พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1366 ขอแล้วกันชีวิตของรพีพงษ์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1366 ขอแล้วกันชีวิตของรพีพงษ์
เช้าวันต่อมา ตำหนักของทวีปโอชวินก็เต็มไปด้วยคนแน่นขนัด
คนพวกนี้ก็ไม่รู้เหมือนว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าทวีปกิตติ์ถึงได้เรียกรวมพลมาทั้งหมดแบบนี้
ไม่นาน สามพี่น้องตระกูลสุนธรประภาในชุดหรูหราก็เดินออกมาพร้อมกันหมด ด้านหลังของพวกเขาก็เป็นฉันท์ชนก
“ที่วันนี้เรียกทุกคนมา ก็เพราะมีเรื่องสำคัญจะประกาศ” ฉันชนกกล่าว
ทุกคนด้านล่างก็เงยหน้ามองยอดฝีมือแดนเทพขั้นพีคทั้งสามคนและองค์หญิงใหญ่ของทวีปโอชวินบนเวที
จิรกิตติ์ก็พูดเสียงต่ำว่า “ทุกท่าน การรอคอยหลายร้อยปี วันนี้พวกเราห่างจากวันที่จะได้กลับไปยังโลกนั้นไม่ไกลแล้ว”
“หรือครับ?”
“เจ้าทวีปกิตติ์ ท่านพูดจริงๆ ใช่ไหม?”
“เดี๋ยวนะ ก่อนหน้านี้ยังกังวลกันอยู่ไม่ใช่หรือว่าดวงจิตของไอ้จอมมารชูรามันแหลกสลายไปหรือยัง?”
คนข้างล่างก็ปรึกษากันระงม แต่ว่าจากสีหน้าของพวกเขาก็สามารถเห็นได้ว่า พอคนพวกนี้ได้ยินข่าวนี้ ก็ฮึกเหิมกันขึ้นมาใหญ่
“จากข่าวที่เชื่อถือได้ หลายวันก่อนนี้ ตอนที่พวกเรากำลังปลดผนึกของทางเชื่อมนั้น เคยรับมือกับดวงจิตของจอมมารชูรา และครั้งนั้น ดวงจิตของมันก็ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้แหลกสลายไปหมดแล้ว!” จิรกิตติ์กล่าวต่อ
“จริงหรือ?”
คนด้านลงต่างพูดออกมาอย่างตกใจ
“งั้นก็ดีมากเลย!”
“ไอ้จอมมารชูรามันสมควรตาย ในที่สุดก็ตายๆ ไปเสียที!”
“โลกแห่งสีสันนั้น ในที่สุดก็จะได้เป็นของทวีปโอชวินแล้ว!”
……
คนพวกนั้นพูดอย่างตื่นเต้น แต่ละคนใบหน้ายิ้มแฉ่ง ราวกับแหล่งพลังทิพย์บนโลกได้มาอยู่ในมือแล้ว
“เจ้าทวีปกิตติ์ ท่านพูดจริงใช่ไหม หรือว่าทางองค์หญิงน้อยส่งข่าวมางั้นหรือ?” คนที่มีพลังระดับแดนเทพขั้นแรกคนหนึ่งพูดออกมา
ธีภพก็บอกไปว่า “ใช่นังหนูนีย์ที่ไหนล่ะ นังหนูนั่นถูกความสวยงามบนโลกนั้นหลอกล่อไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่ามันไปเที่ยวเล่นที่ไหน”
“งั้นเรื่องนี้ก็………”
“คนรับใช้ของฉันคนหนึ่งที่อยู่โลกนั้นบอกฉันมา” ฉันท์ชนกพูดนิ่งๆ
จิรกิตติ์ก็พูดต่อว่า “ถูกต้อง ข่าวนี้ได้มาจากอดีตลูกน้องขององค์หญิงใหญ่บอกเธอมา ผมรับรองได้”
สำหรับลูกสาวคนโตของตนเองแล้ว จิรกิตติ์ก็เชื่อจอย่างไม่มีข้อกังขา
“ในเมื่อเจ้าทวีปกิตติ์พูดแบบนี้ งั้นพวกเราก็ไม่มีข้อข้องใจอะไรแล้วล่ะครับ ต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อ เชิญสั่งการมาได้เลยครับ”
คนด้านล่างก็พูดไป
จิรกิตติ์ ธีภพและฉันชนกทั้งสามคนก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง สายตาของพวกเขาแฝงความกังวลและความฮึกเหิม
ที่ฉันท์ชนกพูดก็ถูก ดวงจิตของจอมมารชูราจะสลายหรือไม่นั้น แค่ลองก็รู้แล้ว อีกอย่าง หลายปีผ่านไปแล้ว สามคนพี่น้องตนเองก็มีพลังถึงระดับแดนเทพขั้นพีคแล้ว ถือได้ว่าเป็นพลังขั้นสุดยอดแล้ว
ต่อให้จอมมารชูราจะเก่งแค่ไหน ก็เป็นแค่เศษวิญญาณ เราสามคนจะกลัวอย่างน้นหรือ?
