พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1373 ฉันมาช่วยคุณ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1373 ฉันมาช่วยคุณ
ขณะที่ธีภพต่อสู้กับธัชธรรม และจิรกิตติ์ต่อสู้กับธีรพัฒน์อย่างหน้าสิ่วหน้าขวาน ฝั่งรพีพงษ์กับฉันชนกอยู่ช่วงเวลาที่ยากที่สุด
ภายใต้คำพูดที่กระตุ้นของธีภพ ทำให้ฉันชนกจำเป็นต้องใช้ท่าไม้ตาย
“รพีพงษ์ ไปตายเสีย!”
ฉันชนกกล่าวอย่างเย็นชา ชั่วขณะหนึ่ง ฟ้าดินเปลี่ยนสี และหน้าของเขาก็ขาวซีดเผือด
รพีพงษ์จับกระบี่สยบเซียนไว้แน่น เขารู้ว่า อีกฝ่ายกำลังจะใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุด
ตามความเป็นจริง รพีพงษ์สามารถต่อสู้กับคนที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นพีคได้ สำหรับรพีพงษ์ถือเป็นชัยชนะแล้ว
แต่รพีพงษ์รู้ดีว่า สำหรับการต่อสู้ในวันนี้ มันยังไม่เพียงพอ
วันนี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการอยู่รอดหรือถูกทำลายล้างของโลกใบนี้ อนุญาตให้ตนเองชนะอีกฝ่ายเท่านั้น
แต่ในเวลานี้ ฝ่ายตรงข้ามได้ปลดปล่อยพลังที่ทำให้รพีพงษ์ไม่สามารถต้านทานได้
รพีพงษ์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ขณะนี้ เขาระดมพลังวิเศษเสนกับพลังทิพย์ทั้งหมดในร่างกาย!
บูม!
ฉันชนกลงมือจู่โจม
คนที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นพีคเผชิญหน้ากับคนที่อยู่แค่เพียงระดับแดนเทพขั้นแรก แม้ว่าฉันชนกจะมีข้อได้เปรียบ แต่ตอนนี้รพีพงษ์ยังสามารถยืนเผชิญหน้าเขาได้ สำหรับฉันชนกแล้วมันคือความล้มเหลว!
เขาจะไม่ยอมให้เกิดความล้มเหลวดังกล่าว ขณะเดียวกัน ฉันชนกเองก็ตระหนักดีว่า ถ้าวันนี้ถ้าไม่ฆ่ารพีพงษ์ ในอนาคตไอ้หมอนี้จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทวีปโอชวิน!
แม้กระทั่ง อาจเป็นไปได้ว่าเขาจะกลายมาเป็นจอมมารชูร่าคนที่สอง!
เขาปล่อยพลังจิตวิญญาณ และพลังจิตวิญญาณที่อยู่ทั่วท้องฟ้าโจมตีรพีพงษ์ทันที
ท่าหลิงอิ๋น!
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง ขณะเดียวกัน เกราะป้องกันที่หนาแน่นก็ก่อตัวขึ้นบนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อต้านการโจมตีของพลังจิตวิญญาณของอีกฝ่าย
ปัง!
พลังจิตวิญญาณโจมตีเกราะป้องกันของรพีพงษ์ทันที เริ่มต้นเป็นเพียงคลื่นระลอกที่หนึ่ง จากนั้นตามด้วยคลื่นกระแทกอย่างต่อเนื่อง
มังกรยักษ์ที่ยืนขวางอยู่ข้างหน้ารพีพงษ์ ถูกทำลายเมื่อเจอคลื่นระลอกที่สอง และมันไม่มีเวลาแม้แต่จะพ่นลูกไฟออกมาจากปาก
สำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ฉันชนกคิดว่ายังไงก็ต้องฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย
“ไปตายเสียเถอะ!”
ฉันชนกปล่อยพลังจิตวิญญาณโดยไม่คำนึงถึงอะไร และตอนนี้ทั่วทั้งอากาศก็เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
คลื่นระลอกที่สาม คลื่นระลอกที่สี่……..
เกราะป้องกันทั้งหมดบนร่างของรพีพงษ์ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ทีละเล็กทีละน้อยโดยพลังจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่นี้
เวลานี้รพีพงษ์พยายามใช้จิตวิญญาณเทพอันทรงพลังของตนเองต่อต้านพลังจิตวิญญาณของอีกฝ่าย แต่พบว่าไม่ถึงสิบวินาที พลังจิตวิญญาณเทพของตนเองก็พ่ายแพ้ราบคาบ
“นี่……มันเป็นไปได้ยังไง?”
