พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1338 ผู้แข็งแกร่งแดนเทพคนที่สาม
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1338 ผู้แข็งแกร่งแดนเทพคนที่สาม
ทวีปโอชวินในขณะนี้
ชายวัยกลางคนสองคนในชุดจีนกำลังนั่งอยู่ข้างๆ ช่องทางที่เชื่อมกับพื้นโลก
สีหน้าพวกเขาดูประหม่าเล็กน้อย
ผนึกของทางเชื่อมที่เปราะบางอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ มันก็คืนสภาพเดิมอีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกสับสนมาก
“เมฆ ไหนบอกว่าบนโลกมียอดฝีมือระดับแดนเทพแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างยังเป็นแค่ยอดฝีมือแดนเทพในวิญญาณเท่านั้น แต่ทำไมดูเหมือนมันไม่เป็นอย่างที่พูดเลย?”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดกับคนข้างๆ
คนที่ชื่อเมฆตอบว่า “นั่นน่ะสิ ดูเหมือนว่ารายงานที่เราได้มันผิดพลาดนะ หรือว่าบนโลกมีแดนเทพเพิ่มขึ้นอีกคน? ชาคริต แต่ดูแล้ววันนี้เราคงผิดคาดไปหน่อยจริงๆ เราบอกเจ้าทวีปให้ส่งคนมาเพิ่มอีกดีกว่า”
ชาคริตพยักหน้า และในขณะที่กำลังจะลุกขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง “ไม่จำเป็น ข้ามามาแล้ว”
เจ้าแห่งทวีปแม่เหล็กจิรกิตติ์และน้องชายอีกสองคนของเขา ชลัชกับชลิตก็ได้มาที่นี่พร้อมกัน ไม่เพียงแค่นั้น ธัญทิพย์ก็ตามพวกเขามาด้วย
และด้านหลังพวกเขายังมีคนระดับแดนเทพหกคนเดินตามมาอยู่
ชาคริตกับเมฆที่เห็นพวกเขาก็รีบลุกขึ้นแสดงความเคารพอย่างรวดเร็ว
จิรกิตติ์ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เมื่อกี้พวกเราได้ใช้วิชาลับฟื้นฟูวิญญาณของนีย์เอ๋อร์ และเธอก็ได้บอกตำแหน่งของแหล่งพลังทิพย์ให้กับพวกเราแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เราจะทำลายช่องทางนี้ เราจะไปเอาแหล่งพลังทิพย์สุดท้ายที่มีเหลืออยู่บนโลกโดยเร็วที่สุด!”
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าทวีปด้วยนะครับ!”
ทุกคนพูดพร้อมกัน
ชาคริตยืนขึ้นและพูดว่า “เจ้าทวีปครับ ครั้งนี้องค์หญิงน้อยสร้างผลงานครั้งใหญ่ให้กับทวีปโอชวินของเราเลยนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน พวกเรายังไม่รู้ว่าต้องเสียเวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะตามหาแหล่งพลังทิพย์นี้จนพบครับ”
“อืม” จิรกิตติ์ตอบอย่างเฉยเมยเท่านั้น
ทิพย์ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเบาๆ “ลุงคริต การที่องค์หญิงน้อยค้นพบแหล่งพลังทิพย์นั้นเป็นหน้าเธอของเธออยู่แล้ว อีกอย่างเธอหนีการแต่งงานไปจากทวีปโอชวินด้วยนะ ท่านพ่อไม่ลงโทษเธอก็ถือว่าใจกว้างแค่ไหนแล้ว ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเราต้องพลาดคนที่มีพรสวรรค์อย่างจิรพนธ์ไปเลยนะ”
“แต่ว่า……”
ชาคริตกำลังจะพูด แต่ถูกทิพย์ขัดจังหวะอีกครั้ง “อนาคตขององค์หญิงน้อยจะเป็นอย่างไรนั้น ตระกูลสุนธรประภาของเราจะเป็นคนตัดสินใจเอง การที่อาชุติเทพเป็นห่วงแบบนี้ หรือว่าตั้งใจจะทำอะไรเพื่อพวกเราอยู่ใช่ไหม?”
“ข้าน้อยมิกล้าครับ! องค์หญิงใหญ่!”
