พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1275 รอบตัดสินความเป็นความตาย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1275 รอบตัดสินความเป็นความตาย
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนรู้ดี ว่ารอบที่สามจะเป็นรอบตัดสินแพ้ชนะ
ทั้งสองฝั่งจะส่งคนที่เก่งที่สุดออกมา ตอนนี้ดูเหมือนว่า ทางฝั่งสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุคงจะชนุตร์ออกมาแน่ๆ
แต่ที่นึกไม่ถึงก็คือ สำนักเทพยาเซียนกลับส่งรพีพงษ์ออกมาแข่งขัน
“ต่างรู้กันว่าประมุกรพีมีพลังการต่อสู้ที่สูงส่ง หรือว่าในด้านการกลั่นยา เขาก็มีความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่นด้วยงั้นหรือ?”
“นั่นน่ะสิ ครั้งก่อนก็เอาชนะ5สำนักใหญ่ ผมยังได้มีโอกาสเห็นเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่า วันนี้อยู่ที่สำนักเทพยาเซียน ก็ยังได้เห็นประมุกรพีกลั่นยาด้วย มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ !”
“เขาว่ากันว่าตระกูลลัดดาวัลย์มีมังกรมาเกิด สมกับคำร่ำลือจริงๆ !”
……
แขกทั้งหลายก็ชื่นชม โคบายาชิจุนอิจิก็เหงื่อตกตลอดเวลา
ประเทศจีนยังมีคนที่ฟ้าประทานแบบนี้อยู่อีกหรือนี่?
หลายวันก่อนหน้านี้ ตนเองเพิ่งไปหาเรื่องเขา
โคบายาชิจุนอิจิก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งข้อความอะไรบางอย่างออกไป
“ยกเลิกแผนเดิม จะไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้!”
……
ทางในเมือง โทรศัพท์ในกระเป๋าของชายใส่แว่นที่นั่งกินข้าวกับโคบายาชิจุนอิจิก็สั่นแจ้งเตือนขึ้นมา
เขามองข้อความบนโทรศัพท์ แล้วพูดกับอีกสองคนข้างๆ ว่า “ถอย!”
ในร้านกาแฟที่ห่างจากพวกเขาไปไม่ถึง10เมตร อุเอสึงิ ฮารุก็กำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาดื่มชายามบ่าย โดยไม่รู้เลยว่า เมื่อครู่นี้ เธอนั้นได้ถูกจับจ้องไว้แล้ว……..
กลับมาทางกลางห้องโถงของสำนักเทพยาเซียน รพีพงษ์และชนุตร์ก็เข้าแข่งขันกัน
ในตอนนี้ เวลาก็เดินมาถึงช่วงค่ำแล้ว
ท้องฟ้าในหุบเขา ดวงดาวเจิดจรัส มีดาวเยอะกว่าท้องฟ้าในเมืองใหญ่
คนที่มาห้อมล้อมดู ก็ตื่นเต้นลุ้นไปตามๆ กัน
การแข่งขันสองรอบก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าเกินจากสิ่งที่พวกเขาคาดไว้มากแล้ว แต่ตอนนี้ ละครกำลังจะเล่นซ้ำอีกครั้ง พวกเขาก็ตั้งตารอคอย อยากจะดูสิวะ ประมุกรพี จะมีพลังในการกลั่นยาสูงส่งกว่าคนอื่น เหมือนกับด้านการต่อสู้หรือไม่
“ไม่คิดเลยว่า วันนี้สำนักเทพยาเซียนของพวกคุณจะสามารถสู้มาจนถึงรอบที่สาม แต่ว่า ผมคิดว่าการแข่งขันวันนี้ ควรจะได้รับการตัดสินแลวล่ะ”
ชนุตร์พูดเสียงขรึม
“ใช่ สมควรจะตัดสินแล้ว วันนี้ สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกคุณ ต้องพ่ายแพ้แน่นอน!” รพีพงษ์มีสายตาเป็นประกาย ฝั่งสำนักเทพยาเซียน ก็มั่นใจในตัวของรพีพงษ์
ชนุตร์ค่อยเงยหน้าขึ้น สายตาที่มองไป เต็มไปด้วยเส้นเลือด
“การแข่งขันรอบสุดท้ายในวันนี้ ไม่เพียงจะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ในขณะเดียวกัน ยังเกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นของคุณและสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเรา ผู้สูงอายุพรตอยู่บนสวรรค์ ในที่สุดก็ได้ให้โอกาสพวกเราได้จัดการกับพวกนี้โอ้อวดแบบนี้” ชนุตร์กล่าว
ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ได้ดูถูกเขา เขาก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะคบค้าสมาคมกับตระกูลลัดดาวัลย์ไปนานแล้ว
“จะจัดการผมงั้นหรือ? คุณมีความสามารถนั้นหรือเปล่า?”
รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย จากนั้น พลังที่ยิ่งใหญ่ซื่อตรงก็บังเกิดออกมา!
