พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1295 คุณคือนักมายากล
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1295 คุณคือนักมายากล
“หนูก็ไม่รู้จักเหมือนกัน เขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงของชาวตะวันตก เห็นบอกว่าจะมาขอคำแนะนำจากอาจารย์ของหนู” เจสสิก้าพูดต่อ “หนูดูแล้วเขาไม่น่าเป็นคนดีหรอกนะ แต่อาจารย์ไม่ให้อยู่ด้วย หนูก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
“หมอชาวตะวันตกที่มีชื่อเสียง?”
รพีพงษ์ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ในเมื่อชุติเทพยุ่งอยู่ เขาจึงคิดว่าไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนดีกว่า
ส่วนไออ้วนคนนั้นไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ บอกว่าจะไปชงชาแต่หายตัวไปนานเลย
จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เสียงพูดคุยก็ได้ดังออกมาจากในห้อง
“ฮ่า ๆ การแพทย์แผนจีนก็ไม่เท่าไหร่นะ คุณหมอเทพ ผมว่าคุณควรมาเรียนแพทย์แผนตะวันตกของผมมากกว่านะครับ”
จากนั้นชายต่างชาติที่สูงเกือบสองเมตรก็เดินออกมาอย่างเย้ยหยัน ตามด้วยชุติเทพที่เดินอยู่ด้านหลังเขาด้วยสีหน้าหมดหมอง
ดูเหมือนว่าชุติเทพจะเป็นคนเสียเปรียบในการมาขอคำแนะนำของชาวตะวันตกคนนี้สินะ
“คุณหมอเทพ พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนไข้ของคุณใช่ไหมครับ?”
เมื่อชาวตะวันตกเห็นรพีพงษ์ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกก็คิดว่าเขาเป็นคนไข้ของคลินิกนี้
รพีพงษ์ไม่ได้ถือสาเขา แต่หลังจากที่เห็นสายตาของชาวต่างชาติคนนี้กวาดมองไปที่ตัวของอารียาหลายๆ รอบ ในใจของรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที
“รพีพงษ์?”
ชุติเทพรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นรพีพงษ์ จากนั้นเขาเหลือบมองไปที่เจสสิก้าอย่างตำหนิ
เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว ใครจะกล้าเป็นแขกสำคัญมากกว่าเขาอีก?
ชุติเทพกำลังจะกล่าวทักทายรพีพงษ์ แต่ทันใดนั้น รพีพงษ์ก็หยุดเขาด้วยสายตา
จากนั้นรพีพงษ์ก็พูดกับฝรั่งคนนั้นว่า “คุณพูดถูกครับ ผมมาหาหมอที่นี่!”
อารียากับเจสสิก้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ตกใจทันที และเจสสิก้าก็รีบถามเขาว่า “พี่รพีพงษ์ พี่ไม่สบายจริงเหรอ?”
“ก็จริงน่ะสิ ถ้าไม่ป่วยแล้วผมจะมาที่นี่ทำไมล่ะ?”
รพีพงษ์มองไปที่ชุติเทพแล้วพูดต่อ “คุณหมอเทพครับ ช่วยดูอาการผมทีนะครับ”
ชุติเทพยังคงงุนงงอยู่ จนกระทั่งรพีพงษ์ส่งสายตาให้เขา เขาถึงเข้าใจว่ารพีพงษ์กำลังจะช่วยเขาจัดการกับหมอฝรั่งคนนี้
“ฮ่า ๆ พ่อหนุ่ม วันนี้ถือว่าเป็นความโชคดีของคุณนะครับ”
หมอฝรั่งพูดขึ้นก่อน “ผมชื่อสตีเฟน เป็นหัวหน้าแพทย์จากโรงพยาบาลสหพันธรัฐอเมริกัน ถือว่าคุณโชคดีมากที่ได้เจอผมในวันนี้”
“หัวหน้าแพทย์เลยเหรอ? งั้นคุณก็เก่งกว่าคุณหมอเทพสิครับ” รพีพงษ์แกล้งถามอย่างสอพลอ
“เรื่องนี้คุณลองถามคุณหมอเทพได้นะ”
สตีเฟนพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เมื่อกี้ผมขอคำแนะนำจากคุณหมอเทพแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทักษะทางการแพทย์ของจีนก็ไม่เท่าไหร่นะ ถ้าต้องเทียบกับแพทย์แผนตะวันตกของเรา”
“โอ้ว? จริงเหรอครับ คุณหมอเทพ?” รพีพงษ์มองไปที่ชุติเทพ
ชุติเทพสีหน้าเคร่งเครียด “ผมยอมรับว่ายาตะวันตกบางตัวของคุณมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่แพทย์แผนจีนของเราก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คุณบอกนะครับ”
“คุณหมอเทพครับ ผมว่าทักษะทางการแพทย์ของจีนมีข้อบกพร่องนะ และมันคือความจริงครับ ไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณ หรือว่ากำลังภายในอะไรนั่น ทุกอย่างมันไม่มีตัวตน มองไม่เห็นด้วยซ้ำ แล้วมันจะมีจริงได้ยังไงครับ?” สตีเฟนยิ้มพูดอย่างดูถูก
“คุณจะรู้อะไรเล่า เส้นลมปราณหรือว่ากำลังภายใน ถึงแม้จะมองไม่ให้ด้วยตาเปล่า แล้วคุณเอาอะไรมาพูดว่ามันไม่มีอยู่จริง?”
