พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1361 บอกทุกอย่างมาให้หมด
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1361 บอกทุกอย่างมาให้หมด
และเรื่องทุกอย่างก็เป็นแบบนี้
การเผชิญหน้ากันอย่างสุดกำลังเมื่อครู่นี้ ถ้ารพีพงษ์ไม่ได้ฝึกวิชากังฟูเสนส่วนท้ายล่ะก็ เกรงว่าคงจะยื้อไว้ได้ไม่นาน
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ในปากของรพีพงษ์ก็ยังคงกระอักเลือดออกมา
ในตอนนี้ ธีรพัฒน์ก็กลับมาทางนี้พอดี
พอเขาเห็นชายสวมชุดสีดำล้มลงอยู่ที่พื้น ก็ไม่ได้มีความตื่นตกใจอะไรเลย
เพราะว่าเชื่ออยู่เสมอว่า ขอเพียงเป็นเรื่องที่รพีพงษ์สามารถทำได้ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน
“คุณได้รับบาดเจ็บหรือ?” ธีรพัฒน์ถาม เมื่อเทียบกับการตายของฝ่ายตรงข้ามแล้ว อาการบาดเจ็บของรพีพงษ์นั้น ทำให้เขากังวลกว่าอีก
รพีพงษ์ยิ้มอ่อนๆ “ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
พูดไปดังนั้น เขาก็ยิ้มพูดหัวเราะตนเองว่า “ไอ้หมอนี่ก็ร้ายไม่เบา จะฆ่าคนที่มีฝีมือระดับแดนเทพขั้นกลางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ดูเหมือนว่าต่อไปนี้คงจะต้องรีบเพิ่มพลังฝีมือของตนเองเสียแล้ว”
ตอนนี้ธีรพัฒน์ก็พูดอย่างตกใจว่า “อะไรนะ? คุณหมายความว่า ฆ่าคนที่มีระดับฝีมือแดนเทพขั้นกลางงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ก็พยักหน้าตอบไปว่า “แต่ว่าครั้งนี้ก็เอาชนะมาได้ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าไรนัก ตัวผมเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย”
ธีรพัฒน์พูดอย่างตกใจว่า “อายุเท่านี้กลับมีพลังฝีมือขนาดนี้ แถมยังใช้พลังแดนเทพขั้นแรกข้ามระดับไปฆ่าคนที่มีระดับแดนเทพขั้นกลางได้ รพีพงษ์ คุณช่างทำให้ผมต้องมองคุณใหม่เสียจริงๆ”
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ เศษวิญญาณของชายเมื่อครู่นี้ คุณตามไปทันไหมครับ?” รพีพงษ์ถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมได้ทำให้มันวิญญาณแหลกสลายกระจายไปหมดแล้ว!” ธีรพัฒน์พูดอย่างไม่สนใจไยดี
รพีพงษ์ก็ยิ้มมุมปาก ตาแก่คนนี้ทำเรื่องอะไรไปตนเองก็วางใจได้หมด
แต่สิ่งที่ทำให้ธีรพัฒน์แปลกใจก็คือ คนฝีมือระดับแดนเทพขั้นกลางที่ถูกรพีพงษ์ฆ่าตายนี้ ยังไม่ทันทำให้เศษวิญญาณออกจากร่างเลย ก็ตายเสียก่อนแล้ว
ที่แท้ตอนที่รพีพงษ์เผชิญหน้ากับเขานั้น จิตวิญญาณเทพที่แข็งแกร่งก็ได้ควบคุมฝั่งตรงข้ามไว้หมดแล้ว แบบนี้ต่อให้ชายชุดดำจะใช้เศษวิญญาณออกจากร่างไป ก็ไม่สามารถทำได้ แต่จะต้องถูกทำลายไปพร้อมกับกายเนื้อเท่านั้น
“เจ้าสำนัก……”
หงส์น้ำตาคลอเบ้า จากนั้นภายใต้ดวงตาของเธอก็มีนำตาสองสายไหลย้อยลงมา
รพีพงษ์รู้ดีว่า มังกร พยัคฆ์ หงส์ เต่า 4คนนี้สนิทกันมาก และหนึ่งในนั้น เต่าและหงส์อายุไล่เลี่ยกัน ปกติก็ใกล้ชิดกันไม่น้อย
ตอนนี้เต่าได้ตายไปแล้ว หงส์จะเสียใจมากก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
รพีพงษ์มองเต่าที่นอนบนพื้น สายตาก็เผยรังสีการฆ่าออกมา
“ทวีปโอชวิน!”
