พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1370 การต่อสู้ของคนระดับแดนเทพขั้นพีค
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1370 การต่อสู้ของคนระดับแดนเทพขั้นพีค
รพีพงษ์ก็ตั้งท่ารออย่างตั้งมั่น สงครามใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น!
จิรกิตติ์ก็ยิ้มพูดกับธีรพัฒน์ว่า “ดูเหมือนว่าทุกคนจะจุดมุ่งหมายไว้กันชัดเจนแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็มาลองสู้กันสักตั้ง จะได้ดูว่าหลายปีมานี้ฝีมือขอมึงพัฒนาหรือเปล่า”
“ได้สิ กูก็อยากร็เหมือนกัน ปีนั้น ที่กูกลายเป็นเศษวิญญาณก็เพราะมึง วันนี้ กูคิดว่า คนที่จะกลายเป็นเศษวิญญาณ น่าจะเป็นมึงมากกว่า!” ธีรพัฒน์พูดอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
“ฮ่าๆ ดีมาก ธีรพัฒน์ ปีนั้นกูทำได้ วันนี้กูก็จะทำได้เหมือนเดิม!”
“ไม่เลว ปีนั้นไล่พวกมึงออกไปจากที่นี่ได้ วันนี้พวกกูก็ทำได้เหมือนเดิม!” ธีรพัฒน์กล่าว
จิรกิตติ์ตาขวางขึ้นมา แล้วก็กระโดดไปบนอากาศ
คนของทวีปโอชวินทั้งหลายก็เงยหน้าขึ้น หลายปีมานี้ พวกเขาได้ลืมไปหมดแล้วว่าครั้งล่าสุดที่เจ้าทวีปกิตติ์แสดงฝีมือเป็นอย่างไร แต่วันนี้ ในที่สุดก็ได้เห็นสมดั่งใจแล้ว
“ธีรพัฒน์ ถึงแม้มึงจะระดับแดนเทพขั้นพีคเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับกูแล้ว ยังห่างอยู่ไกลนัก!”
ขณะพูดนั้น พลังอันยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกมา จากนั้น รอบๆ ตัวของจิรกิตติ์ ก็มีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จากนั้น ภาพอันมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น พลังจิตวิญญาณที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าพวกนั้น ก็ไปหลอมรวมเข้ากับอากาศรอบๆ พริบตาก็หายไป
ธีรพัฒน์ขมวดคิ้ว เขาไม่คิดเลยว่า พลังของจิรกิตติ์จะน่ากลัวขนาดนี้
แบบนี้ อากาศแถวนี้ก็มีจะมีพลังจิตวิญญาณของจิรกิตติ์ทั้งหมด เพียงเขาคิดจะทำอะไร พลังจิตวิญญาณพวกนี้ก็สามารถเข้ามาโจมตีตนเองได้จากทุกทิศทาง ส่วนตนเองก็จะไม่สามารถตอบสนองอะไรได้เลย
จิรกิตติ์ยิ้มมุมปาก ทันใดนั้น จิตก็กระตุกคิด อากาศรอบๆ ก็เริ่มสั่นขึ้นมา
พลังจิตวิญญาณที่จับต้องไม่ได้นับไม่ถ้วน บุกเข้าโจมตีธีรพัฒน์ไปในพริบตา
ก่อนที่พลังจิตวิญญาณแบบนี้จะมาถึงตัว ธีรพัฒน์ก็เพิ่งตอบสนองได้
“สายฟ้าพิฆาต!”
ธีรพัฒน์ตะโกนลั่น พริบตา ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี
พริบตาเมฆดำก็เข้ามาปกคลุมเทือกเขาคุนหลุนไว้ทั้งหมด
กายเนื้อได้ถูกสร้างใหม่สำเร็จแล้ว ตอนนี้ พลังของธีรพัฒน์ได้เข้าใกล้ระดับขั้นพีคแล้ว
เมฆดำรวมเข้าหากันได้ในช่วงเวลาหายใจ จากนั้น สายฟ้าที่แทรกซึมอยู่ ก็ฟาดลงมา
คนของทวีปโอชวินทั้งหลายก็มองจนตาค้าง เขาไม่คิดเลยว่า ตาแก่หนวดขาวคนนี้จะมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ กระบวนท่าแบบนี้ ดูไปแล้วเหมือนจะเก่งกว่าจิรกิตติ์
เพียงแต่ หลังจากปล่อยกระบวนท่านั้นไปแล้ว ก้อนพลังจิตวิญญาณของฝั่งตรงข้ามก็มาตรงหน้าตนเองแล้ว
ธีรพัฒน์ก็ร่ายพลังสีดำออกมาเป็นเกราะป้องกันตนเองไว้
จากนั้น ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งของจิรกิตติ์ เกราะป้องกันถูกบีบอัดจนเปลี่ยนรูปร่าง ธีรพัฒน์ก็กัดฟัน ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ตนเองก็คงจะต้องถูกบีบจนเละแน่!
