พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1284 ฟื้นตื่นคืนสติ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1284 ฟื้นตื่นคืนสติ
บริเวณกลางสันเขาสำนักเทพยาเซียน ชุติเดชและลูกศิษย์สำนักเทพยาเซียนทั้งหลายก็รอคอยกันอยู่ที่นี่
พวกแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายได้ลงเขาไปหมดแล้ว แต่ทว่าคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุยังมาได้กลับออกไป
พวกของชุติเดชก็ไม่อยากจะไปสนใจอะไรมาก ในตอนนี้ สายตาของพวกเขาก็ได้จ้องมองไปยังความมืดอยู่ตลอดเวลา หวังว่าเงาของรพีพงษ์จะเดินออกมาจากความมืดนั้น
“พี่จิลลา เวลาก็ผ่านไปพอสมควรแล้วนะ”
ชุติเดชเดินมาพูดตรงหน้าจิลลา
“ไม่ รอไปก่อน”
จิลลาน้ำเสียงเด็ดขาด “พี่รพีพงษ์และเจ้าสำนักจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
ชุติเดชก็กัดปาก ในใจเขามีหรือจะไม่หวังให้เป็นแบบนั้น แต่ทว่า ก่อนจากมา คำพูดของจิรภัทรยังดังอยู่ข้างหู เพื่อความหวังของนักกลั่นยา เขาจะไม่ปฏิบัติไม่ได้
“มันก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว เจ้าสำนักบอกไว้ ว่าให้พวกเราออกไปจากที่นี่” ชุติเดชพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่!ฉันบอกแล้วไง ถ้าพี่รพีพงษ์และพวกของเจ้าสำนักยังไม่กลับออกมา ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าจะไปพวกนายก็ไปก่อนเลย!”
จิลลาพูดเสียงดัง
ชักกระบี่ออกจากฝักดังแคร๊ง ชุติเดชก็กระโดดไปบนก้อนหินใหญ่
“คนของสำนักเทพยาเซียนทุกคนฟังให้ดี ผมได้รับปากกับเจ้าสำนักไว้แล้ว ว่าถ้าผ่านไป1ชั่วโมงแล้ว ก็ให้พวกเรารีบลงเขาไป!”
ตนของสำนักเทพยาเซียนและคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุก็ยืนมองชุติเดชที่ยืนบนก้อนหินใหญ่ บุณยผลก็ด้วย รวมทั้งผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียน ในใจก็ล้วนชื่นชม
ไม่คิดเลยว่า ชุติเดชที่ปกติเป็นคนซุกซน พอถึงเวลาสำคัญจะแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวขนาดนี้
ก็แสดงว่า สายตาของจิรภัทรมองไว้ไม่ผิด ที่เอากระบี่มอบให้ชุติเดช เป็นการกระทำที่ฉลาดมาก
“ถ้ามีใครไม่ปฏิบัติตาม ก็เท่ากับขัดคำสั่งของเจ้าจิรภัทร เช่นนั้น ต่อไปก็จะไม่ใช่คนของสำนักเทพยาเซียนอีกต่อไป!”
ชุติเดชก็พูดต่อไป สายตาก็มองไปยังจิลลา
“ไปกับผม เดี๋ยวนี้เลย!”
พูดไป ชุติเดชก็เดินถือกระบี่นำทางลงเขาไป คนอื่นๆ ก็หันหัวกลับไปมองยังทิศทางของห้องโถงสำนักเทพยาเซียน แล้วก็เดินลงไปอย่างช้าๆ
จิลลาก็น้ำตาคลอ แต่ในใจเธอนั้นรู้ดี ที่ชุติเดชทำแบบนี้ ก็เพื่อทุกคน
เดินตามอยู่ท้ายขบวน จิลลาเดินหนึ่งก้าว หันหลังกลับไปมองถึงสามรอบ
ทันใดนั้น เงาดำสองคนก็เดินมุ่งหน้ามายังขบวนลงเขา
“พวกคุณรอเดี๋ยว รีบดูสิ นั่นคือใคร!”
จิลลพูดอย่างตื่นเต้น สายตาก็มีความดีใจและรีบเข้าไปต้อนรับทั้งสองคนนั้น
“ระวังด้วย พี่จิลลา!”
