พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1339 พลังแห่งดาบ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1339 พลังแห่งดาบ
ธีรพัฒน์สามารถสัมผัสได้จากจิตวิญญาณเทพของเขาว่า พลังของธัชธรรมนั้น ได้เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้เป็นหลายเท่า
เดิมทีเขายังห่างไกลจากแดนเทพมาก แต่ในตอนนี้ หลังจากกินผลเทพลงไป ธัชธรรมก็ก้าวข้ามกำแพงที่ขวางกั้นเขามาตลอดและเข้าสู่แดนเทพในที่สุด
“รพีพงษ์ ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ในชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้เข้าสู่แดนเทพจริงๆ แล้ว” ธัชธรรมพูด
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ “ในวันที่ผมยังไม่รู้จักเน่ยจิ้ง วันที่ผมถูกอนันยชไล่ฆ่า ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ บางทีวันนี้อาจจะไม่มีรพีพงษ์คนนี้แล้ว”
ธัชธรรมพยักหน้าตอบ เขาไม่เพียงแต่ภาคภูมิใจในพรสวรรค์ของรพีพงษ์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีความหนักแน่นและความแน่วแน่ที่มีอยู่ในตัวของรพีพงษ์ แม้จะยืนอยู่จุดที่สูงกว่าคนทั่วไป แต่เขาไม่เคยคิดจะโอ้อวด
ซึ่งแน่นอนว่าชีวิตสามปีของการเป็นลูกเขยก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้รพีพงษ์เติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ได้
“เอาล่ะ ทีนี้เราก็มีแดนเทพสามคนแล้ว”
รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและด้วยสายตาที่มั่นใจ
สำหรับประสิทธิภาพของผลเทพนี้ เขารู้สึกพึงพอใจมาก และในขณะเดียวกัน เขาก็พอใจมากที่ธัชธรรมได้ใช้ผลเทพนี้
ผู้ที่อยู่ในแดนเทพขั้นกลาง หลังจากกินผลเทพลงไปก็กลายเป็นแดนเทพในทันที แต่ถ้าให้เขาเป็นคนกินผลเทพ ผลลัพธ์อาจจะทำให้เขาอยู่ในจุดเดิมหรืออาจจะไปไม่ถึงแดนเทพขั้นกลางเลยก็เป็นไปได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ยิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้น การก้าวกระโดดในระดับก็จะยากขึ้นด้วยเช่นกัน แดนเทพสามคน สำหรับยอดฝีมือในกลุ่มสิงโตนั้น ไม่เคยมีใครคาดคิดเลยจริงๆ แต่ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าแล้ว และในขณะนี้ มนุษย์ที่เป็นเหมือนทวยเทพทั้งสามก็นั่งลงเพื่อซ่อมแซมผนึกที่กำลังถูกศัตรูโจมตีอยู่ ในบรรดาสามคนนี้ รพีพงษ์เป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุด แต่กลับเป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุด!
หลังจากเห็นแดนเทพทั้งสามคนนี้ ผู้คนที่ในกลุ่มสิงโตก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในการฝึกฝนวิชาที่นี่!
เพียงแต่ว่าสถานการณ์ที่พวกเขาต้องกังวลในตอนนี้คือ หลังจากช่องทางถูกเปิดออก คนของทวีปโอชวินก็จะทะลักเข้ามายังโลก ถึงเวลานั้นคงเลี่ยงการนองเลือดไม่ได้อย่างแน่นอน
รพีพงษ์และผู้อาวุโสอีกสองคนใช้พลังจิตวิญญาณเทพอย่างมหาศาลในการซ่อมแซมช่องทางนี้ ซึ่งพลังการโจมตีผนึกของศัตรูนั้นแข็งแกร่งและรวดเร็วมาก แม้ทางฝั่งของรพีพงษ์ก็ไม่ได้ช้าแต่อย่างใด แต่ระหว่างสองฝ่ายนี้ยังไงก็มีช่องว่างที่แตกต่างกันอยู่ดี
เพราะท้ายที่สุดแล้ว คู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นมีแดนเทพอยู่แปดคนเลย
รพีพงษ์กับธีรพัฒน์มองหน้ากัน ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรมาก และในใจรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วช่องทางจะถูกเปิดออกอย่างแน่นอน
“ท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่านครับ วันนี้เราจะสู้กับพวกเขาอย่างเต็มที่ ให้มันวัดกันไปสักข้างเลยนะครับ!”
รพีพงษ์พูดด้วยดวงตาที่แน่วแน่
ธีรพัฒน์เข้าใจถึงความตั้งใจของรพีพงษ์ก่อน จากนั้นเขาพยักหน้าตอบโดยที่ไม่ลังเลใดๆ “ได้ ตามที่เจ้าพูดเลย วันนี้เราจะให้ทวีปโอชวินเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเรา!”
