พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1369 จอมมารชูราอีกคน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1369 จอมมารชูราอีกคน
การต่อสู้ยืดเยื้อมาถึงตอนนี้ ทางฝั่งของรพีพงษ์จะนำชัยอยู่
แต่ทว่า ในฐานะที่เป็นผู้นำของทั้งโลก รพีพงษ์รู้ดีว่า การโจมตีที่รุนแรงกว่าจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ อย่างน้อยตอนนี้ ทางเชื่อมขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา ผนึกที่ปิดทางเชื่อมไว้ แทบจะป้องกันไว้ไม่อยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งของธีรพัฒน์และธัชธรรมก็เหมือนกัน
ถ้าทางเชื่อมใหญ่ทั้งสามเปิดออก รพีพงษ์รู้ดีว่า ความท้าทายที่แท้จริงก็จะตามมาด้วยเช่นกัน
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ ท่านธัชธรรม”
รพีพงษ์ตะโกน
ทั้งสองคนก็มองรพีพงษ์ ตอนนี้พวกเขากำลังเลือดร้อนเต็มที่
“ระวังตัวด้วย!” รพีพงษ์สั่งเป็นครั้งสุดท้าย
“วางใจได้เลย รพีพงษ์” ธัชธรรมกล่าว
ในฐานะที่เป็นอดีตเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต เขามองว่าการต่อต้านกับพวกทวีปโอชวินเป็นหน้าที่ของตนเอง แต่ตอนนี้ เขาได้เจอคนที่เหมาะสมกับตนเอง และคนคนนั้น ก็คือรพีพงษ์!
เพื่อรพีพงษ์ ธัชธรรมไม่สนใจเสียงส่วนมาก ยอมสละตำแหน่งเจ้าสำนัก เพราะว่าเขารู้ดี ว่าบนตัวของเด็กหนุ่มคนนี้ มีประกายอะไรบางอย่างที่เขามองเห็น
ไม่เพียงเป็นพลังฝีมือที่มีพรสวรรค์ ยิ่งกว่านั้น ก็คือรพีพงษ์เกิดมาพร้อมกับการเป็นผู้นำและการวางแผน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ทุกอย่างก็การควบคุมของเขาทั้งหมด
อุปนิสัยแบบนี้ ทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับทุกปัญหาได้ ธัชธรรมรู้ดีว่าตนเองมีความสามารถไม่เพียงพอ
ตอนนี้ เขาติดตามรพีพงษ์ต่อต้านกับทวีปโอชวิน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ธัชธรรมก็ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว
เขาไม่เคยเห็นจอมมารชูรา แต่ในใจของธัชธรรมกลับไม่ร้สึกเสียดาย เพราะว่าตอนนี้ โลกใบนี้ได้กำเนิดจอมมารชูราคนใหม่ขึ้นมาแล้ว และคนนั้นก็คือรพีพงษ์!
“รพีพงษ์ เดี๋ยวผมไปกับคุณด้วย ไปไล่ไอ้พวกทวีปโอชวินออกไปอีกครั้ง!” ธีรพัฒน์พูดเสียงดังออกมาเหมือนกัน
สายตาที่เขามองรพีพงษ์เต็มไปด้วยความชื่นชมและซาบซึ้ง
ตั้งแต่ที่สัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของรพีพงษ์ตื่นขึ้นที่ผนังหิน ธีรพัฒน์ก็ชี้ชัดได้ว่า หนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา อนาคตต้องทำการใหญ่ได้แน่
เพียงแต่ พัฒนาการของรพีพงษ์รวดเร็วกว่าที่ธีรพัฒน์คาดไว้มาก แม้แต่คนที่พบเห็นอะไรมามากมายอย่างธีรพัฒน์ก็นึกไม่ถึง ว่ารพีพงษ์ในตอนนี้ จะพัฒนามาจนถึงระดับนี้ได้
ต่อให้เป็นจอมมารชูราในตอนนั้น ก็ยังไม่ถึงขนาดนี้ อีกอย่าง บางด้าน พรสวรรค์ของรพีพงษ์ก็เก่งกว่าจอมมารชูรา
ทุกครั้งที่โลกนี้เผชิญกับอันตราย ก็มักจะมีคนอาสาออกมาช่วย
สองร้อยปีก่อน คนคนนั้นก็คือจอมมารชูรา ส่วนวันนี้ คนนั้นก็คือรพีพงษ์!
ก็เพราะว่ามีคนแบบนี้ โลกนี้ถึงได้สงบสุขและพัฒนาได้ต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด!
เสียงดังสนั่น
ทางเชื่อมตรงหน้าของธัชธรรมถูกทำลายผนึกจนแหลกสลาย จากนั้น แสงสีทองก็สาดส่องเข้ามา ยอดฝีมือของทวีปโอชวินก็ผ่านทางเชื่อมนั้นเข้ามายังเทือกเขาคุนหลุน
ส่วนทางฝั่งของรพีพงษ์และธีรพัฒน์ก็เหมือนกัน ยังไม่ทันให้พวกเขาได้ตั้งตัว ก็เสียงสนั่น ทางเชื่อมถูกเปิดออกอีก!
