พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1332 ไม่แคร์
สำหรับคนที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนวิชามาก่อนนั้น รพีพงษ์ไม่จำเป็นต้องเสียแรงให้มาก แต่ใช้แค่พลังเน่ยจิ้งเบาๆ ก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้แล้ว
“พวกไร้ประโยชน์จริงๆ!”
ธนวัฒน์ดูด้วยความดูถูก
รพีพงษ์ยังคงสงบ และภายใต้การรับรู้ของจิตวิญญาณเทพของเขา เขาสามารถตรวจพบได้อย่างง่ายดายว่าระดับของธนวัฒน์นั้นอยู่ที่แดนดั่งเทพขั้นต้นเท่านั้น ดังนั้นฝีมือเท่านี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย
เพียงแต่ว่า รพีพงษ์สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของธนวัฒน์ แต่ธนวัฒน์กลับทำเช่นนั้นไม่ได้ ดังนั้นในความคิดของเขาคือ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้แค่มีแรงมากกว่าคนปกติ ถ้าเขาได้ใช้พลังของผู้มีวิชา รับรองว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้ภายในสามวินาที!
“ดูเหมือนว่าคงต้องถึงมือข้าแล้วสินะ”
ธนวัฒน์พูดอย่างเย็นชา จากนั้นสะบัดข้อมือและมีดยาวอันแหลมคมก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
รพีพงษ์แอบยิ้มในใจ หลังจากที่เห็นพลังแดนดั่งเทพของคู่ต่อสู้นั้น เขาก็รู้ว่าฝีมือของธนวัฒน์นั้นอ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“นายไม่แปลกใจเลยเหรอ?”
ธนวัฒน์ถามอย่างคาดหวัง เพราะถ้าเป็นคนปกติที่เห็นวิชานี้ของเขา พวกเขาคงต้องตกใจจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน
แต่รพีพงษ์กลับตอบอย่างเฉยชา “ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ เข้ามาเลย”
“ได้สิ กูจะให้มึงรู้ว่ามึงกับกูมันแตกต่างมากแค่ไหน!”
จากนั้นบาวันก็ใช้มีดฟันไปที่รพีพงษ์
เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีแล้ว
แต่รพีพงษ์ยังคงนิ่งเฉยและไม่ได้สนใจเขาเลย
“พี่รพี!”
ญาณินโพล่งออกมาด้วยความตกใจ ส่วนลุงตรัยที่อยู่ข้างๆ ก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ไม่ต้องกังวลหรอก นายน้อยไม่เป็นไร แต่คนที่จะเป็นไรคือไอ้หมอนั่นมากกว่า”
และแล้ว ในขณะที่ธนวัฒน์มั่นใจว่าจะจัดการกับรพีพงษ์ได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวของเขา รพีพงษ์ยื่นมือออกไปแล้วจับปลายมีดของเขาไว้อย่างรวดเร็ว และทำให้ธนวัฒน์ไม่สามารถขยับตัวได้ในทันที
“ให้ตายสิ!” ธนวัฒน์กัดฟันพูด
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วใช้พลังวิเศษเสนอย่างเงียบๆ และในทันใดนั้น มีดของศัตรูก็กลายเป็นฝุ่นในพริบตา
“เป็นไปได้ไง?”
กระทั่งเวลานี้ ธนวัฒน์ถึงตระหนักว่าความแข็งแกร่งของชายตรงหน้าคนนี้มันน่ากลัวเพียงใด
“ตาผมบ้างนะ”
จากนั้นรพีพงษ์ก็ใช้พลังวิเศษเสนเพื่อเสกดาบซามูไรออกมาเล่มหนึ่ง
เป็นดาบซามูไรเล่มสีม่วงแดงที่ดูแล้วแหลมคมสวยงามกว่ามีดของธนวัฒน์ก่อนหน้านี้มาก
“นาย……นายเป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพ?”
ธนวัฒน์พูดอย่างประหลาดใจ เนื่องจากเขาไม่สามารถรับรู้ถึงพลังของรพีพงษ์ได้ ดังนั้นแสดงว่าฝีมือของเขาต้องด้อยกว่ารพีพงษ์อย่างแน่นอน
“แดนดั่งเทพงั้นเหรอ? เหอะ ๆ นั่นมันเรื่องของอดีตไปแล้ว”
รพีพงษ์ยิ้มพูด ตอนนี้เขาอยู่ในแดนเทพขั้นแรกแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ยังอยู่ในแดนดั่งเทพ!