จิรกิตติ์ก็ตัดสินใจ ก่อนหน้านี้ตนเองเห็นแก่ส่วนรวมไปมากไป เลยไม่มีความกล้า แต่ตอนนี้จอมมารชูราสลายไปก็ดีแล้ว ถ้ายังไม่ถูกทำลายไปล่ะก็ อย่างมากสามคนพี่น้องก็สู้กับมันสักตั้ง
“เช้าวันพรุ่งนี้ พวกเราก็เข้าทำลายเพื่อปลดผนึกทางเชื่อมนั้นเลย!” จิรกิตติ์พูดเสียงดัง “ครั้งนี้ ยอดฝีมือของทวีปโอชวินเราทั้งหมด จะออกรบด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ผมสามพี่น้องก็จะคอยเป็นหลักให้ทั้งสามช่องทาง ครั้งนี้ จะต้องยึดเอาทางเชื่อมมาให้ได้!”
“รับทราบ เจ้าทวีปกิตติ์!”
ยอดฝีมือทวีปโอชวินก็พูดพร้อมกันด้านล่าง
“ฉันท์ชนก!” จิรกิตติ์เรียก
“ค่ะพ่อ”
ฉันท์ชนกก็มาตรงหน้าจิรกิตติ์ แล้วคุกเข่าลง
“พรุ่งนี้พ่อจะนำอาของแกและยอดฝีมือของทวีปโอชวินทั้งหมดไปที่ทางเชื่อม ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี พรุ่งนี้เราก็บุกโจมตีโลกได้ แล้วไปดูดเอาแหล่งพลังทิพย์มากลับมาให้หมด ดังนั้น เรื่องทุกอย่างในนี้ จะยกให้แกจัดการชั่วคราว” จิรกิตติ์กล่าว
“หนูจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังเลยค่ะ” ฉันท์ชนกก้มหน้า แล้วพูดเสียงต่ำ
สายตาของเธอแฝงความดีใจออกมา เรื่องทั้งหมด ได้เข้ามาอยู่ในลำดับแผนการของเธอหมดแล้ว
“แล้วก็ ฉันท์ชนก ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แกจะต้องจัดเตรียมคนเพื่อคอยช่วยเหลือ พอพวกเราได้แหล่งพลังทิพย์แล้ว ก็จะกลับมาทางเส้นทางเชื่อมเหมือนเดิม รู้แล้วใช่ไหม?” ฉันชนกสั่งการ
ฉันท์ชนกพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะคุณอา เรื่องเล็กแค่นี้เดี๋ยวหนูจัดการเอง”
พูดไป เธอก็ลุกขึ้น แล้วมองคนด้านล่าง “วันพรุ่งนี้ ลำบากทุกคนหน่อยนะ ฉันจะจัดเตรียมสุราอาหารไว้รอ รอทุกคนนำชัยกลับมา!”
“องค์หญิงใหญ่วางใจได้เลย!”
