พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1305 อยากจะลอง
หลังจากที่คนเหล่านี้จากไป รพีพงษ์และลูกศิษย์ของสำนักสยบเซียนก็ยิ้มให้กัน
“ไปเถอะ พวกเรากลับกันเถอะ” นฤชัยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ทุกคนพยักหน้า เมื่อสักครู่คนที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บเพิ่งทำร้ายคนขององค์กรผู้ก่อบาปทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังต้องการพักผ่อน
“รอสักครู่”
ในเวลานี้ รพีพงษ์ได้หยุดสมาชิกทั้งหมดของสำนักสยบเซียน
“ไม่ว่าจะยังไง ที่พวกเราสามารถรวมตัวกันได้ ต้องขอบคุณชัชพิสิฐ ตามคำกล่าวที่ว่า เป็นครูเพียงหนึ่งวันก็ต้องนับถือเป็นบิดาไปตลอดชีวิต แม้ว่าชัชพิสิฐจะชั่วร้ายมีเล่ห์เหลี่ยมและซ่อนเจตนาร้าย แต่ศิลปะการต่อสู้ของพวกเราส่วนมากได้รับการถ่ายทอดจากเขา”
หลังจากทุกคนฟังแล้วก็พยักหน้า
“รพีพงษ์พูดถูก หากปราศจากการสอนของชัชพิสิฐ ก็จะไม่มีสำนักสยบเซียนในปัจจุบัน” นฤชัยกล่าว
“ทำไม จะให้พวกเราจะโค้งคำนับและขอบคุณเขาหรือ? อย่าลืมสิว่า เขาเป็นคนที่คิดจะฆ่ารพีพงษ์ตั้งแต่แรก” บาวันกล่าวอย่างด้วยความโมโห เธอไม่เคยลืมความชั่วร้ายของชัชพิสิฐ
รพีพงษ์ยิ้มและกล่าวว่า “ตอนนี้สุสานกษัตริย์ฉินถูกซ่อนไว้ใต้ดิน และต่อไปก็จะไม่มีใครพบมันอีก สำหรับชัชพิสิฐ ให้พวกเราคำนับสถานที่นี้เพื่อขอบคุณที่เขาสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับพวกเรา แล้วก็ค่อยถ่มน้ำลายใส่ เพื่อแสดงถึงความเกลียดชังที่พวกเรามีต่อเขา พวกคุณคิดว่าอย่างไร”
“รพีพงษ์ฉลาดจริง ๆ โค้งคำนับก่อนแล้วค่อยถุยน้ำลายใส่ วิธีนี้ค่อนข้างดี ถือว่าพวกเราไม่ได้ทำผิดต่อชัชพิสิฐแล้ว”
บาวันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เกาะเหนือทะเลที่ไร้ขอบเขต รพีพงษ์ยืนอยู่แถวหน้า กลุ่มคนโค้งคำนับไปยังตำแหน่งสุสานกษัตริย์ฉิน จากนั้นก็ถ่มน้ำลายใส่ แล้วพวกเขาก็กลับไปยังที่พักด้วยรอยยิ้ม
กลับมาถึงที่ที่คุ้นเคย ทุกคนก็กลับห้องของตนเองเพื่อพักผ่อน
ห้าชั่วโมงต่อมา ซึ่งเป็นเวลากลางคืนแล้ว รพีพงษ์รู้สึกว่าทุกคนคงจะพักผ่อนกันเพียงพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงเรียกลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักสยบเซียนมารวมตัวกัน
นิศมาพยุงนฤชัยเดินเข้ามา ทั้งคู่ดูเขินเล็กน้อย การปล่อยให้ผู้ชายและผู้หญิงอยู่ด้วยกันในห้อง เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะพัฒนาความสัมพันธ์
สิ่งนี้ทำให้บาวันรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ฉะนั้นเธอดึงรพีพงษ์ให้มาพักในห้องของเธอ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์
ใบหน้าของรพีพงษ์เคร่งขรึม ผู้หญิงที่ตนเองได้พบเจอ ทำไมถึงได้เปิดกว้างเหมือนกันหมด?
เมื่อทุกคนมาครบ รพีพงษ์โบกมือ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลูกศิษย์หลายคนของสำนักสยบเซียนก็เดินออกไป แต่ละคนถือจานที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส
“ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาทำให้ทุกคนลำบาก ตอนนี้ได้เตรียมอาหารไว้ให้ทุกคนแล้ว พวกเราทานอาหารไปแล้วก็คุยไป”
รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ว้าว ไม่คิดว่าคุณจะทำอาหารเป็น” บาวันกล่าวชม “รพีพงษ์ ไม่เสียแรงที่คุณเป็นแฟนของฉันจริง ๆ แฟนที่เต็มไปด้วยพลัง!”