“ครับ”
รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นพูดอย่างเสียงดัง “ท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่านครับ ท่านทั้งสองใช้จิตวิญญาณเทพพร้อมกันกับผม เราจะสู้กับพวกมันให้ถึงที่สุดนะครับ!”
จากนั้นรพีพงษ์ก็ระเบิดจิตวิญญาณเทพออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้กับผนึกที่ถูกทำลาย แต่เขากลับจับการเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณเทพของแดนเทพทั้งแปดในทวีปโอชวิน
“ท่านอาจารย์ครับ”
ธัชธรรมมองไปที่ธีรพัฒน์ และธีรพัฒน์ก็ยิ้มตอบ “ตาแก่อย่างเราสองคนจะแพ้ให้กับวัยรุ่นไม่ได้ มาเถอะ ให้ทุกคนได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของตาแก่อย่างพวกเรา!”
จากนั้นจิตวิญญาณเทพที่ทรงพลังของทั้งสองก็รวมเข้ากับจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์
นี่มันสงครามที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากันชัดๆ!
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้พบกันด้วยซ้ำ แต่จิตวิญญาณเทพกลับปะทะกันในช่องทางนี้
เนื่องจากจิตวิญญาณเทพของเหล่าแดนเทพทั้งแปดในทวีปโอชวินได้โจมตีเข้ามาที่ผนึกอย่างพร้อมเพรียงกัน ดังนั้นทางฝั่งของรพีพงษ์จึงง่ายที่จะจับทางจิตวิญญาณเทพของพวกเขาได้
เป็นการปะทะกันอย่างดุเดือด
ธีรพัฒน์ที่มีแดนเทพขั้นกลางได้ระเบิดพลังออกมาและปะทะกับพลังของศัตรูทันที ส่วนรพีพงษ์ก็ไม่ได้แพ้กัน ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณเทพ และในจิตวิญญาณเทพก็ยังมีพลังทิพย์อีกด้วย ดังนั้นพลังจิตวิญญาณของเขาไม่ได้แพ้ให้กับธีรพัฒน์เลย
ทวีปโอชวิน
จิรกิตติ์รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในช่องทางนี้อย่างรวดเร็ว
“เป็นไปได้ไง ทำไมมีแดนเทพถึงสามคนเลย?”
จิรกิตติ์รู้สึกไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ บนโลกก็มีแดนเทพเพิ่มมาอีกคน
ชาคริตและคนอื่นๆ ต่างก็ประหลาดใจด้วยเช่นกัน
เพราะจิตวิญญาณเทพทั้งสามของศัตรูนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าจิตวิญญาณเทพสองในสามได้มาถึงแดนเทพขั้นกลางแล้ว
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินความสามารถของพวกเขาต่ำไป”
ชลัชพูดอย่างเคร่งขรึม
“นี่มันก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแหล่งพลังทิพย์ ซึ่งตอนนี้แหล่งพลังทิพย์สุดท้ายบนโลกอยู่ที่ประเทศจีน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ประเทศจีนเท่านั้นถึงจะมีผู้ฝึกฝนวิชา แต่ไม่คิดเลยว่าด้วยแหล่งพลังทิพย์สุดท้ายนี้ ประเทศจีนยังมีแดนเทพถึงสามคนได้ มันช่างน่าทึ่งเลยจริงๆ!”
ชลิตพูด
ดวงตาของจิรกิตติ์แผ่ด้วยออร่าแห่งการสังหาร เขาเดินมาที่ชาคริตกับเมฆและพูดด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “วันนี้เราต้องทำให้พวกมันได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเรา เราจะทะลุช่องทางนี้ไปให้ได้โดยที่ไม่รอช้าอีก เราจะต้องแย่งแหล่งพลังทิพย์สุดท้ายนี้ให้เร็วที่สุด!”
“ครับ เจ้าทวีป!”
ชาคริตและคนอื่นๆ ตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลังจากนั้น ทั้งแปดคนก็ระเบิดพลังที่น่าทึ่งออกมาอีกครั้ง
และในทันใดนั้น จิตวิญญาณเทพทั้งสามของทางฝั่งของรพีพงษ์ก็ถูกระงับทันที
“ให้ตายสิ ทำไมถึงแข็งแกร่งขาดนี้!”