ชุติเดชมองไปตรงหน้าด้วยสายตาระแวดระวัง ในมือก็ถือกระบี่รีบตามเข้าไป
ความคิดในใจของเขา คิดว่าตอนนี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด อีกอย่าง ด้านหน้าก็เป็นความมืด มองไม่ชัดว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
ถ้าเดินดุ่มๆ ไปข้างหน้าแบบจิลลาล่ะก็ ก็เท่ากับวู่วามเกินไป
“ด้านหน้านั้นเป็นใคร รีบบอกชื่อมา!”
ชุติเดชตะโกนออกไป
“ฮ่าๆ ชุติเดชเอ้ย อาจารย์อาของแกเองก็จำไม่ได้รึไง”
เสียงของปยุตดังมาจากข้างหน้า ชุติเดชก็เลยวางใจขึ้นมาได้
“อาจารย์!”
จิลลาตื่นเต้นมาก แล้วรีบวิ่งไปข้างหน้า
พวกของชุติเดชก็รีบตามเข้าไป เป็นจริงดังนั้น ทั้งสองคนตรงหน้าก็คือจิรภัทรและปยุต
ในตอนนี้ พวกเขาสองคนก็กำลังยิ้ม ได้เห็นลูกศิษย์ของตนเองทั้งหมดปลอดภัยดี ก็ทำให้พวกเขาเบาใจ
“เจ้าจิรภัทร สบายดีนะครับ”
บุณยผลเดินมาตรงหน้า แล้วยกมือคำนับพูด
“ครับผู้อาวุโสบุณยผล” จิรภัทรทำความเคารพกลับไป แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าทำไมคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุพวกคุณทำไมยังกลับไปอีกล่ะ? หรือว่า………”
พูดไป สายตาของจิรภัทรและปยุตก็เคร่งขรึมขึ้นมา
แผนการที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมาสำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้ พวกเขารู้เป็นอย่างดี ตอนนี้คนพวกนี้ยังไม่กลับออกไป หรือว่าจะยังสนใจสิ่งของในถ้ำของที่นี่อีกงั้นหรือ?
“เปล่าครับ เจ้าจิรภัทร คุณเข้าใจผิดแล้ว”
บุณยผลรีบพูดขึ้นว่า “ที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเรายังอยู่ที่นี่ ก็เพื่อรอคอยเจ้าจิรภัทรนั่นแหละครับ เพื่อแสดงความซาบซึ้งที่พวกเรามีต่อคุณไงครับ”
“แสดงความซาบซึ้งงั้นหรือ?” ปยุตยิ้มพูดอย่างไม่เป็นมิตร “คนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุอย่างพวกคุณ รู้จักซาบซึ้งด้วยหรือ?”
บุณยผลก็หน้าเสีย “ที่ครั้งนี้พวกเราหนีรอดมาได้ ก็เพราะพวกคุณจัดการได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ ผู้อาวุโสชนุตร์โชคร้ายไม่รอดกลับออกมา จะว่าไปแล้ว ชายสวมหน้ากากคนนั้นและนีย์ ก็เป็นเพราะพวกเราพาขึ้นมาบนสำนักเทพยาเซียนเอง ไม่คิดว่าพวกเขาจะตอบแทนบุณกลับมาแบบนี้ สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน”
“ตอนนี้เห็นพวกคุณสองคนปลอดภัยดี พวกเราก็สบายใจขึ้นเยอะ”
“เหอะ!ปกติสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกคุณจะรู้จักแต่เงินไม่รู้มิตรสหาย นี่มันเป็นนิสัยของพวกคุณไม่ใช่หรือ?” ปยุตพูดอย่างไม่ไว้หน้า
แต่ละคำล้วนแทงใจดำ ทำให้บุณยผลพูดไม่ออก
“เอาเถอะ ผู้อาวุโสบุณยผล คุณคิดได้แบบนี้ ผมก็ชื่นชมแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ ที่พวกคุณควรจะขอบคุณนั้นไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นรพีพงษ์ เขานั่นแหละที่ทำให้พวกเราได้หนีรอดออกมาอย่างปลอดภัย”
จิรภัทรมีสายตานิ่งๆ แล้วก็พูดว่า “พวกคุณลงเขาไปเถอะ ส่วนศิษย์น้องชนุตร์…..ถ้าจัดงานศพขึ้น เดี๋ยวผมจะไปเคารพศพเอง”
“ครับ รักษาตัวด้วย”
บุณยผลคำนับ แล้วก็พาคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุกลับออกไป
“ยัยหนู มัวมองอะไรอยู่น่ะ? กำลังมองหาพี่รพีพงษ์ของเธออยู่ใช่ไหมล่ะ?”
