พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1363 พลังที่แตกต่างกัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1363 พลังที่แตกต่างกัน
“คนมีพลังระดับแดนเทพขั้นพีค3คนงั้นหรือ?” รพีพงษ์ถอนหายใจออกมาเบาๆ
พลังแบบนี้มันทำลายล้างโลกได้เลยเชียวนะ
แต่พอหันกลับมาดูฝั่งตนเอง มีเพียงธีรพัฒน์คนเดียวที่มีพลังระดับแดนเทพขั้นพีค และรพีพงษ์ก็รู้ดีว่า ถึงแม้จะเป็นระดับแดนเทพขั้นพีคเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้เศษวิญญาณของธีรพัฒน์ไปสิงสถิตอยู่บนผนังหินหลายร้อยปี พลังได้ลดน้อยถอยลงไปไม่น้อยแล้ว
และถึงแม้จะฟื้นฟูกายเนื้อขึ้นมาใหม่ จะทำให้ธีรพัฒน์ฟื้นพลังก่อนหน้านี้มาได้ แต่เมื่อเทียบกับพลังชั้นยอด ก็ยังขาดอยู่นิดหน่อย
“3คนนั้นก็คือพ่อของฉันและอาของฉันอีก2คน” นีย์บอกตามตรง “ไม่เพียงเท่านั้น คนที่มีฝีมือระดับแดนเทพขึ้นไป ยังมีอีก10กว่าคน ส่วนระดับแดนดั่งเทพขึ้นไปก็มีนับไม่ถ้วน”
รพีพงษ์ก็หน้านิ่งขรึมขึ้นมา ตอนแรกเขายังนึกว่า ด้วยพลังของตนเอง ได้เจอกับยอดฝีมือระดับแดนดั่งเทพขึ้นไปหลายคน แล้วจะเพียงพอที่จะรับมือกับทวีปโอชวินได้
แต่วันนี้ พอได้นีย์บอกมาแบบนี้ ทั้งสองฝ่ายมีพลังแตกต่างกันมากขนาดนี้เลย
ถ้าทั้งสองฝั่งสู้กันขึ้นมา รพีพงษ์ก็คิดในใจ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสชนะเลย
แต่ว่ามีข้อดีอยู่ว่า เส้นทางที่เชื่อมต่อนั้นมีไม่กี่ทาง และฝั่งตรงข้ามก็มียอดฝีมือมากมาย จะบุกมาทีเดียวก็คงจะยาก
ต่อให้ก่อนหน้านี้รีบร้อนอยากจะทำลายเส้นทางเชื่อมใหญ่นั้นทิ้งไป แต่ตามที่รพีพงษ์คาดการณ์ไว้ เกรงว่าอย่างมากก็สามารถมาที่นี่ได้ราว15คน
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ มันก็ยังน่ากลัวอยู่ เพราะว่าทวีปโอชวินสามารถเลือกคนที่มีพลังระดับแดนเทพมาที่นี่ได้ กองทัพแบบนั้น ก็ยิ่งน่ากลัว
นีย์มองรพีพงษ์ที่กำลังครุ่นคิด แล้วก็พูดต่อว่า “อีกอย่างนะ ที่ฉันเล่าไปนั้น ล้วนเป็นข้อมูลให้แผ่นกระดาษ ก็คือพลังที่ที่สามารถมองเห็นได้กับตา จริงๆ แล้วทวีปโอชวินมีความลับอะไรอีกเท่าไร แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่รู้ชัดเจน”
“คุณเป็นถึงองค์หญิงน้อยของทวีปโอชวินนะ จะมีเรื่องที่คุณไม่รู้ด้วยงั้นหรือ?” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม
นีย์ยิ้มแหย “ฉันมีฐานะองค์หญิงน้อยแล้วไงล่ะ ก็ถูกพี่สาวตนเองตามฆ่าอยู่นี่ไงล่ะ”
รพีพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“รพีพงษ์ คุณก็รู้นะว่า ยอดฝีมือระดับแดนเทพทั้ง5คนที่ถูกคุณฆ่าตายในวันนี้ เป็นคนของฉันท์ชนก ดังนั้น ในทวีปโอชวินมีคนทำแบบนี้อีกกี่คน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” นีย์กล่าว
รพีพงษ์ก็ลูบสันจมูกตนเอง “ผมคิดว่า สถานการณ์อาจจะไม่ได้แย่เหมือนที่คุณพูด พี่สาวของคุณเป็นองค์หญิงใหญ่ของทวีปโอชวิน และจากที่คุณเล่ามา พี่สาวของคุณคิดจะทำอะไรก็ได้ในทวีปโอชวิน ดังนั้นจะชุบเลี้ยงยอดฝีมือไว้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ส่วนคนอื่น เกรงว่าคงจะทำไม่ได้”
“คุณพูดมาก็ถูก ตอนนี้ฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าทำไมพี่สาวฉันถึงต้องยอมเสียเงินมากมายเพื่อซื้อที่ดินบนเขาหลังตำหนัก ตอนนี้เห็นชัดแล้วว่า เธอทำไปเพื่อซ่องสุมกำลังยอดฝีมือพวกนั้น”
“อดทนได้มานานขนาดนี้ แถมยังไม่ถูกใครพบเข้า องค์หญิงใหญ่คนนี้ ไม่ธรรมดาเลยนะ” รพีพงษ์กล่าว
นีย์พยักหน้า “ใช่ เธอจิตใจโหดร้ายมาก แถมทำงานอะไรก็ไม่เคยผิดพลาด บอกตามตรง ถ้าเทียบความฉลาดแล้ว ฉันสู้พี่ฉันไม่ได้เลย”
“งั้นหรือ? คุณเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ยังมีคนที่คุณเทียบไม่ได้อีกงั้นหรือ?” รพีพงษ์แกล้งพูดประชด
นีย์ก็เม้มปาก “รพีพงษ์ ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้เคยทำเรื่องที่ทำร้ายคุณไว้มากมาย แต่ตอนนี้ฉันพูดได้แค่ว่า ก่อนหน้านี้จุดยืนของเราสองคนไม่เหมือนกัน ถ้าคุณเป็นฉันล่ะก็ ก็คงทำแบบเดียวกับฉันนี่แหละ”
“ผมรู้ นี่ก็คือเหตุผลที่ตอนนี้ผมยังไม่ฆ่าคุณไงล่ะ” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม “เล่าต่อไปสิ ผมอยากรู้เรื่องทุกอย่างของทวีปโอชวิน”
นีย์ก็พยักหน้า ในเมื่อตนเองได้ตัดใจจากทวีปโอชวินแล้ว อีกอย่าง จากเรื่องในวันนี้ นีย์ก็เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับคนบนโลกนี้แล้ว
เพราะก่อนหน้านี้ นีย์ดูถูกคนบนโลกนี้ ในสายตาเธอคนพวกนี้ก็เหมือนมดตัวน้อยนิด แต่วันนี้ ก็เป็นเพราะมดตัวน้อยนิดพวกนี้นี่แหละ ที่สามารถสั่นคลอนทวีปโอชวินได้ และทำให้ใจเธอสั่นคลอนได้
“ฉันจะเล่าเรื่องทุกอย่างของทวีปโอชวินให้คุณฟังเดี๋ยวนี้……..”