ชาคริตรีบพูดอย่างรวดเร็วและเหงื่อแตกทันที
“เอาล่ะ”
จิรกิตติ์ยกมือขึ้น “เรื่องนี้เราไว้คุยกันวันหลัง สิ่งที่เราต้องทำในวันนี้คือการทำลายผนึกนี้ให้เร็วที่สุด เราจะนำขุมพลังทั้งหมดของทวีปโอชวินเข้าไปยังโลกจากช่องทางขนาดใหญ่นี้ให้ได้!”
“รับทราบครับเจ้าทวีป”
ทุกคนขานตอบพร้อมกัน
จากนั้นแดนเทพทั้งหกที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็นั่งลงรอบๆ ช่องทางนี้ ส่วนชาคริตกับเมฆก็หยุดพูดและนั่งลงกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
ในชั่วพริบตา พลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังทั้งแปดก็ครอบคลุมเส้นทางนี้ทั้งหมด ในเวลานี้พวกเขาต้องทำการเปิดผนึกบนนั้นให้ได้ก่อน
เพียงแต่ว่า ผนึกนี้เป็นการปิดของจอมมารชูร่าในหลายร้อยปีที่แล้ว และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดมันได้
ซึ่งหลายร้อยปีผ่านมานี้ทวีปโอชวินไม่เคยเปิดมันได้สำเร็จเลย แต่ในวันนี้ จิรกิตติ์มุ่งมั่นที่จะทำมันให้ได้
หลังจากเสียงปรบมือดังขึ้น คนสี่คนที่สวมเสื้อคลุมยาวก็เดินออกมา ชายสามหญิงหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเป็นนักกลั่นยาที่เก่งที่สุดในทวีปโอชวิน
“ถ้ามียาเม็ดระดับเทพเซียนของนักกลั่นยากลุ่มนี้ พลังความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก็จะไม่มีวันหมด”
จิรกิตติ์พูด
จากนั้นทั้งแปดคนนี้ก็กินยาเม็ดเข้าไปคนละเม็ด และในทันใดนั้น พลังจิตวิญญาณของพวกเขาก็กลับมาเต็มเปี่ยมในทันที
“พี่ใหญ่ครับ เราจะร่วมด้วยไหมครับ”
ชลิตที่อยู่ด้านข้างถาม
จิรกิตติ์ส่ายหัว “ไม่จำเป็น แดนเทพแปดคนนี้ก็เพียงพอแล้ว เราไปรอข้างๆ ดีกว่า”
ชลิตเห็นว่าจิรกิตติ์พูดเช่นนี้ เขาจึงไม่พูดอะไรต่อ เพราะพวกเขาต่างก็ให้เกียรติจิรกิตติ์มาก ไม่ว่าพี่ใหญ่จะตัดสินใจอย่างไร พวกเขาต่างก็ยินดีที่จะทำตาม
“ท่านพ่อค่ะ ถ้าที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอกลับไปในวังก่อนนะคะ เมื่อไหร่ที่ช่องทางถูกเปิดออก ข้าค่อยไปแผ่นดินโลกกับท่านพ่อนะคะ” ธัญทิพย์พูดด้วยรอยยิ้ม
“ไปสิ แวะไปดูอาการของน้องสาวเจ้าด้วย” จิรกิตติ์พูด
ธัญทิพย์กะพริบตาแล้วยิ้มพูดต่อ “ไม่ต้องห่วงค่ะ ข้าจะดูแลนางเอง”
จากนั้นเธอก็มุ่งหน้ากลับไปในวัง
จากความช่วยเหลือของนักกลั่นยา ขุมพลังแห่งแดนเทพทั้งแปดก็ใช้พลังอย่างไม่ต้องกังวลอะไรอีก
ในบรรดาคนเหล่านี้ จะมีสามคนที่อยู่ในแดนเทพขั้นแรก ส่วนที่เหลือห้าคนนั้นอยู่ในแดนเทพขั้นกลางแล้ว
แต่ถ้าเทียบกับโลกมนุษย์แล้วมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เพราะมีเพียงรพีพงษ์กับธีรพัฒน์สองคนเท่านั้นที่อยู่ในแดนเทพ
ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งแปดคนนี้มีกลยุทธ์อย่างล้นเหลือ แม้ผนึกของจอมมารชูร่าจะแข็งแกร่ง และในช่องทางที่กว้างใหญ่นี้จะมีผนึกของจอมมารชูร่าเป็นพัน ๆ จุด
แต่หลังจากพวกเขาได้รวมพลังกันและโจมตีไปที่ผนึก ผนึกของจอมมารชูร่าก็ถูกเปิดออกไปทีละผนึกอย่างไม่หยุด
ด้วยวิธีนี้จึงทำให้พวกเขาเปิดช่องทางได้เร็วขึ้นหลายเท่า
แม้ผนึกของจอมมารชูร่าจะแข็งแกร่งมาก แต่ทั้งแปดคนนี้ก็มีฝีมืออยู่ในแดนเทพทั้งนั้น อีกทั้งพวกเขายังสามารถแผ่พลังออกมาอย่างไร้ขีดจำกัดด้วย
สถานการณ์ที่เลวร้ายลง รพีพงษ์กับธีรพัฒน์สัมผัสถึงแรงกดดันอย่างมหาศาลนี้ได้ในทันที
“รพีพงษ์ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ พลังจิตวิญญาณของเราทั้งคู่ต้องสูญสิ้นอย่างแน่นอน!”
