พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1342 พัฒนาความแข็งแกร่ง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1342 พัฒนาความแข็งแกร่ง
“ผมแค่นอนพักผ่อนสักครู่ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนอนนาน เพราะผมยังหนุ่ม”
รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม มองไปที่ถาดน้ำชาในมือของอีกฝ่าย “นี่คือ……….”
“อ้อ ฉันคิดว่าตอนกลางวันคุณสามคนเสียพลังจิตวิญญาณมาก ตื่นแล้วน่าจะหิว ดังนั้นจึงเตรียมอาหารว่างและน้ำชาไว้ให้”
“อ้อ” รพีพงษ์พยักหน้า “หมายความว่า คุณเตรียมไว้สำหรับพวกเราสามคนใช่ไหม?”
“แน่นอน คุณคงไม่คิดว่าฉันเตรียมมาให้แค่คุณคนเดียวน่ะ”
หงส์กล่าว
มุมปากของรพีพงษ์ยกขึ้นเบา ๆ ชี้ไปที่ถาดน้ำชาและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนเตรียมน้ำชาสำหรับสามคน แต่นำถ้วยมาเพียงถ้วยเดียวเท่านั้น และปริมาณของอาหารว่างนี้ มันน้อยเกินไปแล้วมั้ง น่าจะพอกินแค่คนเดียว”
เมื่อได้ยินรพีพงษ์กล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของหงส์ก็แดงระรื่น
เธอวางถาดน้ำชาไว้ในมือของรพีพงษ์ทันที ก้มศีรษะและกล่าวว่า “นี่ก็ดึกแล้ว ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้ว เชิญเจ้าสำนักพักผ่อนเช่นกัน”
พูดจบ หงส์หันหลังและเดินจากไป
รพีพงษ์ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ และยิ้มอย่างขมขื่น แล้วมองหลังของหงส์ที่กำลังเดินจากไป
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังรบกวนตนเอง แต่ตอนนี้เธอทำราวกับว่าตนเองกำลังรบกวนเธอ
จากนั้นก็หยิบอาหารว่างที่สวยงามเข้าปาก โชคดีที่อาหารว่างนี้อร่อยมาก
ยังไงก็นอนไม่หลับแล้ว หลังจากวางถาดน้ำชาไว้ในห้อง รพีพงษ์ก็เดินออกไปจากห้อง
เดินออกจากกลุ่มสิงโต เป็นเทือกเขาคุนหลุนที่ทำให้คนรู้สึกเกรงกลัว
นี่เป็นสถานที่ลึกลับที่สุดในประเทศจีน ที่นี่เคยเกิดเรื่องแปลกประหลาดมากมาย
ตอนนี้ รพีพงษ์กำลังนั่งอยู่บนพื้น ภายใต้การรับรู้ทางจิตวิญญาณเทพ เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีอะไรผิดปกติที่รอบ ๆ ช่องทางเดิน
ยังดีที่มีกระบี่สยบเซียน
รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงความเก่งกาจของจอมมารชูร่าในตอนนั้น
อาศัยแค่กระบี่สยบเซียน ก็สามารถทำให้ผู้คนในทวีปโอชวินกลัวและจะหยุดทำลายช่องทางเดิน หากวิญญาณของจอมมารชูร่าไม่สลายไป ผู้คนในทวีปโอชวินจะไม่กล้ามารุกรานที่โลกแน่นอน!
รพีพงษ์ยืนขึ้นและมองดูเทือกเขาคุนหลุนที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า แสงจันทร์อยู่บนท้องฟ้า และจิตใจที่เที่ยงตรงและยิ่งใหญ่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
จอมมารชูร่าได้สืบทอดให้ตนเองทั้งหมด และตอนที่รพีพงษ์บรรลุถึงระดับแดนเทพก็อายุน้อยกว่าจอมมารชูร่าในตอนนั้นมาก
ทุนดังกล่าวนี้ทำให้รพีพงษ์มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าตนเองสามารถทำเช่นเดียวกับจอมมารชูร่าในตอนนั้นได้
นอกจากนี้ กลุ่มสิงโตและสำนักสยบเซียน สององค์กรนี้ที่เป็นตัวแทนของระดับผลการฝึกตนสูงสุดในประเทศจีน ได้สนับสนุนตนเอง อีกอย่างตนเองยังเป็นผู้ปกครองกลุ่มสิงโตและสำนักสยบเซียนอีกด้วย
กลุ่มคนที่มีความสามารถติดตามตนเองเช่นนี้ รพีพงษ์คิดว่า สถานการณ์ของตนเองนั้นดีกว่าจอมมารชูร่าในตอนนั้นมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่า หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี จะต้องมีผู้คนที่แข็งแกร่งในทวีปโอชวินมากกว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่รพีพงษ์ก็มั่นใจว่า แค่ตนเองมีความแข็งแกร่งพอ และทุกคนสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก็จะสามารถต่อต้านการรุกรานของศัตรูที่ทรงพลังได้!