ทุกคนก็พูดพร้อมกันอีกครั้ง เสียงดังสนั่นไปทั้งตำหนัก
จิรกิตติ์ก็มองฉันท์ชนกอย่างพอใจ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวของตนเองจริงๆ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ไว้ใจได้หมด
“ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทุกคนก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ พวกเราจะบุกโลกนั้นให้ราบเป็นหน้ากลอง!” จิรกิตติ์พูดเสียงดัง
ทุกคนก็แยกย้ายออกไป ในตำหนักก็กลับมาเงียบสงบ
สามพี่น้องจิรกิตติ์ก็แยกกันไปนั่งตำแหน่งตนเอง
พรุ่งนี้เป็นศึกหนัก นอกจากจอมมารชูราแล้ว พวกเขาไม่มองนักฝึกวิชาคนอื่นๆ อยู่ในสายตาเลย
“200ปีเต็มๆ ไม่ได้กลับไปที่นั่น200ปีแล้ว ไม่รู้ที่นั่นเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” จิรกิตติ์พูดถอนหายใจ
“พรุ่งนี้ไปก็รู้เองแหละพี่พรุ่งนี้ผมเป็นแนวหน้าเอง ใครกล้าขวางก็ฆ่าไม่เว้น ให้ตายเถอะ หลายปีมานี้อัดอั้นอยู่ในทวีปโอชวิน อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว อยากจะแสดงฝีมือให้สะใจเสียหน่อย ไม่รู้ว่าไอ้พวกกระจอกที่ประเทศจีนจะพอให้ผมฆ่าหรือเปล่าสิ” ธีภพยิ้มพูด
ฉันชนกก็พูดนิ่งๆ ว่า “นักฝึกวิชาที่ประเทศจีนนั้น ผมสนจแค่คนเดียว”
“ใครล่ะ ฉันชนก หรือว่าในกลุ่มพวกกระจอกพวกนั้น ยังมีใครเข้าตาแกอีกงั้นหรือ?” ธีภพถามอย่างไม่สนใจ
จิรกิตติ์ก็มองน้องเล็กตนเอง แล้วพูดเสียงต่ำว่า “คนที่แกพูดถึง ใช่ไอ้รพีพงษ์คนที่ทำร้ายนีย์จนเหลือแต่เศษวิญญาณใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ”
ฉันชนกพยักหน้า “ไอ้หมอนี่จากที่นีย์เอาข่าวมาบอก อายุยังน้อยก็สามารถฝึกถึงระดับแดนเทพครึ่งก้าว บอกตามตรง พวกเราทั้งสามคนตอนอายุเท่านั้น ยังไม่ได้เก่งขนาดนี้เลยนะ ผมว่า ไอ้จอมมารชูราก็ไม่เท่าไรหรอก”
“เออ ไอ้หมอนั่นก็มีพรสวรรค์ไม่เบา อีกอย่างโลกที่มันอยู่มีพลังทิพย์เทียบไม่ได้ไกับทวีปโอชวินเรา ต่อให้เป็นแบบนั้น มันก็ยังฝึกวิชาจนได้ระดับนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ” จิรกิตติ์กล่าว
ธีภพมีสีหน้าไม่สนใจ “พี่ใหญ่ น้องสาม ผมว่าพวกพี่เอาศัตรูมาข่มขวัญตัวเองเปล่าๆ เอาอย่างนี้ สงครามวันพรุ่งนี้ ไอ้รพีพงษ์มันต้องอยู่ด้วยแน่ๆ เดี๋ยวผมไปจัดการมันเอง ดูสิว่ามันจะแน่สักแค่ไหน”
“พี่รอง”
ฉันชนกยิ้มพูด “ผมรู้ว่าพี่มีพลังแข็งแกร่ง แต่ผมอยากขอเรื่องนึง พรุ่งนี้ชีวิตของไอ้รพีพงษ์ ผมขอแล้วกันนะ พี่ว่าไง”
“ตามใจ แกชอบก็เอาไป” ธีภพพูดไม่สนใจ
สำหรับเขาแล้ว ถึงอย่างไรรพีพงษ์ก็ตายอยู่ดี ใครจะเก็บคนเก็บมันก็เหมือนกัน
“ฮ่าๆ น้องสามก็ยังเสียดายคนเก่งเหมือนเดิมนะ แต่ว่าพอถึงตอนนั้น แกอย่ามัวเสียดายคนเก่งแล้วปล่อยไอ้รพีพงษ์ไปเชียวนะ” จิรกิตติ์ยิ้มพูด
“พี่ใหญ่วางใจได้เลย ผมแค่อยากรู้ว่ามันมีอะไรไม่เหมือนคนอื่นก็เท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับทวีปโอชวินแล้ว มันจะเป็นตัวอะไรกัน ถ้ากล้ามาขวางเราไปเอาแหล่งพลังทิพย์ ผมฆ่ามันแน่” ฉันชนกพูดเสียงเย็น
จิรกิตติ์ก็พยักหน้าอย่างพอใจ “โอเค นี่ก็สายมากแล้ว พวกแกสองคนรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็เข้าทำลายทางเชื่อมให้เต็มที่”
“ครับ!”
สามคนก็แยกย้าย ตำหนักก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
แต่ทว่า หลังฉากด้านหลังนั้น ฉันท์ชนกที่ซ่อนอยู่ด้านหลังก็เผยรอยยิ้มมุมปากออกมา
“พอถึงวันพรุ่งนี้ ทั้งทวีปโอชวินก็จะเป็นของฉันแล้ว!”
ฉันท์ชนกคิดในใจ ปากก็บ่นพึมพำว่า “จอมมารชูราเอ๋ย อย่าทำให้ฉันผิดหวังเชียวนะ…….