ปยุตชะเง้อมองจิลลา แล้วถาม
“ใช่น่ะสิคะ อาจารย์”
จิลลาเดินมาตรงหน้าของปยุต “พี่รพีพงษ์ล่ะคะ ทำไมไม่เห็นกลับออกมาพร้อมกับพวกท่านล่ะ?”
“ใช่น่ะสิครับ พี่รพีพงษ์ล่ะครับ?”
ชุติเดชก็ถามด้วย เหล่าศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนก็มีสายตาจริงจังขึ้นมา
“หรือว่า ชายสวมหน้ากากคนนั้นจะ……..” จิลลาครุ่นคิดแล้วก็กลัว
“วางใจเถอะ ไอ้คนสวมหน้ากากนั่นมันทำไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์หรอก ถูกรพีพงษ์ฆ่าตายไปแล้วล่ะ”
ปยุตยิ้มเบาๆ
“สมกับเป็นไอดอลของผมจริงๆ ผมบอกแล้วไงว่าพี่รพีพงษ์จะต้องจัดกับไอ้คนสวมหน้ากากนั้นได้แน่นอน!” ชุติเดชดีใจกระโดดขึ้นพูด
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียน พอได้ยินว่ารพีพงษ์ปลอดภัยแล้ว ก็อารณ์ไปตามกัน
“แต่ว่า เขาไปไหนล่ะคะ? ทำไมไม่กลับออกมาพร้อมกับพวกท่านล่ะ หรือว่าจะรอพวกเราอยู่ที่ห้องโถง?”
จิลลาถามอย่างสงสัย
สายตาของจิรภัทรและปยุตก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“อย่าลืมนะว่า ยังมีคนที่ชื่อนีย์ที่ต้องจัดการอีก ตอนนี้รพีพงษ์……….เขาได้เข้าไปในป่าหมอกแล้ว”
“ป่าหมอกงั้นหรือ?”
เหล่าลูกศิษย์ตกใจ
“ถ้าอย่างนั้น คนที่ชื่อนีย์ก็เข้าป่าหมอกไปด้วยแล้วสิ? แต่ว่า เธอจะทำแบบนั้นไปทำไมนะ?”
“ก็เพื่อแหล่งพลังทิพย์ไงล่ะ!” จิรภัทรตอบอย่างโมโห
“แหล่งพลังทิพย์งั้นหรือ?” ทุกคนก็ฉงนใจ
จิรภัทรยืนตรงหน้าเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียน แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ทุกคนฟังคำสั่ง รีบเข้าไปในป่าหมอกเพื่อรอรพีพงษ์ ส่วนเรื่องของแหล่งพลังทิพย์ วันหลังมีเวลา เดี๋ยวผมจะอธิบายกับทุกคนเอง สรุปแล้วพวกเราจงจำไว้ว่า สำนักเทพยาเซียนและป่าหมอกของพวกเรา เป็นสถานที่ที่สำคัญมาก ควรค่าที่จะให้พวกเราปกป้องด้วยชีวิต!”
“น้อมรับคำสั่ง ท่านเจ้าสำนัก!”
ทุกคนก็ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน จากนั้น ก็หันหลังกลับขึ้นเขาไป
……
ทางใต้หุบเหวลึก
รพีพงษ์และนีย์นอนสลบที่พื้น
รพีพงษ์ในตอนนี้ เห็นแต่แสงสีทองตรงหน้า และในแสงสีทองนั้น ก็มีภาพเรื่องราวที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับอารียาผ่านไปผ่านมา
จากนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหนูลินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แล้วก็ร้องเรียกไม่หยุด “พ่อคะ พ่อคะ…..”
ภาพนั้นมันดูมีความสุขอย่างมาก ทำให้รพีพงษ์หลับใหลอยู่ในภาพเหล่านี้
ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป เป็นเมฆดำปกคลุม
ภาพแหล่งพลังทิพย์ในป่าหมอก นีย์และจิรพนธ์กำลังหัวเราะเยาะตนเองอย่างบ้าคลั่ง พลังทิพย์ที่ผุดออกมาจากรอยแยกที่พื้น ถูกพวกเขาดูดออกไป ส่วนตนเองนั้น ก็เหมือนกับถูกอะไรควบคุมตัวไว้ ขยับอะไรไม่ได้เลย ได้แต่มองพวกเขาทำเรื่องโอหังอยู่ตรงหน้า
“ไม่ ไม่ได้ ผมจะไม่ให้พวกคุณได้มันไปหรอก!”
เสียงตะโกนดัง รพีพงษ์ที่นอนสลบบนพื้นก็ลืมตาขึ้นมา
เขาลุกขึ้นนั่ง ความอ่อนล้าก็เข้าครอบงำทั่วทั้งร่าง
ด้านหน้า เป็นหุบเหว ในหัวของเขาจำได้แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งสุดท้าย
การกระทำของแรดโบราณดูเหมือนจะวู่วามไป แต่ทำให้ตนเองได้มีโอกาสรอด
และเขาก็คิดได้ว่า ตอนที่ตนเองตกลงมาในหุบเหวนั้น มนุษย์ทองคำตัวน้อยที่หลับใหลอยู่ในหัว ก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตรายสุดขีด แล้วก็ฟื้นตื่นขึ้นมา
ช่วงเวลาเป็นตาย ภายใต้การรับรู้ของจิตวิญญาณเทพ สุดท้ายก็ถูกเปิดออกมาได้โดยสัญชาตญาณ พลังทิพย์ครอบคลุมไปทั้งตัวของรพีพงษ์ ก็เลยไม่ทำให้รพีพงษ์จบชีวิตอยู่ในหุบเหวนี้
รพีพงษ์ค่อยๆ ลุกขึ้น เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองนั้นสลบไปนานเท่าไร แล้วก็ไม่รู้ว่าพวกของจิรภัทรและเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนได้รวมตัวกันหรือยัง
รอบตัวล้วนเป็นความมืดมิด แต่ไม่ไกลจากที่นั่น ก็มีแสงส่องออกมา
รพีพงษ์ก็เดินตามแสงสว่างนั้นไป
“คือเธองั้นหรือ?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ที่แท้คนที่นอนอยู่ที่พื้นก็คือนีย์
ส่วนแสงไปนั้น ก็คือไฟฉายส่องทางของนีย์ที่ใช้ส่องทางก่อนหน้านี้
รพีพงษ์เดินมาตรงหน้านีย์ แล้วนั่งยองลง ในตอนนี้ แผลที่หัวไหล่ของนีย์ก็ได้ตกสะเก็ดแล้ว แต่ว่าเนื่องจากมีแรดโบราณมากระแทกชนเข้า ร่างกายก็เลยฟกช้ำมากกว่าเดิมหลายที่
สองนิ้วก็มาอังที่จมูกของนีย์ รพีพงษ์ก็สามารถสัมผัสได้ว่า ฝั่งตรงข้ามยังมีลมหายใจอ่อนๆ กำลังโรยริน
ถึงอย่างไรก็เป็นถึงแดนดั่งเทพชั้นยอด ก็น่าจะเหมือนกับรพีพงษ์ ตอนที่นีย์พลัดตกลงมานั้น ก็น่าจะใช้พลังปกป้องร่างกายเหมือนกัน ถึงได้รักษาชีวิตไว้ได้
มองนีย์ที่สลบอยู่บนพื้น รพีพงษ์รู้ว่า ในตอนนี้เธอไม่มีแรงที่จะต่อต้านใดๆ และยังเป็นโอกาสดีที่จะลงมือฆ่าเธอเสีย!
กระบี่สยบเซียนก็ค่อยๆ ออกจากฝัก ในสายตาของรพีพงษ์ รังสีการฆ่าก็พลุ่งพล่าน!