พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1300 ระเบิดพลัง
“ไม่คิดเลยว่าเราจะล้าหลังเขาไปมากขนาดนี้”
เมื่อนฤชัยเห็นระดับฝีมือของรพีพงษ์ก็รู้สึกผิดหวังในตัวเองเล็กน้อย
ตั้งแต่รพีพงษ์ออกไปจากเกาะนี้ นฤชัยได้ฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน จนกระทั่งเกือบเทียบเท่าแดนดั่งเทพได้ในวันนี้ เหลือเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่เขาจะผ่านไปอีกขั้น
เดิมทีคิดว่าถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งเขาจะเซอร์ไพรซ์รพีพงษ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ารพีพงษ์ได้ก้าวเข้าสู่แดนเทพไปแล้ว และมันก็ทำให้ฝีมือของพวกเขาแตกต่างออกไปอีกขั้น
แม้ระดับของแดนเทพกับจุดสูงสุดของระดับแดนดั่งเทพจะต่างกันไม่มากนัก แต่เมื่อพูดถึงฝีมือการต่อสู้นั้นมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
อารมณ์ของนฤชัยค่อนข้างซับซ้อน เขาทั้งชื่นชมและทั้งรู้สึกอิจฉา เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่รพีพงษ์กลับอยู่เหนือกว่าเขาตั้งมาก
ในเวลานี้ บาวันที่เพิ่งสลบไปก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าบาวันได้สติ นิศมาก็รู้สึกโล่งใจทันที
“ศิษย์พี่นิศมา หนูเพิ่งเห็นรพีพงษ์ใช่ไหม หรือเป็นแค่ภาพลวงตา” บาวันพูดกับนิศมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ดวงตาของนิศมาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “บาวัน เธอดูนั่นสิ เขาคือใคร!”
บาวันมองตามทิศทางที่นิศมาชี้ และเธอก็เห็นชายร่างสูงที่ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าเธอ
แม้เธอจะไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้น แต่ท่ายืนที่หนักแน่นและความน่าเกรงขามของเขาก็ทำให้บาวันมั่นใจว่าชายผู้คนนี้ก็คือรพีพงษ์!
“รพี……รพีพงษ์ เขามาแล้วจริงๆ” บาวันพูดอย่างตื่นเต้น
และในขณะนี้ รพีพงษ์ยังคงจดจ่อกับการเผชิญหน้ากับนภวัต
หุ่นเชิดในแดนเทพ เป็นใครแรกที่เขาได้พบกับหุ่นเชิดที่อยู่ในระดับนี้ ไม่แปลกเลยที่ชยนต์กับแม่นางทอผ้าที่มีฝีมือในระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา
แต่อย่างไรก็ตาม รพีพงษ์เคยสังหารจิรพนธ์ที่เป็นยอดฝีมือในแดนเทพมาแล้ว ดังนั้นแค่หุ่นเชิดตนเดียวไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขาอยู่แล้ว
“เอาล่ะนะ เราวอร์มกันเสร็จแล้ว ได้เวลาเอาจริงแล้วล่ะ”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
นภวัตขมวดคิ้ว เพราะหมัดที่ปะทะกันเมื่อครู่นี้ เขาสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ที่อยู่เหนือกว่าเขา และเขายังต้องใช้แรงทั้งหมดในการปะทะกับรพีพงษ์เมื่อครู่นี้อีกด้วย
คงเป็นไปไม่ได้ที่เราใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่มันแค่อุ่นเครื่องหรอกนะ?
“เจ้าหนู นายอย่าหลงตัวเองมากไป เราต่างก็เป็นแดนเทพขั้นแรก แล้วนายเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน!”
นภวัตพูดอย่างเสียงดัง
แต่รพีพงษ์กลับดูนิ่งสงบ และไม่มีความผันผวนของลมหายใจในทั่วร่างกายของเขาเลยแม้แต่นิด
“บางที เราจะเอาระดับมาตัดสินไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้เราต่างก็อยู่ในแดนเทพขั้นแรก แต่พลังความแข็งแกร่งของเรานั้นมันต่างกัน”
“ไร้สาระสิ้นดี!”
นภวัตพูดด้วยความโกรธ แต่หลังจากนั้นเขาก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นความน่ากลัวของรพีพงษ์
กระบี่สยบเซียนสีทองค่อยๆ ขยายตัวออกมา และในที่สุดก็ตกไปอยู่ในมือของรพีพงษ์
“ผมไม่เคยไร้สาระ”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา จากนั้นเขาชี้ดาบไปที่ศัตรูแล้วฟันไปที่ตัวของเขา
นภวัตที่เห็นกระบี่สยบเซียนก็รู้ว่ากระบี่เล่นนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดาอย่างแน่นอน
เขาจึงรีบแปลงดาบยาวออกมาเล่มหนึ่ง แต่หลังจากที่ดาบของเขาสัมผัสกับดาบของรพีพงษ์ ดาบของเขาก็แตกหักไปเป็นเสี่ยงๆ ทันที!
“ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณต่างกับผมยังไง?”
รพีพงษ์ยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วเหวี่ยงออกไปอีกหนึ่งหมัด
ซึ่งหมัดก่อนหน้านี้ นภวัตต้องใช้แรงทั้งหมดกว่าจะต้านทานพลังหมัดของรพีพงษ์ได้ และในครั้งนี้ แม้เขาจะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่เขาคิดว่าน่าจะรับมือกับหมัดของรพีพงษ์ไหว
ทั้งสองจึงเหวี่ยมหมัดออกมาปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง เป็นการโจมตีที่เหมือนเดิมทุกอย่าง หมัดต่อหมัด แต่ในครั้งนี้สิ่งที่แต่งต่างกันก็คือผลลัพธ์
แคร่ก!
นิ้วทั้งห้าของนภวัตแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นตามด้วยพลังที่รุนแรงขยับขึ้นไปบนแขนของนภวัต
ซึ่งแรงอันทรงพลังนี้ขยับไปถึงไหน กระดูกแขนของนภวัตก็แตกหักไปถึงนั่น
ทันทีหลังจากนั้น ร่างอันสูงใหญ่ของนภวัตก็กระเด็นออกไปเป็นสิบเมตรและฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง
“เป็นไปได้ยังไง? ทำไมจู่ ๆ พลังของนายเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้!”
การโจมตีในครั้งแรกเขายังสามารถต้านทานแรงของรพีพงษ์ได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่มีแม้แต่โอกาสในการหลบการโจมตีเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่หุ่นเชิดตนนี้ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ!
“เหตุผลง่ายๆ สิ่งที่ผมมีนั้นคุณไม่มีไงล่ะ”
รพีพงษ์พูดง่ายเรียบง่าย ด้วยหมัดที่เรียบง่ายแต่แอบแฝงด้วยพลังวิเศษเสนที่ทุกคนในทวีปโอชวินต่างก็ต้องอิจฉา
และที่สำคัญกว่านั้นคือ ระดับฝีมือในการต่อสู้ของรพีพงษ์แข็งแกร่งขี้น พลังวิเศษเสนของเขาก็รุนแรงขึ้นด้วยเช่นกัน
ซึ่งความแข็งแกร่งของพลังวิเศษเสนนั้นรุนแรงกว่าเน่ยจิ้งเป็นสิบเท่า ดังนั้นแม้จะเป็นแดนเทพขั้นพีคที่เท่ากัน แต่นภวัตไม่มีทางรับมือรพีพงษ์ได้อย่างแน่นอน
“บ้าจริง ไอ้เด็กน้อยอย่างนายยังพอมีของด้วยสินะ”
นภวัตพูดอย่างเย็นชา และค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
จากนั้นเส้นเลือดในดวงตาขอเขากลายเป็นสีแดงที่เห็นได้อย่างชัดเจน และลมหายใจสีดำค่อย ๆ แผ่ออกมาจากตัวเขา
ชั่วขณะนั้น กลิ่นอายแห่งความตายได้ปกคลุมไปทั่วห้องโถงนี้
รพีพงษ์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่เห็นศัตรูกินยาอะไรเพิ่มเลย แต่ทำไมจู่ๆ พลังของเขาถึงเพิ่มขึ้นได้
“ไอ้หนู นายเก่งอยู่นะ แต่โชคร้ายที่นายต้องมาเจอข้าในวันนี้ ให้มันจบเท่านี้ก็แล้วกัน ข้าจะให้นายได้สัมผัสความโมโหจากองครักษ์กล้าตาย!”
ความโมโหจากองครักษ์กล้าตาย?
โดยที่ไม่รอช้า นภวัตพุ่งเข้าใส่รพีพงษ์ทันที
ในฐานะที่เป็นหุ่นเชิด ความเร็วนั้นเป็นสิ่งที่ได้เปรียบอยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจนรพีพงษ์ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หือ!