เจสสิก้ารีบชิงตอบก่อน
“ฮ่า ๆ เอาสิ พวกคุณลองพิสูจน์ให้ผมเห็นก่อนสิว่ามีลมปราณกับกำลังภายในอยู่จริง แล้วผมจะยอมรับว่าแพทย์แผนจีนของพวกคุณมันดีจริง!”
สตีเฟนยิ้มพูดอย่างเย้ยหยัน
“คุณ……”
เจสสิก้ากัดริมฝีปากของเธอ เพราะของพวกนี้มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แล้วมันจะพิสูจน์ได้อย่างไร
ชุติเทพเองก็รู้สึกไม่พอใจมาก ชาวต่างชาติคนนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะจริงๆ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาขอคำแนะนำแต่ตั้งใจมาเยาะเย้ยเรามากกว่า
“คุณหมอเทพครับ”
ในขณะนี้รพีพงษ์ลุกขึ้นยืน
จากนั้นเดินเข้ามาหาชุติเทพแล้วพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้ผมไม่สบายมากครับ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อไปหมด คุณมีวิธีการรักษาโดยใช้การฝังเข็มแบบพิเศษไม่ใช่เหรอครับ ช่วยรักษาผมที ให้ผมได้หายใจสบายขึ้นหน่อยครับ”
“หืม? ให้ผม……ช่วยคุณฝังเข็ม?” ชุติเทพรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นดวงตาที่หนักแน่นชัดเจนของรพีพงษ์แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก
เมื่อสตีเฟนได้ยินเช่นนี้ก็รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “เอาสิ คุณหมอเทพ ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคุณจะรักษาคนไข้คนนี้ให้หายใจได้สะดวกยังไง”
ชุติเทพขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของรพีพงษ์แล้ว เขาก็รู้สึกอุ่นใจทันที
“ได้สิ คุณรอดูก็แล้วกันนะ เจสสิก้า ช่วยหยิบกล่องยาให้ผมที”
ไม่นานหลังจากนั้น เจสสิก้าก็หยิบกล่องยาที่ทำจากไม้จันทน์สีแดงออกมา เธอเปิดกล่องและด้านในก็เต็มไปด้วยอุปกรณ์ของชุติเทพที่ใช้ในการรักษาคนไข้
จากนั้นให้รพีพงษ์นั่งลงบนเก้าอี้ และสตีเฟนก็ยืนเกาะอกอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีที่รอซ้ำเดิมคนอื่น
“คุณหมอเทพ ถ้าคุณมีความสามารถจริงๆ คุณทำให้ผมเห็นลมปราณของเขาด้วยนะ ไม่อย่างนั้นผมไม่มีวันเชื่อในทักษะแพทย์แผนจีนของคุณหรอก”
ชุติเทพไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หยิบเข็มเงินออกมาจากกล่องยา
รพีพงษ์ดูหน้านิ่งมาก จากนั้นเขายิ้มพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณหมอเทพครับ คุณชำนาญในการรักษาโดยใช้วิธีนี้ไม่ใช่เหรอครับ คุณเคยใช้เข็มเงินทิ่มนิ้วหัวแม่มือของผม จากนั้นปล่อยลมปราณส่วนเกินในร่างกายผมออกมา แล้วผมก็หายป่วยเลย คุณยังจำได้ใช่ไหมครับ”
ประโยคนี้เป็นคำบอกใบ้ให้กับชุติเทพ ซึ่งชุติเทพก็เป็นคนฉลาดและรู้ทันทีว่ารพีพงษ์ต้องการจะสื่ออะไร
“จริงด้วยสินะ ความจำผมเริ่มไม่ดีแล้วจริงๆ เอาล่ะ ผมจะเริ่มแล้วนะ”
จากนั้นชุติเทพก็ใช้เข็มเงินทิ่มเข้าไปในนิ้วหัวแม่มือของรพีพงษ์
สตีเฟนที่อยู่ด้านข้างมองชุติเทพอย่างดูถูก เขาไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีลมปราณหรือกำลังภายในอะไรนั่น
แต่ทันใดนั้น สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจก็เกิดขึ้น
เหนือเข็มเงินนั้นมีควันสีขาวค่อยๆ แผ่ออกมา
แม้แต่ชุติเทพก็ยังแปลกใจ
แต่เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของรพีพงษ์แล้วเขาก็เข้าใจในทันที
ดูเหมือนว่ารพีพงษ์กำลังใช้เข็มเงินปล่อยกำลังภายในของเขาออกมา
“นี่……นี่มันอะไรกัน?” สตีเฟนรู้สึกตกใจมาก
“ลมปราณพวกนี้ที่ถูกปล่อยออกมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับคุณหมอเทพ คุณหมอเก่งสมคำร่ำลือจริงๆ ครับ ผมไปหาหมอมาหลายที่แล้ว แต่ไม่มีใครรักษาผมได้เลย” รพีพงษ์พูด
“เป็นไปไม่ได้ จะมีเรื่องปาฏิหาริย์แบบนี้ได้อย่างไรกัน?”