รพีพงษ์กัดฟันพูด
ธีรพัฒน์สีหน้าเคร่งขรึมมาก ในฐานะผู้ฝึกวิชาที่อาวุโสที่สุดในประเทศจีน เขาจึงรู้ถึงความแข็งแกร่งของทวีปโอชวินอย่างลึกซึ้งที่สุด
เพียงแต่ว่า สองร้อยปีที่ผ่านมานี้ ไม่คิดเลยว่าทวีปโอชวินจะมีแดนเทพเพิ่มขึ้นมากมายเช่นนี้
ส่วนธัชธรรมที่เพิ่งเข้าสู่แดนเทพ แม้จิตวิญญาณเทพของเขาจะแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับแดนเทพในระดับเดียวกัน พลังของเขาก็ยังคงอ่อนแอกว่าอยู่ดี
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราคงต้องเสียจิตวิญญาณเทพไปเปล่าๆ อย่างแน่นอน” ธีรพัฒน์
รพีพงษ์เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดี แต่คนที่มีนิสัยห้าวหาญตั้งแต่เกิดอย่างเขาจะยอมแพ้ไปง่ายๆ ได้อย่างไร
ในเมื่อสู้กันด้วยตาต่อตาฟันต่อฟันไม่ได้ งั้นขอเดิมพันกันสักครั้งก็แล้วกัน!
รพีพงษ์ตัดสินใจแล้วพูดกับธีรพัฒน์และคนอื่นๆ “ท่านทั้งสองใช้จิตวิญญาณเทพปกป้องผมทีครับ!”
“รพีพงษ์ เจ้าคิดจะทำอะไร?” ธีรพัฒน์ถามอย่างประหลาดใจ
รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมองช่องทางที่ลอยอยู่กลางอากาศและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ผม……จะไปที่ทวีปโอชวิน!”
“ว่าไงนะ? จะไปที่ทวีปโอชวิน?”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ต้องตกใจกันหมด
“ทุกคนไม่ต้องกังวลครับ ผมแค่ตั้งใจจะแผ่จิตวิญญาณเทพไปยังทวีปโอชวินเท่านั้น ผมไม่ได้คิดจะไปเองหรอกครับ”
รพีพงษ์อธิบายต่อ “ผมรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่ผมจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าคนของเราก็สามารถไปถึงที่ของพวกเขาได้!”
“ไม่ เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ถ้าจิตวิญญาณเทพของเจ้าถูกพวกทวีปโอชวินจับได้ ทุกอย่างมันก็จะจบลง!”
ธีรพัฒน์พูดอย่างกังวล
“คิดอยากจับจิตวิญญาณเทพของผมเหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
รอยยิ้มเปล่งประกายในดวงตาของรพีพงษ์ จากนั้นดาบสีทองค่อยๆ ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ
รวมพลังจิตวิญญาณเทพ!
รพีพงษ์พูดอย่างเสียงดัง จากนั้นจิตวิญญาณเทพก็รวมเข้ากับกระบี่สยบเซียนอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ ธีรพัฒน์กับธัชธรรมก็เข้าใจอย่างชัดเจน
รพีพงษ์เพียงต้องการจะรวมจิตวิญญาณเทพของเขาเข้ากับกระบี่สยบเซียนแล้วส่งไปยังทวีปโอชวิน
“ธัชธรรม เราช่วยรพีพงษ์กันก่อน!”
ธีรพัฒน์พูดอย่างเสียงดัง จิตวิญญาณเทพปะทุขึ้นอีกครั้ง และในเวลานี้ระลอกคลื่นของช่องทางก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
จากนั้นธัชธรรมก็ทำตามธีรพัฒน์
ในขณะนี้ ทางฝั่งของทวีปโอชวิน ชาคริตกับคนอื่นๆ ก็รู้สึกสบายขึ้น
ซึ่งข้างๆ พวกเขามีนักกลั่นยายืนอยู่ และนักกลั่นยาทั้งสี่คนนี้ก็คือนักกลั่นยาที่มีฝีมือที่ดีที่สุดของทวีปโอชวิน และในขณะนี้พวกเขาทุกคนต่างก็มียาเม็ดระดับเทพเซียนอยู่ในมือ
ด้วยประสิทธิภาพของยาเม็ดของพวกเขา ทำให้ชาคริตกับคนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการใช้พลังอีก
พวกเขาในขณะนี้ต่างก็คิดว่าคู่ต่อสู้เริ่มอ่อนแรงลง คงยื้อต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“ได้เวลาลงมือแล้ว”
เมฆพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ในขณะเดียวกัน จิตวิญญาณเทพของทั้งแปดก็โจมตีไปที่คู่ต่อสู้อย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
และทันใดนั้น จิตวิญญาณเทพของพวกเขาที่อยู่ในช่องทางก็สัมผัสถึงแรงอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนผ่านจิตวิญญาณเทพของพวกเขาด้วยความเร็วแสง