ทันใดนั้นรพีพงษ์รู้สึกว่ามีลมอยู่ด้านหลังศีรษะของเขา ไม่รู้ว่านภวัตมาถึงเมื่อไหร่ เมื่อรู้ตัวอีกทีนภวัตถือค้อนใหญ่ในมือแล้วทุบไปที่ศีรษะของรพีพงษ์
โชคดีที่รพีพงษ์ตอบสนองได้เร็วพอ เขากระโดดไปด้านข้างและหลบการโจมตีของศัตรูได้
แต่หลังจากนั้นเขาก็เหมือนเห็นภาพหลอน ศัตรูในตอนนี้เหมือนกับเทพมรณะที่อยู่ทุกหนทุกแห่งในห้องนี้
รพีพงษ์รู้สึกกังวลมาก ไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักสยบเซียนของเขาที่ยังอยู่ในห้องนี้
ถ้านภวัตที่เป็นเหมือนวิญญาณในขณะนี้เปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีไปที่พี่น้องของเขา เขาต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ต้องลงมือโดยเร็วที่สุด!
รพีพงษ์ตัดสินใจจากนั้นยืนนิ่งอยู่กับที่และค่อยๆ หลับตาลง
บาวันและคนอื่นๆ ที่เห็นรพีพงษ์แสดงท่าทีเช่นนั้น ทุกคนต่างก็สงสัยว่ารพีพงษ์กำลังจะยอมแพ้ใช่ไหม?
แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะด้วยความเร็วของศัตรูขนาดนี้นี้ ต่อให้เป็นพวกเขาเองก็ไม่อาจสู้ได้แม้แต่ในความคิด
มีเพียงนฤชัยที่นั่งพิงอยู่กำแพงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ารพีพงษ์กำลังทำอะไร รพีพงษ์ไม่ได้คิดยอมแพ้อย่างแน่นอน แต่เขาจะใช้วิธีที่ดีกว่าในการจัดการกับศัตรู
เงาของนภวัตกะพริบไปมาอย่างรวดเร็ว ทุกๆ แสงสีเงินที่ปรากฏให้เห็นนั้นล้วนเป็นการโจมตีรพีพงษ์ทั้งนั้น
รพีพงษ์หลับตาลงอย่างมีสมาธิและรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบตัวเขา
ขอเพียงมีการเคลื่อนไหวของเสียงลมเพียงเล็กน้อยเขาก็ตรวจจับได้ทันที
ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!
รพีพงษ์มีแผนการหนึ่งเกิดขึ้นในความคิดของเขา
และในขณะนี้ ค้อนของรพีพงษ์ก็เหวี่ยงเข้ามาอีกครั้ง
จากการโจมตีเป็นสิบครั้งในก่อนหน้านี้ รพีพงษ์สามารถหลบได้หมด ดังนั้นหลังจากโจมตีครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย นภวัตคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่คนของสำนักสยบเซียน
ขอแค่จับตัวพวกมันได้คนเดียวหรือสองคน รพีพงษ์ก็จะยอมแพ้เอง!
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ครั้งนี้รพีพงษ์ไม่ได้จะหลบการโจมตีของเขาอีก!
ค้อนเหวี่ยงลงมาในระยะที่ใกล้ขึ้น
รพีพงษ์จับการเคลื่อนไหวของศัตรูได้แล้ว
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้หลบการโจมตี และทำให้นภวัตรู้สึกประหลาดใจมาก
“ไอ้หนู หมดแรงแล้วสินะ!”
เมื่อเห็นรพีพงษ์ไม่มีการหลบหลีกการโจมตีอีก นภวัตจึงคิดว่ารพีพงษ์คงจะหมดแรงหลังจากถูกโจมตีนับสิบครั้งของเขา
ในขณะที่เขากำลังได้ใจนั้น และทันใดนั้นรพีพงษ์เอื้อมมือออกไป จากนั้นกระบี่สยบเซียนก็ปรากฏขึ้นที่มือของเขาและป้องกันการโจมตีของศัตรูไว้ได้
นภวัตที่เห็นเช่นนี้ก็พยายามจะไหวตัวออกห่างจากรพีพงษ์เหมือนการโจมตีของสิบครั้งที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้เขากลับทำไม่ได้อย่างที่คิด เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
มือซ้ายของรพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียน และในขณะเดียวกัน เขาใช้พลังวิเศษเสน และทำให้มือขวาของเขาแปลงแส้ยาวออกมาเส้นหนึ่ง
แส้ยาวเส้นนั้นผูกอยู่ที่ข้อเท้าของนภวัตจนทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
นภวัตตะโกนอย่างเสียงดัง
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขา “วันนี้เป็นวันสลายวิญญาณของคุณ!”
“แก……”
สีหน้านภวัตกลับกลายเป็นความกลัว
สำหรับหุ่นเชิดนั้น ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการถูกสลายวิญญาณแล้ว
“ข้าอยู่บนโลกนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว แกจะเอาอะไรมาสลายวิญญาณข้า?”
“ไม่เชื่อก็ลองดู!”
จากนั้นยานร่ายมนตร์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และเข้ามาครอบคลุมนภวัตทันที
นภวัต เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ตราคุมจิต!