สตีเฟนพูดอย่างเสียงดัง
“ความจริงก็อยู่ตรงหน้าแล้ว คุณยังจะพูดอะไรอีกคะ” เจสสิก้าพูดด้วยอารมณ์
หลังจากเข็มเงินถูกถอนออก รพีพงษ์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วแสร้งทำเป็นขยับร่างกายไปมา
“ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว ร่างกายก็ไม่ปวดเมื่อยแล้วครับ”
“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แค่เข็มเงินเล็กๆ จะรักษาอาการป่วยของคนทั้งคนได้ยังไง? ไม่มีทางหรอก”
สตีเฟนพูดอย่างน่าเหลือเชื่อ “พวกคุณกำลังรวมหัวกันหลอกผมแน่!”
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วมองไปที่เขา “ในประเทศจีนยังมีเรื่องมหัศจรรย์อีกมากมายที่คุณยังไม่รู้ ต่อจากนี้ รบกวนคุณลืมตาสุนัขของคุณแล้วตั้งใจดูให้ดีนะ!”
จากนั้นรพีพงษ์สะบัดมือเบาๆ และมีดยาวสีทองก็ปรากฏออกมา
“นี่มัน……นี่มันอะไรกัน คุณเล่นมยากลเหรอ? คุณเป็นนักมายากลใช่ไหม?”
สตีเฟนสองมือกุมศีรษะแล้วอ้าปากค้าง
จากนั้นรพีพงษ์แค่ขยับเบาๆ มีดยาวเล่มนั้นก็กลายเป็นมีดสั้น และในที่สุดก็กลายเป็นแส้ยาวในพริบตา
สตีเฟนพยายามสะบัดหัวแรงๆ เพื่อจะให้ตื่นจากความฝัน ในเวลานี้เขาแทบจะไม่สามารถใช้คำพูดมาบรรยายกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาได้จริงๆ
รพีพงษ์ยิ้มอย่างเย็นชา ซึ่งผลลัพธ์นี้ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว
ตั้งแต่ที่คุยกับแรดโบราณในป่าหมอก เขาก็รู้ว่าแหล่งพลังทิพย์ของโลกใบนี้ร้อยละเก้าสิบจะอยู่ที่ประเทศจีน
และแหล่งพลังทิพย์ส่วนที่เหลือนั้นถูกทวีปโอชวินแย่งชิงไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่เหลือพลังทิพย์ที่ไหนอีก
สำหรับนักฝึกวิชาที่ต้องการพัฒนาการฝึกฝนนั้น แน่นอนว่าต้องใช้พลังทิพย์โดยปริยายอยู่แล้ว!
ส่วนสตีเฟนที่ไม่เคยเห็นนักฝึกวิชา เมื่อต้องเจอกับวิชาเสกอาวุธก็ต้องรู้สึกมหัศจรรย์อย่างแน่นอน
“ตอนนี้คุณยังกล้าดูถูกประเทศจีนของเราอีกไหม?”
รพีพงษ์เก็บดาบแล้วพูดอย่างเย็นชา
“ไม่ ไม่แล้วครับ” สตีเฟนพูดอย่างติดขัด สำหรับสิ่งที่เขาได้เห็นในวันนี้ เพียงพอที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อโลกของเขาได้อย่างแน่นอน
“คุณไปได้แล้ว”
ชุติเทพเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “เจสสิก้า ช่วยส่งแขกที!”
สตีเฟนพยักหน้าเบาๆ เขาในตอนนี้ ถ้าอยู่ต่อก็คงต้องขายหน้าไปกว่านี้
แต่หลังจากขยับเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หันเดินกลับไปหารพีพงษ์
จากนั้น ชาวต่างชาติตัวใหญ่คนนี้สองมือกำเข้าหากันแล้วพูดกับรพีพงษ์ว่า “ผมขอร้องครับ ช่วยรับผมเป็นลูกศิษย์ที ช่วยสอนวิชาเวทมนตร์ให้ผมด้วยครับ!”