รพีพงษ์ตะโกนออกมาเสียงดัง แล้วออกแรงใช้หมัดต่อยไปที่ร่างชายชุดดำที่ได้สิ้นลมไปนานแล้ว ร่างนั้นก็เละเทะ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถปลดปล่อยความโกรธแค้นที่สะสมในใจของรพีพงษ์ทั้งหมดออกมาได้!
ชาคริตและเมฆทางด้านข้างก็เป็นกังวลขึ้นมา พวกเขาก็ค่อยๆ เอาตัวนีย์หลบไปด้านหลัง
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทางฝั่งตนเองก็ยังเป็นคนของทวีปโอชวิน ตอนนี้คนของทวีปโอชวินไปฆ่าลูกน้องของรพีพงษ์ ไม่อาจจะรับรองได้ว่ารพีพงษ์จะไม่โมโหใส่ฝั่งตนเอง
“รพีพงษ์”
ในตอนนี้ นีย์ก็เดินออกมาจากด้านหลัง เธอมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ถ้าคุณจะระบายความโกรธแค้นล่ะก็ ชีวิตของฉันคุณก็เอาไปได้เลยตามสบาย”
รพีพงษ์มองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็กำหมัดแน่น
เขาพูดนิ่งๆ ว่า “คุณเห็นแล้วสินะ คนในโลกของพวกเราล้วนมีความเชื่อ เต่าอายุยังน้อย ก็ถูกคนทวีปโอชวินของพวกคุณฆ่าตาย คุณว่าความแค้นแบบนี้ ผมจะไม่ชำระแค้นได้งั้นหรือ?”
“เจ้านายหลินตอนแรกพวกเราก็ให้พวกคุณออกไปจากที่นี่ก่อน เพียงแต่ไอ้หนุ่มคนนั้นไม่ฟัง จะว่าไป พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเราก็รู้สึกผิดเหมือนกัน” ชาคริตก้าวออกมาพูด
รพีพงษ์ใช้สายตาที่เย็นชามองเขา “ที่คุณพูดมามันไร้สาระ!การโจมทวีปโอชวินนั้น เดิมทีนั้นเป็นหน้าที่ของกลุ่มสิงโต ที่เต่าทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะพวกคุณ แต่เป็นเพราะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ!เต่าไม่เสียแรงที่เป็นคนของพวกเรากลุ่มสิงโต!”
ชาคริตก้มหน้า มันก็จริง ความกล้าที่ทำลงไปทั้งที่รู้ว่าไม่ไหวแบบนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความกล้าแบบนี้
“ดังนั้น ก่อนหน้านี้ที่คุณไม่ได้ฆ่าพวกเราสามคน ตอนนี้รู้สึกเสียดายหรือยังล่ะ?” นีย์ถาม “ถ้าคุณเสียดายล่ะก็ งั้นก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็มาฆ่าพวกเราเสีย ฉันรับรองว่าจะไม่พูดอะไรสักคำ”
“ผมทำอะไรไปไม่เคยรู้สึกเสียดาย”
รพีพงษ์พูดเสียงขรึมว่า “เพียงแต่ ที่ทวีปโอชวินสามารถส่งนักฆ่าออกมาพร้อมกัน5คนได้ เป็นจุดที่ทำให้ผมคิดไม่ถึงเหมือนกัน ดูเหมือนว่าพลังของพวกคุณจะไม่ธรรมดาเลยเหมือนกัน”
“คนพวกนี้ เป็นคนที่ฉันท์ชนกฝึกซ้อมไว้อย่างลับๆ แม้แต่พ่อฉันก็ไม่รู้”
นีย์กล่าว
“ฝึกซ้อมไว้อย่างลับๆ งั้นหรือ?”
รพีพงษ์คิ้วขมวดเล็กน้อย งั้นแสดงว่า พี่สาวของนีย์คนนี้ รับมือได้ยากกว่านีย์เสียอีก ทะเยอทะยานมากกว่าอีก
“หงส์ พวกเราไปกันเถอะ”
รพีพงษ์เดินไปด้านข้าง แล้วก็อุ้มร่างของเต่าขึ้นมา
หงส์ตามมาด้านหลัง ในขณะเดียวกันธีรพัฒน์ก็มองไปยังรถHummerคันนั้น
“รอเดี๋ยว!”