นีย์พูดอย่างตั้งใจ แล้วก็เล่าเรื่องทีมของทวีปโอชวิน รวมทั้งเรื่องราวของทวีปโอชวินเมื่อ200ปีก่อนด้วย
ทั้งสองคนคุยกันจนดึก
พอรพีพงษ์ฟังจบ ก็พอจะเข้าใจรายละเอียดในทวีปโอชวินมากพอสมควรแล้ว
“ฟังจากที่คุณบอกมา คนของทวีปโอชวินได้พบเข้ากับทวีปโอชวินหลังจากที่ถูกจอมมารชูราขับไล่ออกไป งั้นก็แสดงว่า คนพวกนั้นเดิมทีก็ดำรงชีวิตอยู่ในโลกของพวกเราเหมือนกัน ใช่ไหม?” รพีพงษ์ถาม
นีย์พยักหน้า “ถูกต้อง ตามที่พ่อฉันเล่ามา รุ่นของพวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่หลังจากสงครามครั้งนั้น ก็ต้องถูกบีบให้มาที่นี่ มาถึงทวีปโอชวิน”
“ฉันคิดว่า พวกพ่อของฉันยังคงอยากได้โลกนี้อยู่ตลอดเวลา เกรงว่าคงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย” นีย์กล่าว
“เหอะ ถ้าตอนนั้นไม่ทำเรื่องชั่วไว้ ก็คงไม่ถูกขับไล่ออกไปหรอก ถ้าพวกเขายังกล้าบุกเข้ามาอีกล่ะก็ ผมก็จะทำให้พวกเขาไสหัวออกจากโลกนี้เป็นครั้งที่สอง!” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม แล้วก็ลุกขึ้น “นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณก็รีบไปพักผ่อนเถอะ”
นีย์พยักหน้า แล้วก็ลุกขึ้นเหมือนกัน แล้วก็เดินไปส่งรพีพงษ์ที่ประตู
“รพีพงษ์”
นีย์เรียกรพีพงษ์ไว้ตอนที่เขากำลังจะกลับออกไป
“ยังมีเรื่องอะไรหรือ?” รพีพงษ์ถาม
“วันนี้ ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้คุณรีบพาฉันออกมาได้ทัน คนของกลุ่มสิงโตก็คงจะฉีกฉันเป็นเสี่ยงๆ แล้วล่ะ” นีย์พูดเบาๆ
รพีพงษ์พูดนิ่งๆ ว่า “ถึงแม้คนบนโลกเรานี้จะโกรธเกลียดทวีปโอชวินของพวกคุณ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล ในเมื่อคุณบอกว่าจะออกจากทวีปโอชวินแล้ว ผมก็หวังว่าคุณจะทำได้อย่างที่พูด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่”
นีย์พยักหน้าเบาๆ แล้วก็ยืนมองร่างใหญ่ๆ ของรพีพงษ์เดินหายไป
หลายวันนี้มีเรื่องที่กระทบต่อจิตใจเธอไม่น้อยเลย
แต่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็ไม่ได้มองคนบนโลกนี้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
มาที่หน้าต่าง เธอมองไปยังเทือกเขาคุนหลุนด้านนอก บนเทือกเขานั้น พระจันทร์เสี้ยวยังคงถูกแขวนไว้ตรงนั้นไม่เปลี่ยน รอบๆ ดวงจันทร์ยังมีแสงสลัวส่องออก
นีย์นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เธอไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งตนเองจะได้รับการปกป้องจากรพีพงษ์ และยิ่งทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ รพีพงษ์ก็ยอมปกป้องตนเองอีกด้วย
พอนึกเรื่องทุกอย่างในตระกูลลัดดาวัลย์ นีย์ก็ยิ้มออกมาแหยๆ
ตอนนั้น ตนเองกับรพีพงษ์เป็นลิ้นกับฟัน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ ก็ล้วนโจมตีรพีพงษ์ทั้งสิ้น
แต่ทว่า ก็ตั้งแต่ตอนนั่นแหละ ที่นีย์รู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา
เพราะว่า ทุกครั้งที่ตนเองกดดันอะไรเขาไป ก็ไม่เคยได้ผลอะไรเลย แถมยังถูกเขาแก้ไขได้หมด
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การกดขี่ของตนเองนั้น ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปก็คงบ้าไปแล้วล่ะ แต่รพีพงษ์เหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย กลับกันยังสามารถแก้ไขได้หมดทุกครั้ง
หมอนี่ไม่อาจจะเอาไว้ได้ นี่คือสิ่งที่นีย์คิดในตอนนั้น แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้คิดแบบนั้นอีกแล้ว
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเทียบกับพลังที่ยิ่งใหญ่ นีย์ยิ่งเชื่อว่า เมื่อโลกนี้อยู่ภายใต้การดูแลของรพีพงษ์ จะต้องแข็งแกร่งเหมือนกับทวีปโอชวินแน่นอน
เพราะว่าในฐานะที่เป็นอดีตองค์หญิงน้อยของทวีปโอชวิน นีย์รู้ดีว่า ทวีปโอชวินไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่เห็น จริงๆ แล้วด้านในเริ่มแตกแยกกันแล้ว ทุกคนล้วนมีแผนการของตนเอง
พอหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนี้ นีย์ก็เห็นว่านักฝึกวิชาของโลกนี้เมื่ออยู่ภายใต้การนำของรพีพงษ์ ก็ล้วนมีใจเป็นหนึ่งเดียว สามัคคีอย่างมาก
“ก็หวังนะว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าถึงตอนนั้นแล้ว รพีพงษ์จะสามารถทำเรื่องอะไรที่สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดินได้อีกหรือไม่!”