“ผมเก็บตัวกลั่นยาหลายสิบปี ยังจะแพ้ให้กับคนที่เพิ่งเข้ามาศึกษาอย่างคุณงั้นหรือ? ต่อให้คุณมีพรสวรรค์แล้วไงล่ะ ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่า ทักษะการกลั่นยาของคุณจะเก่งกาจเหมือนกับข่าวลือหรือไม่!”
“วางใจเถอะ ผมจะทำให้คุณยอมแพ้ทั้งกายและใจ สูตรยา2แผ่นที่คุณใส่กล่องมา วันนี้ก็ทิ้งไว้ที่นี่แหละ” รพีพงษ์พูดเสียงเย็น โดยไม่เห็นฝั่งตรงข้ามอยู่ในสายตา
ชนุตร์มุมปากชี้ขึ้น หลังจากมองไปรอบๆ ก็พูดนิ่งๆ ว่า “ในเมื่อเป็นรอบตัดสินความเป็นความตายในรอบสุดท้าย งั้นพวกเราก็สู้กันแบบไม่เหมือนใคร คุณว่าดีไหม?”
“ตามใจ”
“ได้” ชนุตร์ชี้ไปทางด้านนอก “ผมเห็นว่าด้านนอกห้องโถงมีแท่นหิน2แท่นสูงเทียมฟ้า งั้นพวกเราก็ไปนั่งคนละแท่น แล้วแยกกันกลั่นยา คุณว่าดีไหม?”
ทุกคนก็มองไปยังที่ที่เขาชี้ไป เป็นจริงดังว่า ด้านนอกของห้องโถงสำนักเทพยาเซียน มีท่านหิน2แท่นจริงๆ แทมยังสูงหลายสิบเมตร
คนธรรมดาไม่กล้าขึ้นไปแน่ ยิ่งกว่านั้น รอบๆ ก็ยังไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรเลย ถ้าพลาดไปก็ต้องกระดูกแหลกเหลว
“ผมคิดว่า ในเมื่อประมุกรพีก็มาเรียนวิชากลั่นยาที่สำนักเทพยาเซียนแล้ว ก็คงจะรู้ดีว่าตอนที่นักกลั่นยากำลังหลอมรวมยาอยู่นั้น จะต้องผสานจิตและสมาธิไว้ด้วยกัน ไม่ถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ไม่ทราบว่าคุณจะกล้าลองไหม?” ชนุตร์กล่าว
ที่เขาทำแบบนี้ ก็แค่อยากจะสร้างความมั่นใจว่าชนะ ให้ตนเองเท่านั้น
พลังรพีพงษ์ล้ำลึกยากจะหยั่งถึง แต่จากที่จั๋วเยว่กลับมารายงาน ก็มองออกว่าต้องไม่ธรรมดา แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจมั่นใจว่าจะชนะ
อย่างนั้น ทั้งสองคนนั่งอยู่บนแท่นหินที่สามารถรองรับคนคนเดียวเหมือนกันคนละแท่น อย่างนั้น การแข่งขันไม่เพียงจะดูทักษะการกลั่นยา แถมยังจะต้องแข่งสมาธิของแต่ละคนด้วย!
ชนุตร์ที่คิดว่าตนเองมีพลังฝีมือที่กลั่นยามาหลายสิบปี ด้านสมาธิ ก็ไม่มีใครเทียบได้
หลังจากได้ยินฝั่งตรงข้ามเสนอมาแบบนี้ รพีพงษ์ก็อึ้งขึ้นมาก่อน จากนั้นก็หันไปยิ้มกับปยุตที่ด้านหลัง
ยืนครึ่งฝ่าเท้าอยู่ที่หน้าผา2วัน2คืน สมาธิของรพีพงษ์ไม่มีใครเทียบได้
ฝั่งตรงข้ามเสนอมาแบบนี้ ก็เหมือนกับวิ่งเข้ามาหากระบอกปืน
“ได้ ผมรับปากคุณ”
รพีพงษ์อมยิ้มตอบกลับออกไป
“คุณบอกมาเองนะ พอถึงตอนนั้นอย่าหาว่าผมแกล้งคุณแล้วกัน” ชนุตร์กลบเกลื่อนความดีใจไว้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ คนที่ชนะก็คงจะเป็นฝั่งตนเองแล้วล่ะ
“ไม่หรอก ขอเพียงคุณแพ้แล้วยอมรับก็พอ แล้วก็ด้านบนมันมีลมแรง คุณไปใส่เสื้อผ้าหนาๆ หน่อยแล้วกัน เผื่อตกลงมาจะได้ไม่ถึงขั้นจบชีวิต” รพีพงษ์แกล้งพูดเล่น
“นี่คุณ!”
