พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1270 วันแข่งขัน
ภายในสำนักเทพยาเซียน
รพีพงษ์เพิ่งตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปสามชั่วโมงเต็มๆ ตอนนี้เรี่ยวแรงของเขาได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว
“ค่ำแล้วเหรอเนี่ย”
รพีพงษ์เปิดประตูห้องแล้วพูดเบาๆ
“รพีพงษ์ ตื่นแล้วเหรอ”
ในขณะนี้ จิรภัทรก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับกล่องอาหารในมือและเป็นกล่องอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสด้วย
อาจจะพูดได้ว่ารพีพงษ์เป็นคนแรกที่เจ้าสำนักแห่งสำนักเทพยาเซียนเป็นคนเสิร์ฟอาหารให้เขาด้วยตนเอง
“เจ้าจิรภัทร คุณมาพอดีเลย”
รพีพงษ์รีบพาจิรภัทรเข้าไปในห้องนอนของเขา
“นี่นะครับ ยาเม็ดวิญญาณชี่ทั้งหมด 38 เม็ด ถ้ายังไม่พอผมทำเพิ่มให้ได้นะ โสมต้นนั้นยังเหลืออยู่นิดหน่อยครับ” รพีพงษ์พูด
“ลำบากคุณแล้วนะ รพีพงษ์”
จิรภัทรมองรพีพงษ์ด้วยความขอบคุณ
ยาเม็ดวิญญาณชี่สามสิบแปดเม็ด และส่วนใหญ่จะมีชี่ยาด้วย ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาทำยาทั้งหมดนี้ภายในสามวันเท่านั้น
มันช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ!
จิรภัทรที่เป็นนักกลั่นยามาหลายสิบปียังไม่เคยพบเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนแม้แต่ในฝันของเขา
“เฮ้อ จะว่าแล้วจิตวิญญาณเทพของผมยังไม่มากพอจริงๆ ครับ เดิมทีผมคิดว่าจะทำให้มากกว่าห้าสิบเม็ดภายในสามวัน แต่ดูเหมือนว่าผมทำตามเป้าไม่ได้จริงๆ” รพีพงษ์รู้สึกหงุดหงิดตัวเองเล็กน้อย
เพราะการที่ได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมันจะทำให้ทักษะในการผสมยาดีขึ้น แต่ว่ายาที่เขาทำนั้นเป็นยาที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งไม่แปลกที่เขาจำเป็นต้องใช้พลังจิตวิญญาณเทพอย่างมากในการผลิต
“พอแล้ว แค่นี้ก็เกินพอแล้ว!”
จิรภัทรรีบพูด “ยาเม็ดวิญญาณชี่สามสิบแปดเม็ดก็สามารถช่วยเหลือผู้บำเพ็ญปฏิบัติได้สามสิบแปดคนแล้ว แต่ว่า ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าในโลกใบนี้จะมีผู้บำเพ็ญปฏิบัติถึงสามสิบแปดคนหรือเปล่า”
รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ ซึ่งตัวเขารู้ดีสำหรับคุณค่าของยาเม็ดวิญญาณชี่นี้
คนสามสิบแปดคนที่ต้องมีพรสวรรค์และยังต้องมีระดับการฝึกฝนที่ดีถึงจะมีคุณสมบัติที่จะกินยานี้ได้ เพราะว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือทวีปโอชวิน เป็นกลุ่มที่เรียกได้ว่าทั้งแข็งแกร่งและน่ากลัว!
“อีกห้าวันก็จะถึงวันแข่งขันกลั่นยาแล้วนะ ครั้งนี้ผมมั่นใจมากว่าเราจะสามารถเอาชนะในการแข่งขันนี้ได้”
จิรภัทรพูดอย่างมั่นใจ และที่มาของความมั่นใจของเขาก็คือรพีพงษ์
“เจ้าจิรภัทรครับ แล้วคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุสามารถกลั่นยาที่มีชี่ยาได้ไหมครับ?”