ในตอนนั้นเอง นีย์ก็เหมือนจะตัดสินใจอะไรได้ แล้วตามเข้าไป
“คุณจะทำอะไร? พวกขอเตือนให้พวกคุณรีบหาที่ปลอดภัยเสีย ไม่งั้นล่ะก็ พี่สาวคนนั้นของคุณคงจะส่งคนมาฆ่าคุณอีก และครั้งหน้า พวกคุณก็คงจะไม่โชคดีแบบนี้อีกแล้ว” รพีพงษ์พูดกับนีย์
นีย์ก็กัดปากแน่น “รพีพงษ์ให้พวกเรากลับไปกลุ่มสิงโตกับคุณเถอะ!”
“ห้ะ?” รพีพงษ์ก็ใช้สายตาหยอกล้อมองไปยังฝั่งตรงข้าม “ถือว่าคุณฉลาดดี ที่รู้ว่าด้านนอกมันอันตราย และกลุ่มสิงโตของพวกเราก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย ก็เลยอยากจะมาหลบภัย ใช่ไหมล่ะ?”
นีย์พยักหน้าพูดว่า “เป็นอย่างนั้นแหละ แต่ไม่ใช่เพราะว่าฉันกลัวตายหรอกนะ เพียงแต่ที่ลุงคริตและอาเมฆตามฉันมาที่นี่ ก็ถูกฉันท์ชนกตามทำร้ายด้วย คุณรับพวกเขาไว้จนกว่าอาการบาดเจ็บของพวกเขาทั้งสองคนจะหายดี แล้วค่อยให้กลับออกไปก็ได้ ส่วนตัวของฉันนั้น ไปหาที่ตายเอาดาบหน้าเองก็แล้วกัน”
รพีพงษ์มองเธอ สายตาของเธอบอกกับรพีพงษ์ว่า เธอนั้นไม่ได้โกหก และรพีพงษ์ก็รู้ว่า พี่สาวของเธอนั้นเป็นคนที่สามารถลงมือฆ่าญาติพี่น้องตนเองได้ ถ้าเรื่องแบบนี้ไปเกิดกับนีย์ เธอก็คงจะตัดใจจากทวีปโอชวินได้จนหมดสิ้น
“องค์หญิงน้อย แย่ทำแบบนี้เลย คุณจะไปที่ไหนพวกเราก็ไปด้วย ผมและชาคริตจะคอยปกป้องคุณเอง” เมฆกล่าว
“ใช่ครับองค์หญิงน้อย กลุ่มสิงโตไม่ใช่ที่ที่พวกเราจะไปอยู่ได้หรอก จะว่าไปเจ้านายหลินจะฆ่านักฆ่าไป5คนแล้ว ก็ถือว่าได้ช่วยพวกเรามากแล้ว พวกเราก็อย่าไปรบกวนพวกเขาเลย เพราะถึงอย่างไรพวกเขาเป็นถึงกลุ่มสิงโต ส่วนพวกเราเป็นคนของทวีปโอชวิน” ชาคริตก็พูดแบบเดียวกัน
“จนถึงตอนนี้ พวกคุณยังนึกถึงทวีปโอชวินอีกงั้นหรือ?” นีย์ถามเสียงขรึม “ลุงคริต อาเมฆ ที่ฉันท์ชนกทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ในใจของเธอนั้นได้ลบชื่อของพวกเราออกไปหมดแล้ว ต่อให้หลังจากนี้ พวกคุณฟื้นพลังกลับมาเป็นปกติ แล้วพวกคุณไม่คิดเลยหรือว่า หลังจากที่กลับไปทวีปโอชวินแล้ว พี่สาวฉันจะจัดการกับพวกเราอย่างไร? เธอจะยอมปล่อยพวกเราไปงั้นหรือ?”
พอพูดออกไป เมฆและชาคริตก็ตกใจ
ผ่านไปสักพัก ชาคริตก็พูดว่า “ถูกต้อง องค์หญิงน้อยพูดถูก ที่องค์หญิงใหญ่ทำแบบนี้ ก็แสดงว่าอยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางกลับไปทวีปโอชวินได้อีกแล้ว”
“แต่ว่า ถ้าไม่กลับทวีปโอชวิน แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันล่ะ?” เมฆพูดอย่างกังวล “ถ้าพวกเราไม่กลับทวีปโอชวิน แล้วพวกจะยังนับว่าเป็นคนของทวีปโอชวินอยู่อีกไหม?”