และในตอนนั้นเอง สายฟ้าที่ธีรพัฒน์ปล่อยออกมา ก็ไปถึงบนหัวของจิรกิตติ์แล้ว
จิรกิตติ์ส่งเสียงไม่พอใจ สิ่งที่ทำให้ธีรพัฒน์ตกใจก็คือ เข้าไม่ได้หลบหลีกออกไป แต่ยื่นมือออกมาแทน
“นี่มึงจะฆ่าตัวตายหรือวะ!”
ธีรพัฒน์พูดเสียงดัง ต่อให้จิรกิตติ์จะเป็นยอดฝีมือระดับแดนเทพขั้นพีค แต่ธีรพัฒน์ก็มั่นใจว่าสายฟ้าของตนเองสามารถทำลายฝั่งตรงข้ามได้!
ฟิ้ว!
แสงไฟสาดส่องไปยังใบหน้าทุกคน คนของทวีปโอชวินรีบเงยหน้าไปมอง เห็นเพียงแค่ บนอากาศนั้น จิรกิตติ์ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่สายฟ้านั้นได้หายไปไม่เห็นเลย!
ธีรพัฒน์ก็อึ้งไป คนของทวีปโอชวินก็ส่งเสียงดีใจ
เจ้าทวีปกิตติ์สมกับเป็นเจ้าทวีปกิตติ์จริงๆ การโจมตีของสายฟ้าแบบนี้ก็สามารถรับไว้ได้
จิรกิตติ์ก็จ้องมองไปยังธีรพัฒน์ในชุดเกราะ สภาพแบบนั้นมันบอกได้ว่า มีอะไรดีก็เอาออกมาใช้ให้หมด!
ธีรพัฒน์มีสายตาแฝงรังสีการฆ่า สายฟ้าพิฆาต ถือได้ว่าเป็นท่าไม้ตายของตนเอง แต่ทว่า เหมือนจะใช้กับจิรกิตติ์ไม่ได้ผลอะไรเลย
และตอนนี้ สิ่งที่ทำให้ธีรพัฒน์เจ็บปวดก็คือ เกราะป้องกันของตนเองถูกพลังจิตวิญญาณที่รวมเข้ากับอากาศรอบๆ บีบอัดจนแน่น เขารับรู้ได้ชัดเจนเลยว่า ตนเองเริ่มหายใจไม่สะดวกแล้ว!
“ให้ตายเถอะ เป็นแดนเทพขั้นพีคเหมือนกัน แล้วทำไมพลังของมันถึงได้สูงกว่ากูขนาดนี้ กูไม่ยอม!”
ธีรพัฒน์พูดออกมาเสียงดัง ออกแรงพูดออกมา
เทียบกับการถูกอากาศบีบอัดแบบนี้แล้ว ไม่สู้ไปรับมือโดยตรงเลยดีกว่า
ธีรพัฒน์ออกแรงที่สองมือ แล้วก็ค่อยๆ ออกมาจากเกราะป้องกันนั้น
พอออกมาจากชุดเกราะได้แล้ว พลังจิตวิญญาณพวกนั้นก็บุกเข้าโจมตีธีรพัฒน์ต่อไป
จิรกิตติ์อมยิ้ม ไอ้ธีรพัฒน์ วันนี้ จะเป็นวันที่มึงกลายเป็นเศษวิญญาณอีกครั้ง!ไม่สิ กูจะทำให้มึงไม่เหลือแม้แต่เศษวิญญาณ!
ธีรพัฒน์อยู่ในสถานการณ์คับขันนั้น ก็ระเบิดพลังที่น่ากลัวออกมา
ปลายเท้าเขาเตะพื้น แล้วกระโดดขึ้นไปบนอากาศ แต่ทว่า อากาศมันมีอยู่ทุกที่ แล้วเขาจะหลบการโจมตีที่มีอยู่ทุกที่ได้อย่างไรกัน?
แต่ธีรพัฒน์ก็ยังมีวิธี พลังที่ปล่อยออกไปอย่างหนักหน่วง ในมือของเขาก็เกิดเป็นดวงไฟขนาดใหญ่ขึ้นมาสองลูก
คาถาเพลิงไหม้!
พริบตา รอบๆ ตัวของธีรพัฒน์ ก็มีอุณหภูมิสูงขึ้น จากนั้น ไฟก็ลุกโหมหนักขึ้น!
การเผาไหม้ของไฟนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากหลังจิตวิญญาณที่ธีรพัฒน์ปล่อยออกมา อีกส่วนเกิดจากการเผ้าไหม้ของอากาศบริเวณรอบๆ
ไฟขนาดใหญ่สองลูกนี้ อากาศที่ต้องการมันเยอะจนน่ากลัว
และนี่ก็คือจุดประสงค์ของธีรพัฒน์!