สงครามชี้เป็นชี้ตายได้เกิดขึ้นแล้ว!
รพีพงษ์ก็คิดในใจ กระบี่สยบเซียนก็ออกจากฝัก รอฝั่งตรงข้ามเข้ามา
ชายสวมชุดแบบจีนก็เดินออกมาจากกลุ่มคนของทวีปโอชวิน
เขามีสายตาสบายๆ แล้วมองธัชธรรมที่อยู่ด้านหน้า
“ที่แท้พวกมึงยังอยู่แถวทางเชื่อมอยู่อีกหรือนี่ กูนึกว่าพวกมึงจะหนีกันไปหมดแล้วเสียอีก” ฉันชนกพูดเยาะเย้ย
“ที่นี่เป็นที่ของพวกกู ทำไมพวกกูต้องหนีไปด้วยล่ะ!” ธัชธรรมตอบ
กระบี่ยาวก็ชี้ไปยังฉันชนก “วันนี้จะเป็นวันตายของมึง!”
“เหอะๆ ปากเก่งจริงๆ” ฉันชนกไม่มองธัชธรรมอยู่ในสายตา ภายใต้สัมผัสของจิตวิญญาณเทพ เขากลับรู้ได้ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นคนฝีมือระดับแดนเทพ ทำให้เขารู้แปลกใจไม่น้อย
ในตอนนี้เอง ทางเชื่อมอีกสองทางก็ถูกเปิดออก ในตอนนี้ เวลาก็เดินมาถึงช่วงกลางคืน ภายใต้ท้องฟ้าที่มีพระจันทร์ลอยอยู่ จิรกิตติ์ เจ้าทวีปกิตติ์ของทวีปโอชวิน และธีภพก็เดินออกมา
กองทัพสามแถวก็ค่อยๆ รวมเข้าด้วยกัน สามพี่น้องตระกูลสุนธรประภาก็เดินนำหน้าทุกคน ส่วนด้านหลังพวกเขานั้นก็คือยอดฝีมือระดับแดนเทพ และพวกระดับแดนดั่งเทพที่กำลังเยาะเย้ยพวกของธีรพัฒน์ทั้งสามคนอยู่
“ธีรพัฒน์,ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ。”
จิรกิตติ์ก็เอ่ยขึ้นมา
ธีรพัฒน์ยิ้มเบาๆ “จิรกิตติ์ ไม่คิดเลยว่าหลายปีผ่านไปลแล้ว มึงก็ยังจำชื่อของกูได้นะ”
“แน่นอน ความสามารถพิเศษของกูก็คือ ความจำดี ดังนั้น ความแค้นในปีนั้น กูยังจำได้ดี วันนี้ กูก็มาเพื่อแก้แค้น” จิรกิตติ์พูดเสียงเย็น
ธีรพัฒน์ส่งเสียงไม่พอใจ “ปีนั้น จอมมารชูราคนเดียวก็สามารถขับไล่พวกมึงทั้งหมดไปได้ วันนี้ เรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง อ่อไม่สิ พวกกูจะทำให้พวกมึงทั้งหมดตายอยู่ที่นี่!”
“ฮ่าๆ ธีรพัฒน์ มึงนี่มันปากเก่งจริงๆ เลยว่ะ!”
ธีภพพูดออกมาดังๆ ว่า “พี่ใหญ่ ไม่ต้องไปเกรงใจกับมันหรอก จัดการพวกมันเลยดีกว่า!”
จิรกิตติ์มองทั้งสามคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา เขารับรู้ได้ว่า ทั้งสามคนนี้มีระดับถึงแดนเทพหมดแล้ว!
“ไม่คิดเลยว่า พวกมึงยังมีคนที่มีฝีมือระดับแดนเทพอยู่ด้วย ไม่ง่ายเลยจริงๆ” จิรกิตติ์กล่าว
ความคิดอย่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในหัว ฝั่งตรงข้ามมียอดฝีมือระดับแดนเทพสามคน ส่วนวันนั้น ที่ทวีปโอชวินดำเนินการทำลายผนึกทางเชื่อมนั้น ก็เห็นได้ชัดว่ามีจิตวิญญาณเทพสามสายไม่ใช่หรือ?
แสดงว่า จิตวิญญาณเทพสามสายนั้นออกมาจากร่างของพวกมัน แต่ไม่ใช่ของจอมมารชูรางั้นหรือ?
จิรกิตติ์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา งั้นก็แสดงว่า ดวงจิตของจอมมารชูราได้แหลกสลายไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่า ต่อให้เป็นแบบนั้น แล้วกระบี่สยบเซียนมันมาจากไหนล่ะ?