“ได้เวลา พัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองแล้ว”
รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ
เขาคิดถึงเรื่องที่ชัชพิสิฐยึดร่างของตนเองล้มเหลว และตนเองได้รับตำรากังฟูเสนครึ่งหลังจากสุสานกษัตริย์ฉิน
ปู่ของชาลิสาได้มอบตำรากังฟูเสนครึ่งแรกให้ตนเอง มันเป็นแค่วิชาการฝึกหายใจเข้าออก รพีพงษ์ได้ฝึกกังฟูเสนครึ่งแรกสำเร็จแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่อาวุธที่เขาใช้พลังวิเศษเสนเสกออกมานั้นทรงพลังมากกว่าอาวุธที่เสกออกมาจากพลังเน่ยจิ้งทั่วไป
สำหรับครึ่งหลังของกังฟูเสน ต้องรอให้ถึงระดับแดนเทพแล้วถึงสามารถเริ่มฝึกได้
และตอนนี้ รพีพงษ์ได้บรรลุถึงระดับแดนเทพแล้ว สามารถเริ่มฝึกกังฟูเสนครึ่งหลังได้
รพีพงษ์เปิดหนังสือโบราณอย่างระมัดระวัง โดยอาศัยแสงจันทร์
ตัวอักษรในหนังสือโบราณเป็นตัวหนังสือสมัยก่อนของประเทศจีน โชคดีที่รพีพงษ์เป็นคนขยันเรียน เวลาอ่านขึ้นมาจึงไม่ลำบากมาก
เมื่ออ่านประโยคแรก รพีพงษ์ถูกสิ่งที่บันทึกในหนังสือดึงดูดทันที
ก่อนหน้านั้นตอนที่ได้รับครึ่งหลังของกังฟูเสน รพีพงษ์ไม่สนใจ แต่ตอนนี้ เมื่อระดับผลการฝึกตนของตนเองสูงขึ้น รพีพงษ์รู้สึกเข้าใจการฝึกขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจกังฟูเสนลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การอ่านคราวนี้ รพีพงษ์ไม่ได้หยุด เขาอ่านต่อไปเรื่อย ๆจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น
ณ.กลุ่มสิงโต ตอนนี้รพีพงษ์ยังอยู่ข้างนอก
เมื่อเปิดประตูห้องของรพีพงษ์ หงส์ยืนมองอยู่ที่ประตู เธอเห็นว่าถาดน้ำชาเมื่อคืนวางอยู่บนโต๊ะในห้องของรพีพงษ์
“เขากินแค่นิดเดียวเองนะ หรือว่าฉันทำไม่อร่อยเหรอ?” หงส์คิดอยู่ในใจ เวลานี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง
“หือ? นี่มันขนมซูโจวไม่ใช่เหรอ?”
ขณะนี้ มีเสียงดังมาจากข้างหลังของหงส์ ไม่รู้ว่าพยัคฆ์และคนอื่น ๆโผล่มาจากด้านหลังของหงส์ตั้งแต่เมื่อใด
เต่าเดินเข้าไปในห้องของรพีพงษ์ก่อน หยิบขนมบนจาน แล้วยิ้มอย่างขี้เล่นให้หงส์ “ขนมซูโจวนี้คุณเป็นคนทำหรือ?”
“ฉันทำแล้วยังไงล่ะ” หงส์กล่าวด้วยความโมโห
“เฮ้ย ๆ ขนมซูโจวเป็นขนมที่คุณถนัดที่สุด พวกเราอยู่กับคุณมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่เคยได้กินเลย ฉันจำได้คุณเคยบอกว่า คนที่สามารถกินขนมซูโจวที่คุณทำเอง ต้องเป็นชายในดวงใจของคุณใช่ไหม?”
“คุณ……” หงส์เอื้อมมือออกไปอย่างโกรธจัดจะตีเต่า แต่เต่าหลบไปเสียก่อน
“ฉันเคยพูดไว้มากมาย ทำไมคุณถึงจำได้แต่ประโยคนี้ล่ะ?” หงส์หน้าแดงระรื่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆว่า “คุณอยากกินไม่ใช่หรือ? งั้นก็กินให้หมดเลย!”
“ช่างเถอะ ฉันไม่กล้ากินหรอก เก็บไว้ให้ชายในดวงใจของคุณกลับมากินดีกว่า”
เต่าพูดติดตลก ทำให้หงส์รู้สึกอาย จึงไล่ตีเต่าไปรอบ ๆ โต๊ะ
“เอาล่ะ คุณสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว” มังกรผู้สง่างามในบรรดาสี่คนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ห้องนี้ว่างเปล่า ไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าสำนัก หรือว่าเขาจะไปแล้ว?”
“ไปแล้ว?” อีกสามคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หงส์รีบกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ เมื่อคืนฉันเพิ่งมาที่นี่ เจ้าสำนักไม่มีท่าทีอะไรที่แสดงให้เห็นว่าจะจากไป”
“อ้อ ที่แท้เมื่อคืนมีใครบางคนถือโอกาสหลังจากที่พวกเราออกไป แล้วมาที่นี่ตอนกลางดึกเพื่อส่งขนมรักให้เจ้าสำนักกิน” เต่ากล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมชี้ไปที่หงส์
“ไอ้เต่าบ้า ถ้าคุณไม่พูดก็ไม่มีใครว่าคุณเป็นใบ้!” หงส์กล่าวด้วยความอายปนกับความโกรธ
มังกรส่ายศีรษะอย่างจำใจ หงส์เป็นผู้หญิงคนเดียวในบรรดาสี่คน มีแต่เต่าคนเดียวที่อายุใกล้เคียงกับเธอ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาสองคนจะล้อเล่นกัน
“เอาล่ะคุณสองคน พวกเราต้องหาเจ้าสำนักให้เจอก่อน ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์และท่านธัชธรรมรออยู่ที่ห้องโถงเป็นเวลานานแล้ว” พยัคฆ์เดินไปข้างหน้าและกล่าว
หงส์กับเต่าหยุดตีกันและพยักหน้า
ขณะที่ทั้งสี่กำลังจะออกไปหารพีพงษ์ พวกเขาก็เห็นว่ารพีพงษ์กำลังเดินกลับมา
รพีพงษ์ดูกังฟูเสนจนถึงตอนนี้ เขาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย แต่กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
“ต้องขออภัย ที่ทำให้ทุกคนต้องรอนาน” รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าสำนัก!”
ทั้งสี่คนกล่าวพร้อมกัน
“พวกเราไปที่ห้องโถงใหญ่กันเถอะ ผมมีเรื่องจะบอกพวกคุณ”
เมื่อพูดจบ รพีพงษ์ก็เดินนำไปที่ห้องโถง มีเพียงหงส์ที่เดินตามหลังเท่านั้นที่รู้สึกไม่สบายใจ
หรือว่าขนมซูโจวที่ฉันทำไม่อร่อยจริง ๆ?
หลังจากมาถึงห้องโถงแล้ว รพีพงษ์ ธีรพัฒน์และธัชธรรมก็ทักทายกัน
หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน กำลังวังชาของธีรพัฒน์และธัชธรรมก็ฟื้นคืน ที่น่ายินดียิ่งกว่าคือหลังจากกินยาเม็ดวิญญาณสองเม็ดที่กลั่นโดยปรมาจารย์แล้ว ร่างกายของธีรพัฒน์ก็แข็งแรงขึ้น และตอนนี้ก็สามารถนั่งเหมือนคนปกติทั่วไป ไม่จำเป็นต้องไปรักษาตัวที่หลังเขา
“ทุกคนมากันครบแล้ว”
รพีพงษ์มองทุกคนด้วยรอยยิ้ม
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน คนเหล่านี้ได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาต่อรพีพงษ์เป็นอย่างมาก ตอนนี้ในกลุ่มสิงโต ไม่มีใครกล้าขัดเจตนาของรพีพงษ์
“ทุกคนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเราต้องทำตอนนี้คือขยายทีมให้ใหญ่ขึ้น และพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับพวกเรา” รพีพงษ์กล่าว
ธีรพัฒน์และธัชธรรมพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ว่า เราจะขยายทีมให้ใหญ่ขึ้นได้อย่างไร” ธัชธรรมถาม
รพีพงษ์ยิ้มและพูดว่า “ท่านธัชธรรม คุณลืมไปแล้วหรือว่าพวกเรากลุ่มสิงโตมีรายชื่อของคนที่อยู่ในอันดับรางวัลนำจับอยู่?”
“อืม?” ธัชธรรมยังไม่ค่อยเข้าใจ
รพีพงษ์ลุกขึ้นและกล่าวว่า “คนที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับรางวัลนำจับนั้น ทุกคนล้วนมีผลการฝึกตนที่ไม่ธรรมดา เริ่มตั้งแต่วันนี้ พวกคุณไปทั่วประเทศจีน นำทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับรางวัลนำจับกลับมา!”
“ว่าแต่ หลังจากที่พาพวกเขากลับมาแล้ว?” ธัชธรรมกล่าวถาม
รพีพงษ์กล่าวอย่างราบเรียบว่า “ถ้าพวกยินยอมที่จะเข้ากลุ่มสิงโตของพวกเรา พวกเราก็จะเก็บพวกเขาไว้ ถ้าพวกเขาไม่ยินยอม ก็ฆ่าพวกเขาได้ทันที!”