ชั่วพริบตานั้น รอบๆ ตัวของธีรพัฒน์ก็เกิดเป็นสุญญากาศ อากาศทั้งหมดถูกเผาไหม้จนหมด
ส่วนพลังจิตวิญญาณของจิรกิตติ์ที่หลอมรวมเข้ากับอากาศก็ปรากฏออกมา
ครั้งนี้ สำหรับธีรพัฒน์แล้ว ขอเพียงสามารถมองเห็นพลังจิตวิญญาณได้ ตนเองก็จะสามารถหลบหลีกการโจมตีได้ทัน!
ทั้งสองคนร่อนลงมาแตะที่พื้น การเผชิญหน้าสู้กันตรงๆ ครั้งแรก ทั้งสองฝ่ายเสมอกัน แต่ว่าคนที่มองออกก็จะเห็นว่า เมื่อเทียบกับจิรกิตติ์ที่สบายๆ แล้ว ธีรพัฒน์ก็เหมือนจะย่ำแย่ไม่น้อย
“ไม่คิดเลยว่า มึงจะใช้วิชาแบบนี้ออกมาได้ ทำให้กูต้องมองมึงใหม่เลย”
จิรกิตติ์พูดเสียงเย็น
ธีรพัฒน์พูดดูถูกว่า “มึงยังมีวิชาอะไรอีกล่ะ ใช้ออกมาให้หมดเลย”
ในขณะเดียวกัน ในใจธีรพัฒน์ก็รู้ดี ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือของโลกนี้ เขาจะแพ้ไม่ได้ ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องดับสลายไปพร้อมกับศัตรู
“ได้ กระบวนท่าของกูต่อไปนี้ มึงก็รับมือให้ดีๆ แล้วกัน”
จิรกิตติ์พูดดูถูกธีรพัฒน์
จากคำพูดที่ไม่รีบไม่ร้อนของเขานั้น พลังที่แข็งแกร่งก็ปลดปล่อยออกมา จากนั้น สิ่งที่ทำให้คนตาค้างพูดไม่ออก ก็เกิดขึ้น
ไม่ไกล ภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งก็ขยับขึ้น จากนั้นเนินเขาเล็กๆ ทั้งสี่ด้านก็มารวมเข้าหากัน โดยมีธีรพัฒน์เป็นศูนย์กลาง
คนฝีมือระดับธีรพัฒน์ มีพลังเคลื่อนย้ายภูเขาและสายน้ำ ไม่ใช่แค่มีแต่ชื่อ
และในขณธเดียวกัน ยาเม็ดเม็หนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของจิรกิตติ์ เขาเอาใส่ปากโดยไม่คิด
รพีพงษ์ที่ดูการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ก็ตอบสนองทันที
“มันคือยาเม็ดระดับเทพเซียน!”
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ ระวังตัวด้วยครับ!” รพีพงษ์ออกเสียงเตือนเสียงดัง ทันใดนั้น ก็มีเงามาขวางตรงหน้าของรพีพงษ์ไว้
ฉันชนกก็มายืนตรงหน้ารพีพงษ์ “ไอ้หนู คิดจะหนีไปไหน? ชีวิตมึง เป็นของกู”
“ไสหัวออกไป!”
รพีพงษ์พูดอย่างหัวเสีย กระบี่สยบเซียนก็ปรากฏขึ้นในมืออย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปตรงหน้า!
“กระบี่สยบเซียนงั้นหรือ?”
ฉันชนกตกใจ แล้วก็รีบหลบ สายตาของเขาตกใจมาก “มึง…….มึงมีของสิ่งนี้ได้ไง!จอมมารชูราเป็นอะไรกับมึง!”
รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียน แล้วก็ยืดอกมองฝั่งตรงข้าม “เขาไม่ได้เป็นอะไรกับกูหรอก แต่เป็นตัวกูเองนี่แหละ ที่กำลังพยายามเป็นเหมือนกับเขา!”
“ไอ้หนู ถึงแม้มึงจะมีกระบี่สยบเซียน แต่มึงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกูหรอก ไปตายเสียเถอะ!”
พูดจบ ฉันชนกก็บุกเข้าไปหารพีพงษ์ การโจมตีแบบนี้ รพีพงษ์ไม่เคยเห็นมาก่อน
และในขณะเดียวกัน สองข้างของฉันชนก ต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ ก็ลอยขึ้นมา ราวกับว่าทุกใบหญ้ามีพลังจิตวิญญาณของเขารวมกันอยู่
คนที่มีฝีมือระดับแดนเทพขั้นพีค สามารถใช้พลังจิตวิญญาณได้ในระดับนี้ ทำให้รพีพงษ์ชื่นชมไม่น้อย
ตอนนี้ ดอกไม้ใบหญ้านับไม่ถ้วน ก็เป็นดั่งเข็มแหลมคมอัดแน่นนับไม่ถ้วน พุ่งเข้ามาโจมตีรพีพงษ์โดยตรง