จากนั้นดาบที่เต็มไปด้วยพลังของรพีพงษ์ก็ฟันลงไป
เป็นพลังที่ดูเหมือนจะกลืนกินทุกอย่างได้ในชั่วพริบตา และทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ดาบเล่นนี้ไม่อาจต้านทานได้
แน่นอนว่าธนวัฒน์ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
พรืบ! ทันใดนั้น เขาคุกเข่าลงกับพื้น
การโจมตีด้วยดาบในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกถึงพลังอันน่ากลัวนั้น เขาไม่มีทางที่จะต่อต้านได้เลย ทำได้เพียงคุกเข่าลงอย่างจนปัญญา
แต่ในที่สุดรพีพงษ์ก็ยั้งมือเอาไว้ ดาบเล่มนี้หยุดอยู่บนหัวของธนวัฒน์ และห่างจากศีรษะของเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
“ตอนนี้ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าฝีมือของเรามันต่างกันแค่ไหน?”
รพีพงษ์พูดเบาๆ
ธนวัฒน์ถึงกับเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก ชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรต้องมาคุกเข่าอยู่กับพื้นและพูดว่า “พี่ชายครับ ผมผิดไปแล้วครับ ผมจะขายสมุนไพรหลิงสุ่ยให้พวกคุณแล้วครับ”
รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าคุณกล้าตุกติกผมไม่ปล่อยคุณไปแน่”
“ไม่กล้า ผมไม่กล้าครับ”
ธนวัฒน์รีบลุกยืนขึ้นแล้วเดินแกว่งไปมาเข้าไปในห้อง จากนั้นไม่นานเขาได้หยิบกล่องไม้เล็กๆ ออกมากล่องหนึ่ง
“สมุนไพรหลิงสุ่ยอยู่ในนี้ครับ ส่วนเรื่องราคานั้น……คุณก็น่าจะรู้อยู่ ผมซื้อมันมาในราคาสูงเสียดฟ้าเลยนะครับ ฉะนั้นผมไม่ได้หวังจะทำกำไร แต่ขอแค่ผมคืนทุนก็พอแล้วครับ” ธนวัฒน์พูด
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าราคาไม่ใช่ปัญหา คุณเสนอราคามาเลย” ลุงตรัยที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น
“ก็……ตอนนั้นผมซื้อมันมาในราคาสิบสองล้าน ตอนนี้ผมไม่เพิ่มเงินสักแดง พวกคุณจ่ายเงินทุนให้ผมก็พอแล้วครับ” ธนวัฒน์พูดเบาๆ จากนั้นตั้งใจสังเกตปฏิกิริยาของรพีพงษ์อย่างระมัดระวัง
“แพงขนาดนี้เลยเหรอ?” ลุงตรัยรู้สึกตกใจมาก
คนเทือกเขากิสนาอย่างเขา แน่นอนว่าเป็นคนมีฐานะอยู่แล้ว แต่ให้เอาเงินสดออกมาสิบสองล้านในทันทีแบบนี้ เกรงว่าเขาคงทำไม่ได้
“คุณคิดว่าคุณมีสิทธิ์เสนอราคาเหรอ?”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
ธนวัฒน์มองไปที่รพีพงษ์แล้วคิดในใจ ถ้ารพีพงษ์จะเอายาไปโดยที่ไม่จ่ายเงินสักแดง เขาก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“พี่ชายครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ แต่ไม่ว่าจะยังไงสมุนไพรหลิงสุ่ยก็เป็นของที่หายาก พวกคุณคงเอามันไปฟรีๆ ไม่ได้ ว่าไหมครับ”
รพีพงษ์เปิดกล่องไม้ออกแล้วเหลือบมองด้านในกล่องยาและปิดฝาลง
จากนั้นเขายกสมุนไพรหลิงสุ่ยให้กับลุงตรัยและพูดว่า “สมุนไพรหลิงสุ่ยนี้ค่อนข้างธรรมดานะ ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอก”
“เป็นไปไม่ได้ พี่ชายครับ เรื่องอื่นผมยอมพี่หมด แต่พี่บอกว่าสมุนไพรหลิงสุ่ยค่อนข้างธรรมดา ผมคิดว่าไม่ถูกต้องนะครับ” ธนวัฒน์อย่างระมัดระวังและไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้เลยแม้แต่นิด
“จริงเหมือนกันนะคะ พี่รพี สมุนไพรหลิงสุ่ยหายากจริงๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นหนูกับคุณอาคงไม่ต้องมาถึงที่นี่หรอก”