“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมีผู้อาวุโสห้าคน แต่พรตถูกคุณฆ่าตายไปแล้ว ส่วนที่เหลือสี่คนก็มีฝีมือในการกลั่นยาที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ แต่ถ้ามีชี่ยาด้วยน่ะเหรอ คงมีแต่ชนุตร์คนเดียวที่ทำได้แล้วล่ะ” จิรภัทรพูดตามความจริง
“ชนุตร์? หมายถึงอาจารย์ของจั๋วเยว่เหรอครับ?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว
“ใช่ เท่าที่ผมเคยเห็นมา เขาคือคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในอันดับที่สอง ส่วนคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดก็คือคุณแล้วล่ะ” จิรภัทรยิ้มพูด
ความมั่นใจของรพีพงษ์ก็เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับคำชมจากจิรภัทร
“เพียงแต่ว่า……”
จิรภัทรพูดต่อ “การแข่งขันกลั่นยาในทุกๆ เราจะแยกรุ่นในการแข่ง ถ้าผมได้แข่งกับชนุตร์ ผมคงสู้เขาไม่ได้จริงๆ”
“มีกฎนี้ด้วยเหรอครับ?”
รพีพงษ์ไม่เข้าใจ ในเมื่อเป็นการประลองแล้ว มันก็ควรคัดเลือกผู้ที่มีฝีมือดีที่สุดของฝ่ายออกมาแข่งขันไม่ใช่หรือ?
“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ฝีมือของคุณเหนือกว่าผมไปมากแล้ว คู่ต่อสู้รุ่นเดียวกับคุณจากสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุก็น่าจะเป็นจั๋วเยว่ และคุณเอาชนะเขาได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นคะแนนของเราก็จะเสมอกัน สำหรับสำนักเทพยาเซียนของเราแล้ว แค่เสมอกันก็ถือว่าเป็นสถิติใหม่ในรอบหลายสิบปีแล้วล่ะ”
มุมปากของรพีพงษ์ยกขึ้นเล็กน้อย ซึ่งผลลัพธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย
สิ่งที่เขาต้องการก็คือ ถ้าจะเลือกสู้ ทางเดียวก็คือชนะ!
“เจ้าจิรภัทรครับ ยาเม็ดวิญญาณชี่สามสิบแปดเม็ดนี้คุณเก็บไว้ให้ดีนะครับ สำหรับเรื่องการเลือกผู้บำเพ็ญปฏิบัติผมพอมีแผนในใจแล้วครับ แล้วก็เรื่องการแข่งขันกลั่นยาก็ฝากไว้ให้ผมเลยนะครับ”
รพีพงษ์พูดอย่างเคร่งขรึม “ครั้งนี้ผมจะให้พวกสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุกลับไปโดยที่ไม่มีชัยชนะใดๆ ครับ!”
“เยี่ยม!”
จิรภัทรประทับใจในตัวของรพีพงษ์มาก ถ้ามีคนที่มีฝีมือคอยช่วยเหลือสำนักเทพยาเซียน มันจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสำนักเทพยาเซียนมาก!
อีกห้าวันก่อนจะถึงวันแข่งขันการกลั่นยา และภายในห้าวันนี้ทางสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย
ดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจจะให้สำนักเทพยาเซียนต้องอับอายขายหน้า ดังนั้นสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุจึงให้ความสำคัญกับการแข่งขันครั้งนี้มาก
พวกเขาใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนใหญ่คนโตและเชิญผู้คนหลายสิบคนของครอบครัวใหญ่จากที่ต่างๆ มาชมเกม
คนเหล่านี้บางคนมีทักษะ บางคนเคยฝึกฝนมาก่อน และยังมีอีกหลายๆ เป็นคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุจึงมอบหมายให้สาวกสองคนคอยรับส่งคนกลุ่มนี้ขึ้นไปบนเขา
เนื่องจากเส้นทางไปยังสำนักเทพยาเซียนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถไปถึงที่หมายได้
“การแข่งขันครั้งนี้เราจะแพ้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”
ก่อนที่จะออกเดินทาง ชนุตร์ได้พูดกับทุกคนในสมาคม
จากนั้นประตูโรงรถก็ถูกเปิดออก เสียงรถยนต์ที่หรูหราดังสนั่นขึ้นและแล่นไปยังเส้นทางของสำนักเทพยาเซียน……
ณ ตอนนี้ สำนักเทพยาเซียนเต็มไปด้วยหมอก
หน้าทางเข้าสำนัก จิรภัทรกับรพีพงษ์ยืนอยู่ด้านหน้าสุด และข้างหลังพวกเขาคือผู้อาวุโสกับเหล่าสาวกของสำนัก
ซึ่งในวันนี้พวกเขาทุกคนต่างก็ดูเคร่งขรึมและกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
เพราะมีรพีพงษ์อยู่ด้วย พวกเขาทุกคนรวมไปถึงเหล่าสาวกก็มีความมั่นใจในการประลองครั้งนี้
จิลลาที่มองดูร่างสูงใหญ่ของรพีพงษ์และเธอก็รู้สึกอบอุ่นใจ เธอชอบความรู้ที่ถูกปกป้องแบบนี้มาก
ซึ่งในครั้งนี้รพีพงษ์ไม่เพียงแต่จะปกป้องเธอ แต่จะปกป้องทั้งสำนักเทพยาเซียนนี้!
จากนั้นสักพัก พวกเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากที่ไกล จิรภัทรขมวดคิ้วแล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว
“ศิษย์น้องชนุตร์ ไม่เจอกันตั้งนาน ยังอยู่ดีใช่ไหม!”
รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ชนุตร์คนนี้เป็นศิษย์น้องของจิรภัทรหรือ? ทำไมจิรภัทรไม่เคยพูดถึงเลย?
“อ้อ ไม่ต้องห่วงหรอกครับศิษย์พี่ คนอย่างผมไม่ตายง่ายๆ หรอก”
ชนุตร์ตอบอย่างเย็นชา จากนั้นค่อยๆ หันมองไปที่รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างจิรภัทร
“ท่านผู้นี้สินะที่ชื่อรพีพงษ์ ผมอยากเจอมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าผู้สูงอายุพรตของเราทำผิดอะไรต่อคุณครับ คุณถึงเอาชีวิตเขาไป?”
การแข่งขันยังไม่ทันเริ่มต้น แต่บรรยากาศในขณะนี้ก็เริ่มตึงเครียดแล้ว เหล่าสาวกที่ยืนอยู่หลังจิรภัทรได้แต่ถือดาบไว้แน่นๆ เพื่อป้องกันการชุลมุนเกิดขึ้น
“เพราะเขาสมควรตาย”
รพีพงษ์เพ่งมองไปที่ชนุตร์ด้วยสายตาเย็นชา
“เหอะ แค้นนี้สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของเราต้องชำระอย่างแน่นอน คุณไม่ต้องห่วง”
จากนั้นชนุตร์สะบัดเสื้อแล้วเดินเข้าไปในสำนัก
ส่วนคนอื่นๆ ที่ตามชนุตร์มาก็เดินเข้าไปในสำนักโดยที่ไม่มีการสื่อสารใดๆ
“เจ้าจิรภัทร ชนุตร์เป็นศิษย์น้องของคุณเหรอครับ?” รพีพงษ์ถาม
จิรภัทรพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นศิษย์น้องของผมก็จริง แต่เส้นทางชีวิตของเราต่างกัน เขาอดทนต่อความโดดเดี่ยวในสำนักเทพยาเซียนไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงออกจากที่นี่และไปเข้าร่วมสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุเมื่อหลายสิบปีก่อน”
รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ เขาเกลียดคนทรยศอย่างชนุตร์ที่สุด
ชนุตร์เคยเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน แต่ตอนนี้กลับพาคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมาท้าประลองกับสำนักเทพยาเซียน ผู้ทรยศแบบนี้รพีพงษ์จะไม่มีวันให้อภัยอย่างแน่นอน
หลังจากที่ผู้นำและกลุ่มสาวกของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุเข้าไปในสำนักแล้ว กลุ่มตระกูลใหญ่และกลุ่มคนมีฐานะก็เดินตามเข้าไป
รพีพงษ์หรี่ตามองไปข้างหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ “ไอ้หมอนี่มาด้วยเหรอ”
โคบายาชิจุนอิจิที่เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมธุรกิจร้านอาหารและยังเป็นคนที่เคยฝึกวิชาการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงถูกสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุเชิญมาร่วมงานด้วย
เดิมทีเขาวางแผนจะเปิดตลาดที่ประเทศจีนอยู่แล้ว ฉะนั้นการได้ผูกมิตรกับสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุจึงเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับตัวเขา
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ทันทีที่ขึ้นมาถึงบนยอดเขา เขาก็ได้พบกับรพีพงษ์ที่เพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน
“คุณ……คุณรพีพงษ์ คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?” โคบายาชิจุนอิจิพูดด้วยความประหลาดใจ
ระดับหัวหน้าครอบครัวของตระกูลลัดดาวัลย์ ทำไมถึงมาอยู่ที่สำนักเทพยาเซียนนี้ได้?
“ผมมาเรียนการทำยาที่สำนักเทพยาเซียน ผมก็ต้องอยู่ที่นี่สิ”
รพีพงษ์พูดอย่างเคร่งขรึม
โคบายาชิจุนอิจิประหลาดใจมาก เขาไม่คิดเลยว่าคนอย่างรพีพงษ์จะลดตัวลงมาเรียนการทำยาที่สำนักเทพยาเซียนได้
ดูเหมือนว่าเขาคิดถูกแล้วที่เลือกผูกมิตรกับสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ
จากนั้นกลุ่มครอบครัวคนระดับสูงก็เดินตามสาวกของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุเข้าไปในสำนัก
เมื่อพวกเขาเห็นสมบัติอันล้ำค่าและของหายากเหล่านี้ในสำนักทุกคนต่างก็เบิกตากว้างทันที
“ไม่คิดเลยว่าประเทศจีนยังมีดินแดนมหัศจรรย์แบบนี้อีก!”
“นั่นสิครับ ถ้าเรามาพัฒนาที่นี่ให้เป็นรีสอร์ตหรือสถานที่พักผ่อนอะไรทำนองนั้น ผมว่ารายได้ต้องดีแน่เลยนะครับ”
“เห็นด้วยครับ เราทำให้ที่นี่เป็นที่พักผ่อนของเหล่าคนรวยได้นะ เดี๋ยวหลังเลิกแข่งขันกลั่นยาก่อน ผมจะลองถามจิรภัทรว่าถ้าเราอยากซื้อสำนักเทพยาเซียนต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน”
“เอาเลยครับ เรามาร่วมหุ้นกันก็ได้นะ จะแพงแค่ไหนมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเราอยู่แล้วว่าไหมครับ”
……
เหล่าคนรวยพูดคุยกันอยู่งเพลิดเพลิน ซึ่งในความคิดของพวกเขานั้นมีเพียงการหาผลประโยชน์เท่านั้น
รพีพงษ์ยิ้มอย่างเย้ยหยัน แดนดินอันล้ำค่าอย่างสำนักเทพยาเซียน พวกคุณคิดว่าคนโลภอย่างพวกคุณจะสามารถเอามันไปได้ง่ายๆ เลยหรือ?
จากนั้นรพีพงษ์ก็จำชื่อของคนเหล่านี้ไว้อย่างเงียบๆ