นีย์มองพระจันทร์เสี้ยวบนฟ้า แล้วก็พูดออกมา
……
สามวันผ่านไป ที่ยอดเขาหลักของเทือกเขาคุนหลุน รถSUVที่มีพลังแรงม้าขับเคลื่อนสูงคันหนึ่ง ขับอยู่ที่พื้นดิน
บนท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์ก็บินวนไปมา สุดท้ายก็ลงจอดลงที่ยอดเขาหลัก
วันนี้ คนของกลุ่มสิงโตทุกคนก็มาจากทุกที่บนโลก
รพีพงษ์ ธีรพัฒน์ ธัชธรรมทั้งสามคนก็มายืนอยู่ตรงหน้าแถว
ส่วนมังกร พยัคฆ์ หงส์ก็นำร่างของเต่าเดินออกมาจากแถว
รพีพงษ์มีสีหน้าเคร่งขรึม คนในงานทุกคนล้วนสวมชุดสีดำ
“เต่า ทุกคนมาหมดแล้วนะ นายก็ไปอย่างสงบได้แล้วนะ” หงส์พูดทั้งน้ำตา
โลงศพที่ทำขึ้นจากไม้ฟีบี้สีทอง ก็มีร่างของเต่านอนสงบอยู่ด้านใน
“ผมยอมแหลกละเอียดเป็นก้อนดิน ก็จะปกป้องเทือกเขาคุนหลุนไว้ให้ได้ ปกป้องโลกนี้ไว้ให้ได้!”
นี่คือความฝันของเต่า วันนี้มันได้กลายเป็นจริงแล้ว
มองโลงศพที่กำลังถูกดินฝังกลบลงไปเรื่อยๆ ป้ายหลุมศพถูกตั้งขึ้นมา ทุกคนก็เข้ามาเอาดอกไม้วางทำความเคารพ
ส่วนหงส์ก็หยิบอะไรออกมาจากตะกร้า แล้วก็วางลงข้างป้ายหลุมศพของเต่า
“เต่า นีคือคุกกี้ซูโจว เมื่อก่อนนายชอบบอกว่าฉันขี้งก วันนี้ฉันตั้งใจทำให้นายเลยนะ” หงส์พูดเบาๆ พอนึกถึงภาพที่หลายวันก่อนเต่าตายไปต่อหน้าตนเอง เธอก็อดน้ำตาไหลไม่ได้
มังกร พยัคฆ์ก็เข้ามาพยุงหงส์ลุกขึ้น
“หงส์ อย่าเสียใจเกินไป เพื่อเต่า พวกเราสามคนจะต้องทำความฝันของเขาให้เป็นจริงให้ได้!” มังกรพูด
“ใช่ สำหรับผมแล้ว เต่ายังไม่ได้จากไปไหน เขายังคงอยู่กับพวกเราทั้ง3คน!” พยัคฆ์ก็พูดออกมาเหมือนกัน
หงส์พยักหน้า เพื่อเต่า เพื่อโลกใบนี้ ตนเองจะต้องสู้ต่อไป