ญาณินเดินเข้ามาพูด
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ สำหรับสมุนไพรหลิงสุ่ยนั้น ในป่าหมอกมีตั้งเยอะแยะมากมาย ถ้าจะบอกว่ามันเป็นของที่หาง่ายนั้นคงไม่ผิดอะไร
“เอางี้นะ สมุนไพรหลิงสุ่ยต้นนี้ผมขอเอาไปใช้ก่อน”
รพีพงษ์พูด
ธนวัฒน์ได้แต่ถอนหายใจ ช่วยไม่ได้จริงๆ เรามันอ่อนแอกว่าเขา แค่เขาไว้ชีวิตเราก็ดีแค่ไหนแล้ว
“แต่ผมไม่ได้จะเอามันไปฟรีๆ หรอกนะ วันหลังผมจะให้คนส่งสมุนไพรหลิงสุ่ยต้นที่ยาวกว่านี้มาให้คุณ ถือว่าจ่ายเงินให้คุณครั้งนี้ก็แล้วกันนะ คุณคิดยังไง” รพีพงษ์
“นี่มัน……” ธนวัฒน์กัดริมฝีปาก การที่รพีพงษ์พูดเช่นนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการเขียนเช็คปลอมให้เขาไปเบิกเงินเลย
แต่สถานการณ์เช่นนี้แล้ว เขาไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ
“ได้ ได้ครับ ผม……ผมรับปากครับ” ธนวัฒน์พูดอย่างติดขัด
รพีพงษ์รู้ว่าธนวัฒน์ไม่ได้พูดตามที่คิด แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร
“เอาล่ะ เรื่องสมุนไพรหลิงสุ่ยเราเคลียร์กันแล้ว ตอนนั้นเรามาเคลียร์เรื่องที่คุณทำร้ายลุงตรัยกับเรื่องของญาณินกันดีกว่า”
หลังจากนั้นสีหน้าของรพีพงษ์ก็เยือกเย็นลงอีกครั้ง
ธนวัฒน์ที่ได้ยินเช่นนี้ก็รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “พี่ชายผู้มีเมตตาครับ อภัยให้ผมเถอะครับ!”
“ผมไม่ได้เป็นคนมีความเมตตาหรอกนะ แต่ผมเป็นคนชอบความเป็นธรรมมากกว่า ลุงตรัยเป็นคนของผม แต่คุณทำร้ายเขา แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไง?” รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
ธนวัฒน์ได้แต่แหงนมองรพีพงษ์ เขารู้ดีว่าคนระดับนี้พูดจริงทำจริงอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องห่วงครับ วันนี้ผมจะรับผิดชอบเองครับ”
ธนวัฒน์ตัดสินใจ จากนั้นดึงมีดสั้นออกมาจากกระเป๋าของเขา
“ธนวัฒน์ คุณยังกล้าอีกเหรอ!”
ญาณินจะโกนส่งเสียงดัง
แต่ครั้งนี้ธนวัฒน์กลับยื่นมีดในมือให้กับลุงตรัย
“วันนั้นผมทำร้ายคุณยังไง วันนี้คุณเอาคืนตามนั้นเลยครับ แล้วก็ญาณิน ผมไม่ควรพูดจาแบบนั้นกับคุณเลยครับ เชิญคุณเอาคืนตามสบายนะครับ” ธนวัฒน์
ลุงตรัยรับมีดสั้นของเขามาและไม่รู้จะทำยังไงต่อ ได้แต่มองไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์ยักไหล่แล้วพูดอย่างผ่อนคลาย “นี่เป็นเรื่องของพวกคุณแล้ว ตัดสินใจเองเลยครับ ผมไปรอข้างนอกนะ”
จากนั้นรพีพงษ์ก็เดินออกไป
ในช่วงเวลาสั้นๆ ลุงตรัยกับญาณินก็เดินออกมา รพีพงษ์สามารถเห็นถึงความพึงพอใจของทั้งสองได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา และเขาก็เชื่อว่าธนวัฒน์ได้รับบทลงโทษที่เขาสมควรได้รับแล้ว
ในขณะที่ทั้งสามกำลังจะออกไปพร้อมกัน รพีพงษ์รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังติดตามพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นเขาหันหลังอย่างกะทันหัน และเห็นสตรีผู้สง่างามสวมเสื้อหนังกำลังมองมาที่เขา
“หงส์?” รพีพงษ์พูดด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าสำนักคะ ท่านต้องรีบกลับไปที่กลุ่มสิงโตด่วนเลยค่ะ!”