จิรกิตติ์เริ่มไม่เข้าใจ แต่ว่าเข้าก็ไม่จำเป็นต้องคิดให้ออก ตอนนี้ ชี้ชัดแล้วว่าจอมมารชูราไม่อยู่ เช่นนั้นตนเองก็จะสามารถเข่นฆ่าได้ตามใจ โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไรแล้ว
ก็แค่ยอดฝีมือระดับแดนเทพสามคนเท่านั้นเอง จิรกิตติ์ไม่มองอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
“หลายปีก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกมึงมาแย่งเอาแหล่งพลังทิพย์ไป แค่ประเทศจีนของพวกกู ก็คงมีนักฝึกวิชาที่ถึงระดับแดนเทพแค่พวกกูสามคนหรอก จะว่าไปแล้ว พวกมึงก็ไม่ต่างอะไรกับพวกขโมย!”
ธัชธรรมพูดออกมาเสียงดัง
“เหอะ มึงมันเป็นตัวอะไรกัน แหล่งพลังทิพย์มันมหัศจรรย์ขนาดนั้น คนเก่งกว่าก็สมควรได้ไว้ครอบครองสิวะ พลังของกูแข็งแกร่งกว่าพวกมึง ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองมัน!” ฉันชนกพูดเสียงดัง สายตาก็จ้องมองธัชธรรม
ธัชธรรมอยู่ต่อหน้าขโมยพวกนี้ ก็โมโหจนหน้าเขียว
“แล้วมึงล่ะเป็นตัวอะไร!”
ในตอนนี้เอง รพีพงษ์ก็ก้าวออกมา แล้วเอ่ยปากพูด
ในขณะเดียวกันนั้น คนของกลุ่มสิงโตทั้งหลายก็มารวมตัวกันด้านหลังของรพีพงษ์
ทั้งสองฝ่ายมีจำนวนคนพอๆ ดัน แต่รพีพงษ์รู้ดี ถ้าจะเทียบพลังกันแล้ว ฝั่งของตนเองสู้ฝั่งตรงข้ามไม่ได้เลย
แต่ต่อให้เป็นแบบนั้น ด้านความฮึกเหิมก็จะด้อยกว่าไม่ได้
“แล้วไอ้เด็กนี่ มึงเป็นใครกันวะ พวกกูกำลังคุยกัน มึงมาแส่อะไร เดี๋ยวกูถลกหนังมึงเสียเลยนี่!” ธีภพพูดอย่างโมโห พลังที่แข็งแกร่งก็ระเบิดออกมา
รพีพงษ์ก็ไม่ยอมถอย จิตวิญญาณเทพของทั้งสองคนลอยขึ้นไปปะทะกันบนอากาศ เกิดเป็นเสียงดังสนั่น
รพีพงษ์ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัว ธีภพก็เหมือนกัน เพียงแต่ สายตาของเขามีความประหลาดใจ
“มึงก็คือรพีพงษ์สินะ”
ฉันชนกยิ้มพูด แล้วก็มองรพีพงษ์
รพีพงษ์ยืดอกพูด “ถูกต้อง ดูเหมือนว่ามึงจะรู้จักกูนะ”
“แน่นอน ทวีปโอชวินของพวกกูก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง แต่ไม่คิดเลยว่า ก่อนหน้านี้ยังระดับแดนเทพครึ่งก้าว ตอนนี้มีระดับแดนเทพขั้นแรกแล้ว การพัฒนาฝีมือของมึง ดูเหมือนจะเร็วกว่าพวกของมึงนะ” ฉันชนกพูดนิ่งๆ สายตาก็แฝงความชื่นชม
“อายุยังน้อย ก็มีฝีมือระดับนี้แล้ว แถมเมื่อครู่ยังได้ประมือกับพี่รองของกูอีกด้วย แถมยังไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ถ้ากูเดาไม่ผิดล่ะก็ จิตวิญญาณเทพของมึงได้ขึ้นแล้วสินะ”
“ใช่แล้วจะทำไม” รพีพงษ์พูดเสียงเย็น “ไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย กูไม่อยากจะเอาเรื่องพวกมึง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฆ่าไม่เว้น!”
“ฮ่าๆ 。”
ฉันชนกหัวเราะลั่น “ไอ้หนุ่ม มึงอย่าไร้เดียงสาเกินไป พวกกูเสียน้ำพักน้ำแรงหลายปีเพื่อมาที่นี่ มึงก็จะมาให้พวกกูกลับกันไปง่ายงั้นหรือ ไม่ให้เกียรติกันเลยว่ะ”
สายตาของรพีพงษ์เผยรังสีการฆ่า จิตวิญญาณเทพที่แข็งแกร่งก็รวบรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่ต้องมีอะไรต้องพูดกันอีก!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉันชนกค่อยๆ หายไป รังสีการฆ่าแพร่ออกมาจากร่างเขา “ไอ้รพีพงษ์ ชีวิตมึง กูขอแล้วกัน!