“ไม่นับก็ไม่นับสิ!เพราะถึงอย่างไรในใจฉันก็ได้ตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันและทวีปโอชวินไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก และฉันนีย์ก็จะไม่ใช่องค์หญิงน้อยของทวีปโอชวินอีกต่อไป!” นีย์พูดเสียงดัง
พอสองคนนั้นเห็นท่าทางที่ตั้งมั่นของนีย์ ในใจก็คิด “ให้ตายสิ ในเมื่อองค์หญิงน้อยคิดแบบนี้ กลับไปก็ตายเปล่า ในเมื่อฉันท์ชนกไม่มีความโอบอ้อมอารี พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องภักดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราจะไม่ใช่คนของทวีปโอชวินอีกต่อไป!”
ชาคริตและเมฆพูดออกมาเหมือนกัน
รพีพงษ์ก็มองพวกเขาสามคน ในใจก็คิดว่า ถ้าเรื่องแบบนี้มาเกิดขึ้นกับตนเอง ตนเองก็คงจะตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ องค์หญิงน้อย พวกเราก็ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“แต่ว่า…….” นีย์มองรพีพงษ์อย่างกังวล ตอนนี้ที่เธอกังวลนั้น ไม่ใช่ความปลอดภัยของตนเอง แต่เป็นชาคริตและเมฆ
“องค์หญิงน้อย โลกนั้นสวยงามกว่าทวีปโอชวินอีก ผมและชาคริตอยากจะไปลองดูเสียหน่อย จะไม่รบกวนเจ้านายหลินอยู่ที่นี่หรอก” เมฆยิ้มพูด นิสัยของเขาใจใหญ่ไม่ธรรมดา
“รอเดี๋ยว” ตอนนี้รพีพงษ์ก็มองนีย์แล้วพูดขึ้นมา “จะให้พวกคุณอยู่ด้วย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ผมมีข้อแม้นิดหน่อย”
“ข้อแม้อะไรหรือ?” นีย์ถาม
“ผมอยากให้พวกคุณบอกเรื่องราวที่เกี่ยวกับทวีปโอชวินทั้งหมด!” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ “ขอเพียงคุณรับปาก ผมจะรับรองความปลอดภัยของพวกคุณ!”
“บอกเรื่องราวในทวีปโอชวินทั้งหมดงั้นหรือ?” นีย์บ่นพึมพำ
“องค์หญิง ไม่ได้นะ ถ้าบอกไปล่ะก็ พวกเราก็กลายเป็นคนทรยศของทวีปโอชวินน่ะสิ” เมฆกล่าว
“พวกเราไม่คนของทวีปโอชวินแล้ว แล้วจะเป็นคนทรยศได้อย่างไรกัน!” ชาคริตกลับพูดออกมาแบบนี้
ทั้งสองพูดไม่เหมือนกัน และรอการตอบรับของนีย์
นีย์ก็ยิ้มอย่างเจ็บปวด “ฉันเคยเสียสละทุกอย่างเพื่อทวีปโอชวิน แต่ไม่คิดเลยว่า น้ำพักน้ำแรงของตนเองทั้งหมด จะแลกมาด้วยวันนี้”
พูดไป เธอก็มองรพีพงษ์ “ได้ รพีพงษ์ ฉันรับปากคุณ ขอเพียงกลุ่มสิงโตของพวกคุณสามารถให้ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเรา ฉันก็จะเอาเรื่องทั้งหมดของทวีปโอชวินบอกกับคุณเอง”
“ตกลงตามนี้!”
รพีพงษ์กล่าว
แบบนี้ นีย์ก็จะกลายเป็นคนฝั่งตนเองที่รู้เรื่องของทวีปโอชวินเป็นอย่างดี จะต้องรู้เขารู้เราเท่านั้น จึงจะสามารถรับมือกับทวีปโอชวินได้ดีกว่าเดิม
ทั้งหมดก็หันหลัง แล้วเดินไปทางกลุ่มสิงโต
และสงครามครั้งนี้ ยอดฝีมือของทวีปโอชวินทั้ง5คนก็ได้จบชีวิตอยู่ที่นี่