ธีรพัฒน์พูดอย่างเสียงดัง
รพีพงษ์เองก็สามารถสัมผัสถึงพลังอันแข็งแกร่งและน่ากลัวของศัตรูได้
“รพีพงษ์ เจ้าถอยมาก่อน ให้ข้าจัดการแทนดีกว่า เจ้ารีบพาคนของกลุ่มสิงโตออกไปจากที่นี่เถอะ!”
ธีรพัฒน์พูด
เขาสามารถคาดการณ์ได้ว่าครั้งนี้ทวีปโอชวินไม่ได้เป็นเหมือนครั้งก่อนๆ ซึ่งครั้งนี้พวกเขาตั้งใจจะฝ่าผนึกทั้งหมดมาให้ได้อย่างแน่นอน ที่ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะผ่านมาหลายวัน แต่ดูเหมือนว่าพลังของศัตรูไม่ได้ลดลงเลย
ตามสถานการณ์แล้ว ธีรพัฒน์คิดว่าไม่น่าจะเกิดสองวัน ผนึกทั้งหมดก็จะถูกทำลายลงอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น คนของทวีปโอชวินก็จะทะลักเข้ามาอย่างไม่หยุด และเป้าหมายแรกของพวกเขาก็คือกลุ่มสิงโตอย่างแน่นอน!
ดังนั้น เพื่อที่จะรักษาพลังไว้ ธีรพัฒน์จึงตัดสินใจให้รพีพงษ์กับคนอื่นๆ ออกไปจากที่นี่ก่อน
แต่แน่นอนว่ารพีพงษ์ไม่เคยคิดจะถอยหลังอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน ยิ่งคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไร พลังการต่อสู้ของเขาก็ยิ่งถูกปลุกให้ตื่นมากเท่านั้น
“ผมไม่ไปไหนครับ ผมเป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต และผมก็จะอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!”
“แต่ว่า แค่เราสองคนมันไม่อาจต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้จริงๆ นะ อีกอย่างเราก็ยื้อให้นานกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว” ธีรพัฒน์พูด
“แล้วถ้าหาก……เรามีนักสู้แดนเทพคนที่สามล่ะ!” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ธีรพัฒน์ในขณะนี้แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ท่านธัชธรรม!”
รพีพงษ์ตะโกนอย่างเสียงดัง
ธัชธรรมที่ได้ยินรพีพงษ์เรียกก็รีบเข้ามาอย่างเร่งรีบ “รพีพงษ์ แม้ผมจะอยู่แดนเทพขั้นกลาง แต่คุณก็รู้ดีว่าผมยังอยู่ห่างจากแดนเทพมาก”
“แล้ว……คุณอยากเป็นแดนเทพไหม?” รพีพงษ์มองไปที่เขา
“แน่นอนสิครับ ผมมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” ธัชธรรมพูด
“ผมช่วยคุณได้!”
รพีพงษ์พูดอย่างมั่นใจด้วยสายตาที่แน่วแน่
“คุณ?”
ธัชธรรมมองรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ จากแววตาของรพีพงษ์แล้ว เขารู้ดีว่ารพีพงษ์ไม่มีทางพูดจาไร้เหตุผลอย่างแน่นอน
แต่ว่า จากแดนครึ่งดั่งเทพไปสู่แดนเทพนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก นับร้อยปีที่ผ่านมานี้ธัชธรรมยังไม่เคยทำได้เลย หรือว่ารพีพงษ์สามารถช่วยเขาให้สำเร็จภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ได้?