กลัวว่าหญิงสาวคนนี้จะพูดไร้สาระมากไปกว่านี้ รพีพงษ์จึงหยิบน่องไก่ขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในปากของเธอ
อาหารเลิศรสบนโต๊ะทำให้ลูกศิษย์เหล่านี้น้ำลายไหล เพราะพวกเขาไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว จากนั้นพวกเขาก็กินอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยง แล้วยังชมฝีมือการทำอาหารของรพีพงษ์
“หลังจากกินอิ่มแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะบอกเรื่องหลักกับพวกคุณ”
รพีพงษ์กล่าวกับทุกคน
ก่อนหน้านั้นตนเองได้ฝากจดหมายให้ชยนต์กับตมิสา แต่เนื่องจากนภวัต พวกเขาจึงยังไม่ทันได้ส่งจดหมายให้นฤชัยและคนอื่น ๆ ดังนั้นตอนนี้ตนเองจำเป็นอธิบายให้พวกเขาฟัง
“รพีพงษ์ มีเรื่องอะไร คุณก็บอกมาตามตรง พวกเราทุกคนในสำนักสยบเซียน กำลังฟังคุณอยู่”
นฤชัยเป็นผู้นำในการแสดงจุดยืน ตนเองรู้ว่า แม้ว่าขาจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ แต่ในแง่ของความแข็งแกร่งและความสามารถ รพีพงษ์นั้นอยู่สูงกว่าตนเองมาก
รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ถ่อมตนต่อไป ด้วยสายตาที่เฉียบแหลม และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “โลกของพวกเรา จะเกิดภัยพิบัติในไม่ช้า……. ”
หลังจากนั้น รพีพงษ์ได้เล่าเรื่องเศษวิญญาณของฐปนีย์ที่หนีไป และเรื่องแหล่งพลังทิพย์ในป่าหมอกให้นฤชัยและคนอื่น ๆ ฟัง
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงจนตาค้างและพูดอะไรไม่ออก ขณะที่พวกเขากำลังฝึกอยู่บนเกาะที่เงียบสงบแห่งนี้ ไม่คาดคิดว่า รพีพงษ์ที่อยู่ภายนอกต้องประสบกับสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้
เพียงแค่ฟังคำพูดที่สงบของรพีพงษ์ คนเหล่านี้ก็สามารถรู้สึกถึงวิกฤตครั้งใหญ่ได้
ทำให้นึกถึงก่อนหน้านั้นที่อยู่ในสุสานกษัตริย์ฉิน ที่นภวัตได้รู้ว่าเศษวิญญาณของฐปนีย์ถูกคนของทวีปโอชวินรับไปแล้ว และทำให้พวกเขายิ่งตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้มากขึ้น
“รพีพงษ์!”
นฤชัยกล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “ไม่คิดว่าในช่วงเวลาที่คุณอยู่ภายนอกจะเจอกับเรื่องมากมาย ตอนที่พวกเราก่อตั้งสำนักสยบเซียน เป้าหมายหลักก็คือเพื่อที่จะต่อสู้กับทวีปโอชวิน ตอนนี้ถึงเวลาของพวกเราแล้ว แค่คุณพูดมา พวกเราจะเป็นผู้สนับสนุนที่ทรงพลังที่สุดของคุณ!”
“ถูกต้อง ศิษย์พี่รพีพงษ์ ต้องการให้พวกเราทำอะไร ก็พูดมาเถอะ!”
“ใช่แล้ว ทวีปโอชวินช่างชั่วร้ายนัก พวกเราจะไม่ยอมให้แหล่งพลังทิพย์ที่สุดท้ายบนโลกถูกพวกเขาพรากไปเด็ดขาด!”
ทุกคนแสดงความคิดเห็น
รพีพงษ์รู้สึกพึงพอใจมาก ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของเขาจะถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง ศิษย์พี่ศิษย์น้องของตนเองเหล่านี้ เป็นสหายที่ใกล้ชิดที่สามารถแบกภาระหนักและต่อสู้กับทวีปโอชวินไปพร้อมกับตนเองได้!
