดำ จากนั้นมันก็เหมือนถูกขับเคลื่อนด้วยสิ่งของบางอย่างและขยับออกไปเป็นหลายสิบเมตร!
“นี่มัน แดนเทพ?”
ชนุตร์พูดด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ลูกน้องของฉันก็อยู่ในแดนเทพแล้วเหมือนกัน” นีย์พูดอย่างภาคภูมิใจ “คนที่อยู่ในแดนเทพสามารถขยับภูเขาได้เป็นลูก เมื่อกี้นี้เราแค่แสดงให้เห็นเป็นขวัญตาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นฉันเกรงว่าท่านผู้อาวุโสคงต้องสร้างคฤหาสน์หลังนี้ใหม่แล้วล่ะ”
“หึหึ คุณนีย์ใจเย็นๆ ก่อนครับ”
ชนุตร์ฝืนยิ้มพูดต่อ “ในเมื่อคุณมีลูกมือที่แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว ผมก็โล่งใจได้แล้วล่ะครับ”
นีย์พยักหน้า “แต่ว่า ฉันมีเรื่องต้องการให้คุณช่วยทำหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ? ถ้าเป็นเรื่องที่ผมทำได้ ผมยินดีครับ” ชนุตร์พูด
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นนีย์ เขาก็รู้แล้วว่านีย์ต้องไม่ใช่คนทั่วไปอย่างแน่นอน
ซึ่งในวันนี้ เขาเห็นยอดฝีมือของแดนเทพที่คอยติดตามนีย์ด้วยความเต็มใจแบบนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่เขาคิด
สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุที่สามารถพัฒนาได้มาถึงทุกวันนี้ หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดที่ชนุตร์ทำก็คือการเข้าหาครอบครัวยักษ์ใหญ่ของโลก
ดังนั้น โอกาสดีๆ แบบนี้เขาต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน
“สิ่งที่ฉันจะให้คุณทำนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก วันสองวันนี้ฉันจะพักรักษาตัวที่นี่ รอจนกว่าวันแข่งขันกลั่นยาฉันจะขึ้นเขากับพวกคุณไปด้วย แต่ว่า ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันเรื่องหนึ่ง ฉันต้องการให้คุณรั้งตัวของรพีพงษ์ไว้” นีย์พูด
“คุณหมายถึงจับรพีพงษ์?”
ชนุตร์ขมวดคิ้ว “คุณผู้หญิงน่าจะยังไม่รู้ว่าการแข่งขันกลั่นยาของเรานั้นมักจะแข่งกันเป็นรุ่นต่อรุ่น และผมจะเป็นรุ่นเดียวกับจิรภัทร สำหรับรพีพงษ์แล้ว เขายังเด็กเกินไปครับ ต่อให้ผมชนะเขาได้ มันก็จะไม่ใช่การแข่งขันที่สมเหตุสมผลอยู่ดี”
“เหอะๆ ท่านผู้อาวุโส สำนักเทพยาเซียนในตอนนี้ คุณคิดว่ายังมีใครที่เก่งการปรุงยามากกว่ารพีพงษ์เหรอ?”
นีย์ยิ้มพูดอย่างเย็นชา “เม็ดยาที่สมบูรณ์แบบและยังมีชี่ยาด้วย ฉันถามจริง สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของคุณจะมีสักกี่คนที่ทำได้?”
“ว่าไงนะ เม็ดยาสมบูรณ์แบบที่มีชี่ยาด้วย?”
ชนุตร์ถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าเบาๆ “ถ้าอย่างนั้น ไอ้หมอนี่มันก็เก่งขึ้นมากเลยสินะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมมั่นใจว่าจะเอาชนะมันได้ เพียงแต่ว่า คุณจะให้ผมจับตัวรพีพงษ์ไว้ทำไมครับ”
นีย์พูดอย่างเคร่งขรึม “นั่นมันเรื่องของฉัน คุณไม่ต้องยุ่ง คุณก็แค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ แต่แน่นอนว่าถ้าคุณทำสำเร็จ ฉันจะให้ผลประโยชน์ที่ดีกับคุณ”
“ผลประโยชน์อะไรครับ” ชนุตร์รีบถาม
นีย์มองไปที่ชนุตร์ด้วยสายตาที่มีเลศนัยแล้วพูดต่อ “ได้ข่าวว่าคุณอยากได้สำนักเทพยาเซียนมานานแล้ว ถ้าอย่างนั้น ฉันยกมันให้คุณก็ได้นะ”
“จริง……จริงเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอขอบพระคุณคุณหนูนีย์มากเลยนะครับ!”
ชนุตร์อดตื่นเต้นไม่ได้
เพราะนี่เป็นเรื่องที่เขาคิดมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าจิรภัทรกับปยุตนั้นแข็งแกร่งเกินไป ส่วนครอบครัวยักษ์ใหญ่ระดับโลกก็มีแต่เงิน ซึ่งไม่ค่อยมีใครฝึกฝนวิชาในขั้นสูง
แต่ในวันนี้ หลังจากที่เห็นฝีมือของชายสวมหน้ากากคนนี้ ชนุตร์ก็มั่นใจว่าคนอย่างรพีพงษ์จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอีก!
เมื่อถึงเวลานั้นสำนักเทพยาเซียนและวัสดุยาอันล้ำค่าในนั้นก็จะเป็นของเขาหมด และถ้ายาที่สมบูรณ์ในนั้นถูกขายออกไป มันก็จะกลายเป็นแหล่งทรัพยากรขุมทรัพย์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดสำหรับเขา!
“ในเมื่อคุณตกลงแล้วคุณก็ทำตามนี้เลยนะ ตอนนี้มันก็เริ่มดึกแล้ว ฉันต้องกลับไปพักก่อน”
จากนั้นนีย์หันเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจผู้อาวุโสคนนี้เลย