ชนุตร์ก็โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออกมา ไม่คิดเลยว่ารพีพงษ์จะไม่เห็นอื่นอยู่ในสายตาแบบนี้
แต่ว่า คนมากมายก็ถูกตนเองเชิญมาที่นี่ เพื่อที่จะรักษาหน้าตาของปรมาจารย์หลอมโอสถเอาไว้ ชนุตร์ก็เลยไม่ได้โมโหออกมา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่ทราบว่าครั้งนี้คุณจะกลั่นยาประเภทใด?” ชนุตร์ถาม
“ยาเม็ดไป่หลิง”
รพีพงษ์พูดเบาๆ มายังสำนักนี้ก็หลายวันแล้ว คิดว่าตัวอารียายังคงถูกพิษร้ายแรงอยู่ ก็เลยอาศัยวันนี้ เพื่อกลั่นยาเม็ดไป่หลิงออกมา แล้วก็เอากลับไปให้อารียาลองใช้ดู บางทีอาจจะได้ผล
ในตอนนี้ชนุตร์ก็ค่อนข้างตกใจ
“ยาเม็ดไป่หลิงสามารถถอนพิษทุกชนิด แต่ว่า ตั้งแต่ที่สูตรยานี้ปรากฏตัวขึ้นบนโลก ก็ไม่เคยมีใครกลั่นออกมาสำเร็จเลย เพียงเพราะในสูตรยามีตัวยาตัวหนึ่งชื่อว่า ยาผงหลิงซี ที่หายากมาก วันนี้คุณจะกลั่นยานี้ หรือว่าคุณหายาผงหลิงซีมาได้แล้วงั้นหรือ?” ชนุตร์ถาม
“อันนี้มันคือเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ!” รพีพงษ์พูดไปนิ่งๆ
ครั้งก่อนที่แข่งขันกับจั๋วเยว่นั้น รพีพงษ์ก็แอบใส่ยาผงหลิงซีเข้าไปด้วย แต่จั๋วเยว่ไม่รู้
เพราะถึงอย่างไร เรื่องป่าหมอก คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี
“ได้ งั้นผมก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าคุณจะทำยาเม็ดไป่หลิงออกมาได้อย่างไร!” ชนุตร์ยิ้มเย็นถาม
“ในเมื่อผมบอกแล้วว่าจะกลั่นยานี้ แล้วคุณล่ะ?” รพีพงษ์ถามกลับ
“ผมหรือ?”
มุมปากของจั๋วเยว่อมยิ้ม “หลายวันก่อน ผมได้สูตรยาสูตรหนึ่งมาโดยบังเอิญ หวังว่าวันนี้จะกลั่นออกมาได้”
พอเห็นฝั่งตรงข้ามไม่ยอมพูดออกมา รพีพงษ์ก็ไม่ถือสา
ทำตัวเองให้ดีก็พอ นี่คือสิ่งที่รพีพงษ์บอกกับจิลลา และก็บอกตนเองด้วยเหมือนกัน
หลังเตรียมตัวยาครบแล้ว รพีพงษ์ก็กระโดดที่ปลายเท้าเบาๆ แล้วขึ้นไปยังบนแท่นหิน
ทุกคนก็ร้องตกใจ นักธุรกิจที่เคยเห็นรพีพงษ์สู้กับห้าสำนักใหญ่ ก็ยิ่งตื่นตกใจ
เวลาเพียงน้อยนิด พลังของรพีพงษ์ได้สูงส่งกว่าก่อนมากเลย
“ผู้อาวุโสชนุตร์ คุณรีบขึ้นไปสิ อย่าให้พี่รพีพงษ์รอนานเกินไป”
ชุติเดชพูดเสี้ยมอยู่ข้างๆ
ชนุตร์ก็ยิ้มมุมปาก แล้วก็ออกแรงที่เท้าสองข้าง หมุนตัวหลายตลบ แล้วก็ขึ้นไปยังบนแท่นหิน
รพีพงษ์ก็อึ้งเล็กน้อย เพิ่งเห็นว่า ที่แท้ชนุตร์คนนี้ก็มีวิชาการต่อสู้เหมือนกัน อีกอย่างดูจากระดับฝีมือแล้ว น่าจะอยู่ที่ระดับแดนดั่งเทพ
“ไอจิรภัทร ศิษย์น้องของเราคนนี้ ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้ก็ไม่ได้ละทิ้งวิชาการต่อสู้เหมือนกันนะ”
ปยุตพูดเบาๆ อยู่ข้าง
“ใช่น่ะสิ พรสวรรค์ของเขามีมากกว่าเราสองคน แต่น่าเสียดาย สำนักเทพยาเซียนมันเล็กเกินไป เอาเขาไว้ไม่ได้”
จิรภัทรพูดไปนิ่งๆ ตั้งแต่ที่ชนุตร์พาคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมาท้าทายสำนักเทพยาเซียนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ก็ได้สูญสิ้นไปจนหมดแล้ว
คนในห้องโถงต่างก็พากันออกมาด้านนอก แล้วเงยหน้ามอง
ภายใต้แสงจันทร์ในยามค่ำคืน ทั้งสองแยกกันนั่งคนละแท่นหิน คนด้านล่างต่างก็รอคอย การแข่งขันรอบสุดท้ายในวันนี้ จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน