พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1287 ทวีปโอชวิน
ทวีปโอชวินนั้น
เป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์ อยู่นอกเหนือจากโลกใบนี้
ในตำหนักที่ใหญ่โตโอฬาร มีคนหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่ เขาก็คือผู้ผู้ปกครองสูงสุดของทวีปโอชวิน ชื่อจิรกิตติ์ ด้านซ้ายขวาของเขา ก็มีคนนั่งแยกอยู่อีก2คน
สองคนนี้เป็นพี่น้องแท้ๆ ของเขา ชื่อชลัชและชลิต
บนพื้นนั้น เป็นหมอกสีขาวไหลวน หมอกพวกนี้ล้วนเกิดจากพลังทิพย์ทั้งนั้น
วันนี้ ทั้ง3คนออกมาพร้อมกันในตำหนัก เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว
จิรกิตติ์คิ้วขมวด หนวดเคราของเขาได้ขาวโพลนหมดแล้ว แต่ทว่ายังแต่งตัวดูดี เสื้อผ้าถักทอด้วยไหมเงินหรูหรา
“รายงานท่านเจ้าทวีป!”
คนของทวีปโอชวินคนหนึ่งสวมชุดรูปแบบจีนขี่ช้างตัวใหญ่เข้ามา
“ว่ามา ใช่ข่าวของนีย์เอ๋อร์หรือไม่?”
จิรกิตติ์ถาม
คนทางด้านล่างก็ลงมาจากหลังช้าง แล้วคำนับตอบว่า “พวกเราสัมผัสได้ถึงพลังขององค์หญิงน้อย บริเวณเส้นทางติดต่อระหว่างทวีปโอชวินและโลกมนุษย์ครับ แต่ว่า……….”
“แต่ว่าอะไร?”
ผู้อาวุโสรองชลัชถามสีหน้าโมโห
คนคนนั้นก็ก้มหน้าตอบไปเสียงขรึมว่า “แต่ว่า พลังขององค์หญิงน้อยอ่อนแรงมาก อาจจะเป็นไปได้ว่า…….จะกลายเป็นเศษวิญญาณไปแล้ว”
“เหลวไหล!”
ชลัชก็กำแก้วหยกในมือจนแหลกละเอียด แล้วพูดอย่างโมโหว่า “นีย์เอ๋อร์เป็นถึงองค์หญิงน้อยของทวีปโอชวิน มีพลังถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบนตัวของเธอยังมียาเม็ดระดับเทพเซียนอยู่อีกเม็ดด้วย อาศัยแค่พวกมดตัวน้อยนิดบนโลกมนุษย์ จะสามารถทำอันตรายกับเธอได้หรือ? มึงทำงานผิดพลาดแน่!”
พอเห็นชลัชโมโหจัด คนคนนั้นก็ก้มหัวต่ำลงไปกว่าเดิม ตกใจจนตัวสั่นไปหมด
“พี่สอง อย่าโมโหไปเลย”
ชลิตพูดเสียงขรึม “จิรพนธ์ได้ออกไปตามนีย์เอ๋อร์แล้ว มีเขาคอยช่วย นีย์คงไม่เป็นอะไรหรอก”
“ถูกต้อง มีจิรพนธ์อยู่ด้วย ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนทำร้ายนีย์เอ๋อร์ได้”
เจ้าทวีปจิรกิตติ์พูดออกมานิ่งๆ
คนที่มีระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด กับคนที่มีระดับแดนเทพครึ่งก้าว มีพลังระดับนี้อยู่บนโลก ก็คือว่าวางอำนาจจัดการเรื่องต่างๆ ได้ตามสบายแล้ว
“ใช่ เจ้าทวีปพูดถูก เดี๋ยวผมจะรีบไปทางเชื่อมนั้น ไปตรวจสอบให้ชัดเจนแน่นอน”
คนข้างล่างก็พูดขึ้นมา ตอนที่กำลังจะจากไปนั้น ทันใดนั้น ไม่ไกลจากที่นั่นก็มีเสียงหัวเราะลั่นดังเข้ามา
“ท่านพ่อ ขออภัยด้วย ลูกมาช้าไป!”
ตัวคนยังมาไม่ถึง แต่เสียงมาถึงก่อน จากนั้น กลิ่นหอมก็โชยเข้ามา ผู้หญิงสวมชุดสวยหรูก็เดินเข้าในห้องโถงใหญ่
ใบหน้าของเธอเหมือนกับนีย์มาก เพียงแต่ระหว่างคิ้วมีความร้ายกาจมากกว่าเยอะ
เธอก็คือพี่สาวแท้ๆ ของนีย์ ชื่อว่าธัญทิพย์!
“ทิพย์ ในตำหนักนี้ห้ามผู้หญิงเข้ามา ถึงแม้เธอจะเป็นลูกของพ่อ ก็ไม่อาจจะทำผิดกฎได้ เธอออกไปเถอะ”
จิรกิตติ์พูดเสียงเย็น
“ท่านพ่อ”
ธัญทิพย์ทำเป็นยิ้ม แล้วก็ไม่สนใจ “นีย์เป็นน้องสาวของลูก ลูกเป็นพี่สาว จะกังวลหน่อยก็เป็นธรรมเ”
พูดจบ เธอก็ค่อยๆ เดินมาตรงหน้าของชายคนนั้น แล้วถามเบาๆ ว่า “ฉันถามหน่อย นายสัมผัสถึงหลังของนีย์ท่องเที่ยวอยู่รอบๆ ใช่ไหม? นายบอกมาตามตรงเลยนะ”
ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังสายตาที่กดดันของธัญทิพย์
หนุ่มคนนี้ก็เหงื่อตก เขารู้ว่าถ้าตนเองพูดอะไรผิดไป ก็จจะได้รับโทษได้
“รายงานองค์หญิงใหญ่ กระผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ เดี๋ยวจะกลับไปตรวจสอบแล้วรายงานอีกครั้งครับ!”
ผัวะ!
เสียงตบบ้องหูไปหนึ่งฉาด
ธัญทิพย์ลงมือได้เด็ดเดี่ยวมาก
“ไอ้พวกสมควรตาย เรื่องที่ยังไม่ชัดเจนยังจะกล้าเข้ามารายงานในตำหนักอีก แกไม่รู้รึไงว่าเวลาของท่านเจ้าทวีปมีค่าขนาดไหน?”
“กระผมผิดไปแล้ว เดี๋ยวกระผมจะรีบกลับไปที่ทางเชื่อมนั้นเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มรีบคุกเข่าพูด
ธัญทิพย์มีสายตาดูถูก เห็นได้ชัดว่า เธอสนุกกับความรู้สึกที่ได้กำหนดความเป็นความตายของคนอื่น
แต่ว่า ในตอนนั้นเอง สัตว์พาหนะของชายหนุ่มคนนั้นก็ขยับขึ้น
สัตว์เซียนปกป้องเจ้านาย พอเห็นว่าเจ้านายของตนเองถูกทำร้าย ช้างยักษ์ตัวนี้ก็โมโหขึ้นมา หายใจแรงใส่ธัญทิพย์ไม่หยุด
“ไอ้พวกเดรัจฉานสมควรตาย!”
ธัญทิพย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ซัดฝ่ามือไป พลังมากมายก็มารวมอยู่ในฝ่ามือ
แค่ครั้งเดียว ช้างยักษ์ที่มีระดับแดนดั่งเทพก็ร่วงลงพื้นอย่างแรง ลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
ชายหนุ่มก็เหงื่อตกไม่หยุด และไม่กล้าส่งเสียงอะไร
“สัตว์อสูรที่แกเลี้ยงไว้ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฉันก็เลยลงมือจัดการให้แล้ว แกคงไม่โทษฉันหรอกนะ”
“กระผมมีวาสนามาจากที่ไหนกัน ถึงกล้าเชิญให้องค์หญิงใหญ่ลงมือให้ เดรัจฉานตัวนี้ ผมอยากจะฆ่ามันทิ้งนานแล้ว”
ชายหนุ่มรีบตอบไป
“พอได้แล้ว เอ็งออกไปก่อน ตรวจสอบให้เรียบร้อยแล้วค่อยมารายงาน จำไว้ว่า ถ้าเป็นเศษวิญญาณของนีย์เอ๋อร์จริงล่ะก็ จะต้องพาเธอกลับมาในทวีปโอชวินให้ได้!”
“รับทราบครับ!”
ชายหนุ่มรีบออกไปจากตำหนัก ต่อหน้าผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนอย่างธัญทิพย์ เขามีหรือจะกล้ามั่นใจต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
พอชายหนุ่มออกไปแล้ว ธัญทิพย์ก็หันมายิ้มกับจิรกิตติ์ “ท่านพ่อคะ พ่อว่าลูกจัดการแบบนี้ถูกต้องไหมคะ?”
จิรกิตติ์พยักหน้า “เธอทำถูกต้อง เพียงแต่ มาเข่นฆ่าชีวิตในตำหนักนี้ มันไม่ค่อยเหมาะสม”
“ทิพย์จัดการได้เด็ดเดี่ยว ผมชื่นชม”
ชลัชเอ่ยปาก “เป็นพี่สาวก็ต้องทำหน้าที่ของพี่สาว ไม่เหมือนกับนีย์เอ๋อร์ จากทวีปโอชวินไปตั้งนาน ไม่ได้อะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าทำงานอย่างไรกันแน่”
“เอาเถอะ ตอนนี้นีย์เอ๋อร์ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร พวกเราก็อย่าตีโพยตีพายไป แต่ผมก็ไม่เชื่อว่า ในโลกใบนี้ยังมีคนที่สามารถทำร้ายนีย์เอ๋อร์จนเหลือแต่เศษวิญญาณ” จิรกิตติ์กล่าว สายตาก็เผยรังสีอำมหิต
“ท่านพ่อคะ อย่าลืมนะคะว่าในโลก ยังคนที่ชื่อรพีพงษ์อยู่ด้วย ที่ครั้งนี้นีย์จากทวีปโอชวินไป ก็ไปเพื่อจัดการเขาไม่ใช่หรือคะ?”
ธัญทิพย์พูดเบาๆ
“รพีพงษ์งั้นหรือ?”
จิรกิตติ์พยักหน้าหลายครั้ง ถึงแม้ตัวจะอยู่ที่ทวีปโอชวิน แต่ก็รู้เรื่องยอดฝีมือในโลกเป็นอย่างดี
“ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือไม่ สรุปแล้ว หลายเดือนก่อนหน้านี้ พวกเราสัมผัสได้ถึงดวงจิตของจอมมารชูร่าดับสลายไป ปีนั้นเข้าได้ปิดทางเชื่อมต่อไปแล้ว ช่องว่างก็ได้กว้างขึ้น ผมคิดว่าอีกไม่นาน ทางเชื่อมก็จะถูกเปิดออกทั้งหมด พอถึงตอนนั้น ก็จะเป็นโอกาสที่ทวีปโอชวินจะเข้าบุกโจมตีโลก!”
“ฮ่าๆ ผมรอวันนี้มาหลายร้อยปีแล้ว” ชลัชกล่าว
“มีธีรพัฒน์ ธัชธรรมรวมทั้งรพีพงษ์อยู่ด้วย พอถึงตอนนั้นก็จะฆ่าให้หมด!”
ชลิตมีสายตาเยือกเย็น แต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นคนที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึก
ดวงจิตของจอมมารชูร่าดับสลาย สิ่งสุดท้ายที่ทวีปโอชวินระแวงก็ได้สูญสิ้นไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่รออย่างเงียบๆ รอวันที่ได้เข้าโจมตีโลก…………
ตัดมายังถ้ำในป่าหมอก
รพีพงษ์ก็ได้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับแล้ว การหลับไปในครั้งนี้ กินเวลาไปถึง6ชั่วโมง
มนุษย์ทองคำตัวน้อยในหัวก็ง่วงเหงาหาวนอนอย่างขี้เกียจ ดูเหมือนว่าจะฟื้นพลังได้กว่าครึ่งแล้ว
แต่ที่รพีพงษ์ตกใจก็คือ มนุษย์ทองคำตัวน้อยที่เป็นตัวของจิตวิญญาณเทพของตนเองนั้น ไม่เพียงบริสุทธิ์กว่าก่อนมาก บริเวณใบหน้าของมันยังเห็นว่ามีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
มันน่าอัศจรรย์มาก!
รพีพงษ์ก็ตื่นเต้นมาก เขารู้ดีว่าสิ่งนี้มันแสดงถึงว่าพลังจิตวิญญาณเทพของตนเองได้พัฒนาขึ้นไม่น้อย
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็เริ่มฝึกวิชาดูดวิญญาณเลยแล้วกัน”
รพีพงษ์นั่งขัดสมาธิ นึกถึงตอนที่สมัยนั้นจอมมารชูร่าฝึกวิชาดูดวิญญาณ แล้วสร้างกายชูร่าขึ้นมาใหม่ เขาเองก็หวังว่าตนเองจะได้เพิ่มระดับขั้นฝีมือของตนเองสักหลายๆ ขั้น!
ตามเคล็ดวิชาของวิชาลับ รพีพงษ์ก็ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณของตนเองออกมา
ตัวเขาที่มีจิตวิญญาณเทพฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว ก็สามารถดูดซับเอาพลังทิพย์รอบๆ ได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้น พลังทิพย์รอบๆ ถ้ำจากทั้งทั่วสารทิศก็พุ่งเข้าหาตัวรพีพงษ์
พลังทิพย์นั้น ยิ่งรวบรวมก็ยิ่งมีมาก สุดท้ายก็กลายเป็นพายุหมุน
รพีพงษ์ลืมตาขึ้น แล้วก็ส่งเสียงออกมา ชั่วพริบตาพลังจิตวิญญาณของตนเองก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด เนื่องจากพลังทิพย์รวมตัวกันจนเป็นพายุหมุน
ศีรษะของรพีพงษ์ก็มีเหงื่อไหลออกมา เขาถึงรับรู้ได้ว่า ทำไมตอนนั้นจอมมารชูร่าถึงบอกไว้ว่า ถ้าไม่ถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด ห้ามฝึกวิชาลับนี้
รพีพงษ์มีหลังจิตวิญญาณเทพแล้วก็เหมือนกัน ถ้าเป็นผู้ฝึกวิชาที่มีพลังจิตธรรมดาล่ะก็ ไม่มีทางจะทนได้เป็นเวลานานได้
เพียงแต่ รพีพงษ์ลืมไปจุดหนึ่ง ว่าตนเองนั้นมีจิตวิญญาณเทพแต่กำเนิด พายุหมุนที่เขารวบรวมพลังทิพย์มาได้นั้น แม้แต่จอมมารชูร่าในสมัยนั้นก็ไม่สามารถทำได้!
ก่อนหน้านี้ที่กลั่นยา ทำให้รพีพงษ์เรียนรู้ที่รวบรวมสมาธิ ตอนนี้เขาก็เลยใช้มันได้อย่างคล่องตัว
หลังจากพายุหมุนรวมกับพลังจิตวิญญาณ ก็กลายเป็นขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
รพีพงษ์กัดฟันหน้า ถ้าหากว่าอยากจะดูดซับพลังทิพย์นี้เข้าไปทั้งหมด ก็จะต้องทำให้พลังจิตวิญญาณเทพของตนเองอยู่เหนือกว่าพายุหมุน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง บนตัวของรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ว่า ความพยายามไม่ได้เสียเปล่า หลังจากที่ลงรวบรวมไปนั้น พลังจิตวิญญาณก็ได้หลอมรวมเข้ากับพลังทิพย์เป็นอย่างดี
“เก็บ!”
รพีพงษ์พูดออกมาเสียงดัง แล้วเก็บพลังจิตวิญญาณเทพเข้าไป
พายุหมุนที่มีขนาดใหญ่ก็ถูกเก็บเข้าไปในร่างของรพีพงษ์พร้อมกับพลังจิตวิญญาณเทพด้วย
ความรู้สึกที่มีพลังทิพย์เต็มเปี่ยมทั่วร่าง มันช่างดีจริงๆ เลย
รพีพงษ์รู้สึกว่าตนเองเต็มเปี่ยมด้วยพลังแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วก็ตั้งสติขึ้นอีกครั้ง เขารับรู้ได้ว่า ตนเองนั้นกำลังจะบรรลุระดับขั้นต่อไปแล้ว!