“ด้วยคำพูดเหล่านี้จากพวกคุณ ผมก็รู้สึกวางใจ” รพีพงษ์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “แต่ว่า ความสามารถตอนนี้ของพวกคุณถ้าจะต่อต้านทวีปโอชวิน เกรงว่ายังมีบางสิ่งที่ขาดอยู่”
หลังจากฟัง ทุกคนก็เงียบไปครู่หนึ่ง ความจริง เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งในทวีปโอชวินแล้ว มีเพียงนฤชัยคนเดียวที่มีความสามารถพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของทวีปโอชวินได้ ส่วนคนที่เหลือหากต่อสู้กับคนของทวีปโอชวิน พวกเขาอาจจะแค่ตัวรับกระสุน
เมื่อเห็นว่าทุกคนท้อใจเล็กน้อย รพีพงษ์กล่าวต่อไปว่า “แต่ไม่เป็นไร ผมได้เตรียมยาเม็ดวิญญาณชี่ของสำนักเทพยาเซียนเพื่อให้ทุกคนเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง นอกจากนี้สำนักเทพยาเซียนเต็มไปด้วยพลังทิพย์ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับให้พวกคุณฝึกฝนพัฒนาเป็นที่สุด”
“คุณหมายความว่า อยากให้พวกเราไปที่สำนักเทพยาเซียนใช่ไหม?” นิศมากล่าวถาม
“ถูกต้อง” รพีพงษ์พยักหน้า เขารู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับทวีปโอชวิน จะต้องอยู่ที่สำนักเทพยาเซียน
เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ลูกศิษย์ของสำนักสยบเซียนก็กระตือรือร้นอยากจะลอง พวกเขาอยู่บนเกาะนี้นานเกินไปแล้ว และพวกเขาอยากออกไปดูโลกภายนอกนานแล้ว แม้ว่าจะต่อสู้กับทวีปโอชวินแล้วยังไง ถ้าสามารถมีส่วนช่วยโลกนี้ได้ มันเป็นอุดมคติของพวกเขา
“นฤชัย นิศมา สำนักเทพยาเซียนเต็มไปด้วยพลังทิพย์ ถ้าพวกคุณไปที่นั่นจะเป็นการดีที่สุด อีกสักครู่ผมจะถ่ายทอดวิชาดูดพลังทิพย์ให้พวกคุณ แล้วรอจนกว่าพวกคุณจะกินยาเม็ดวิญญาณชี่แล้วไปถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด ถึงจะใช้วิชาดูดพลังทิพย์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้ จำไว้ว่า พวกคุณต้องรอจนกว่าจะถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดก่อน ถึงจะสามารถใช้งานได้ ลูกศิษย์ที่เหลือก็ทำเหมือนกันหมด” รพีพงษ์กล่าว
คนเหล่านี้พยักหน้าทีละคน นี่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่จากรพีพงษ์ ซึ่งสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว ใครล่ะจะไม่ต้องการ?
“เอาล่ะ รพีพงษ์ เมื่อได้ยินสิ่งที่คุณพูด เวลาก็กระชั้นชิดแล้ว พวกเราไปที่สำนักเทพยาเซียนพร้อมกันเถอะ” บาวันกล่าวอย่างแทบรอไม่ไหว
“ไม่ต้องรีบ รออีกสองสามวันให้อาการบาดเจ็บของพวกคุณหายพอสมควร แล้วค่อยเริ่มออกเดินทาง ส่วนผมยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ
“อะไรนะ? คุณหมายความว่าจะให้พวกเราไปเอง คุณจะไม่ไปพร้อมกับพวกเราหรือ?” บารันถามอย่างสงสัย
“ใช่ ตอนบ่ายขณะที่ผมว่างจากการทำอาหาร ผมได้ดูแผนที่ที่คนคนนั้นให้มา ผมอยากไปเห็นแดนลับนี้” รพีพงษ์กล่าว
“คุณต้องการที่จะบุกเข้าไปในแดนลับ?”
ทุกคนมองไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “แผนที่นี้ค่อนข้างรายละเอียด ดูเหมือนว่านภวัตได้เตรียมการไว้ก่อนเป็นอย่างดี แผนที่บอกว่าแดนลับอยู่เหนือทะเลทรายตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกสิบปีมีโอกาสเข้าไปเพียงครั้งเดียว และปีนี้เป็นหนึ่งในโอกาสเหล่านั้น และจากตัวอักษรเล็ก ๆ บนแผนที่ อีกเจ็ดวันทางลับจะเปิด ถ้าพลาดครั้งนี้ต้องรออีกสิบปี”
นฤชัยพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่นภวัตแทบรอไม่ไหวที่จะเรียกคนขององค์กรผู้ก่อบาปมาที่เกาะเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง ที่แพ้ก็เพื่อจุดประสงค์ในการเข้าสู่แดนลับในปีนี้นี่เอง
“แต่ว่า ตามที่คุณพูด ในเมื่อแดนลับทุกสิบปีมีโอกาสเข้าไปเพียงครั้งเดียว หลังจากเข้าไปแล้ว อาจออกมาไม่ได้? ต้องรออีกสิบปีไหม?” บารันกล่าวด้วยความกังวล
รพีพงษ์กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มีบันทึกไว้ว่าเมื่อแดนลับนี้เปิดออก คุณสามารถออกมาได้ภายในสามวัน”
“แล้วภายในสามวันนี้ถ้าคุณไม่ออกมาล่ะ?” บารันถาม
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และกล่าวเบา ๆว่า “เรื่องนี่……ไม่มีในบันทึก”
ทุกคนเงียบ พวกเขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“วางใจเถอะ ตอนนี้ผมอยู่ในระดับแดนเทพขั้นแรก ถ้าอยากจะเล่นงานผมมันไม่ใช่เรื่องง่าย ขอให้ทุกคนตั้งใจฝึกฝนอยู่ที่สำนักเทพยาเซียน ผมจะไปหาพวกคุณอย่างแน่นอน”
รพีพงษ์กล่าวเสียงดังขึ้น ตอนนี้รพีพงษ์มีความอยากรู้อยากเห็นผลเทพในแดนลับที่นภวัตอยากได้