รพีพงษ์จึงหยิบผลเทพที่ได้มาจากแดนลับออกมา
“คุณกินผลเทพนี้ลงไปนะ น่าจะช่วยคุณให้เข้าสู้แดนเทพได้!” รพีพงษ์พูด
“นี่มัน……”
ธัชธรรมมองไปที่ผลเทพอย่างประหลาดใจ แต่เขารู้ว่ามันต้องเป็นของที่เขาไม่คาดคิดอย่างแน่นอน
ฟังจากน้ำเสียงของรพีพงษ์แล้ว ผลชิ้นนี้สามารถทำให้เขายกระดับฝีมือขึ้นในทันทีได้ ซึ่งสำหรับนักฝึกวิชาอย่างพวกเขานั้น ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้ว
“ไม่ได้ครับ ผมทานมันไม่ได้ครับ เจ้าสำนัก ผมว่าคุณเป็นคนใช้มันจะดีกว่านะครับ มันสามารถเพิ่มพลังให้คุณได้ และคุณจะได้มีพลังที่มากกว่านี้ในการรับมือกับทวีปโอชวิน” ธัชธรรมพูด
ทุกคนในรอบด้านต่างก็พูดอย่างเป็นหนึ่งเดียวว่า “ท่านเจ้าสำนัก โปรดทานผลเทพเองเถอะครับ!”
หงส์และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเสียดายมาก ผลเทพอันล้ำค่านี้รพีพงษ์กลับนำมันออกมาให้คนอื่นใช้ เพียงเพื่อจะช่วยโลกใบนี้ รพีพงษ์ถึงขั้นยอมทำทุกอย่าง
“ผมขอบคุณสำหรับความหวังดีของทุกคนนะครับ แต่อย่างที่ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์พูด ถ้าผมเป็นคนใช้ผลเทพนี้เอง ผลลัพธ์มันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิด แล้วถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ผมให้คุณเป็นคนใช้มันจะไม่ดีกว่าหรือ!” รพีพงษ์พูด
เขาเดาว่าผลเทพอาจจะทำให้เขาไปถึงแดนเทพขั้นกลางเท่านั้น แต่ถ้าธัชธรรมเป็นคนใช้มัน โลกนี้ก็จะมียอดฝีมือแดนเทพเพิ่มขึ้นอีกคน
ระหว่างสองทางเลือกนี้ รพีพงษ์ยืนยันแล้วว่าเขาจะเลือกทางเลือกที่สอง
“เจ้าสำนักครับ ผม……”
“ใช้มันซะ นี่เป็นคำสั่ง!”
รพีพงษ์มองไปที่ธัชธรรมแล้วพูดอย่างเด็ดขาด
ธัชธรรมขมวดคิ้วและไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นเขารับผลเทพมาแล้วกินมันเข้าไป
สายตาของทุกคนต่างก็มองไปที่ธัชธรรมด้วยความคาดหวัง รพีพงษ์ก็เช่นกัน
เขาอยากรู้ว่าผลเทพที่ได้มาจากแดนลับนี้จะสามารถทำปฏิกิริยากับนักฝึกวิชาได้อย่างไรบ้าง
หนึ่งนาทีต่อมา ร่างกายของธัชธรรมก็เปลี่ยนไป
ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณในร่างกายเขากำลังเปลี่ยนแปลง กำแพงที่เคยขวางกั้นเขาก็ถูกพังทลายไปหมด
พลังจิตวิญญาณในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
เส้นเลือดสีเขียวปรากฏขึ้นที่คอของเขา รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าสามารถสัมผัสถึงพลังอันมหาศาลในตัวเขาได้อย่างชัดเจน
ธีรพัฒน์ก็มองไปที่ลูกศิษย์ของเขาอย่างประหลาดใจและอดใจรออย่างตื่นเต้น
“อ๊าก!”
ธัชธรรมตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง จากนั้นก้อนหินและเม็ดทรายในรอบตัวเขาถูกบดขยี้ด้วยแรงอันทรงพลังของเขา
ในเวลานี้ ธัชธรรมดูเหมือนจะกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง
และอีกหนึ่งนาทีผ่านไป ทุกอย่างสงบลง ธัชธรรมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่มีแสงสว่างแล้วมองไปที่ธีรพัฒน์และพูดว่า “อาจารย์ครับ ผม……ทำได้แล้ว!”