รพีพงษ์รับรู้ถึงพลังงานมหาศาลของยอดฝีมือระดับแดนเทพขั้นพีค หินกรวดและรอบ ๆทั้งหมดถูกผลักไปยังรพีพงษ์
รพีพงษ์กัดฟันแน่น แต่ก็ไม่มีประโยชน์
“ไม่ ผมตายไม่ได้!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง
ที่เกียวโตภรรยาและลูกสาวยังคงรอเขาอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นโตเกียวหรือเกียวโต ก็มีเพื่อนและพี่น้องมากมายรอพบปะสังสรรค์อยู่
“วันนี้ เทือกเขาคุนหลุน จะเป็นสุสานของนักฝึกวิชาประเทศจีนอย่างพวกคุณ!” ฉันชนกตะโกนเสียงดัง
ภายใต้แรงกดดันที่ทรงพลัง เสื้อผ้าของรพีพงษ์ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
รพีพงษ์ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ตอนนี้เขากึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
ขณะนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังจิตวิญญาณที่ถาโถมเข้ามา รพีพงษ์รู้สึกแน่นหน้าอก และอวัยวะภายในของเขาดูเหมือนจะถูกบีบเข้าด้วยกัน
เขากำหมัดไว้แน่น ขณะนี้มนุษย์เล็กทองคำในจิตใจของเขาก็แสดงอาการอ่อนล้า และคิ้วเล็ก ๆ ของเขาก็ขมวดเข้าหากัน เห็นได้ชัดว่า มันถึงขีดจำกัดแล้ว
“ไปตายซะ!”
ฉันชนกกล่าวเสียงดัง คนที่สามารถบีบให้ตนเองเป็นเช่นนี้ ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของรพีพงษ์นั้นไม่ธรรมดา
สิ่งที่ทำให้ฉันชนกหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก คือแม้ว่ารพีพงษ์ยังอายุน้อย แต่เขามีประสบการณ์ในการต่อสู้เป็นอย่างมาก
ฉันชนกไม่รู้ว่า ทุกย่างก้าวในการเติบโตของรพีพงษ์ นอกเหนือจากพรสวรรค์ของเขาแล้ว โดยพื้นฐานแล้วจะมาพร้อมกับกลยุทธ์ต่าง ๆ แต่รพีพงษ์ก็สะสมประสบการณ์ต่อสู้มาตลอด ถึงได้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
เพียงแต่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของความเป็นความตาย แม้แต่รพีพงษ์เองก็รู้สึกว่า วันนี้ภายใต้มือของฉันชนกตนเองอาจไม่มีโอกาสรอด
“ลาก่อน อารียา หนูลิน พ่อไม่สามารถอยู่กับลูก และดูลูกเติบโตได้แล้ว”
ดวงตาของรพีพงษ์เปียกชื้น
เสื้อผ้าของเขาถูกพลังจิตวิญญาณฉีกขาด ภาพถ่ายในกระเป๋าหล่นลงกับพื้น ถูกลมพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ
รพีพงษ์พยายามเอื้อมมือออกไป แต่เขาพบว่าตอนนี้ตนเองไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น
รพีพงษ์หลับตาลง รู้สึกหดหู่ใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ฉันชนกกล่าวถูก ตนเองไม่ใช่จอมมารชูร่า
เมื่อเผชิญหน้ากับทวีปโอชวิน ตนเองไม่มีความสามารถที่จะขับไล่พวกเขาออกไปทั้งหมด
แต่รพีพงษ์ก็รู้เช่นกันว่า ครั้งนี้ตนเองได้ทำสุดความสามารถแล้ว ไม่รู้จะทำยังไง เพราะว่าผลการฝึกตนของอีกฝ่ายสูงเกินเอื้อม!
“ลาก่อน โลกใบนี้”
รพีพงษ์คิดอย่างเงียบ ๆ อยู่ในใจ พลังจิตวิญญาณที่กดร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เขากำลังรอช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ขณะนี้เอง ได้ยินเสียงดังขึ้นอยู่ข้างหูของรพีพงษ์
“ไอ้หนู แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วหรือ? นี่มันไม่เหมือนคุณเลย?”
“ใคร?”
รพีพงษ์ตะโกน แต่พบว่าตนเองไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่เขาสามารถได้ยินชัดเจนว่าเสียงที่ดังมาจากข้างหูของตนเอง เป็นเสียงของผู้หญิง
หลังจากนั้น รพีพงษ์เห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตนเอง เป็นภาพสีแดงเลือด และหลังจากที่ภาพสีแดงหายไปไป มีภูตหญิงเสื้อแดงกำลังมองรพีพงษ์ด้วยรอยยิ้ม
รพีพงษ์รู้ว่า ตอนนี้ตนเองหลับตาอยู่ แต่ในเมื่อเขาหลับตาอยู่ ทำไมเขาถึงรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดเจน?
ยิ่งไปกว่านั้น มองแวบเดียวรพีพงษ์ก็จำได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นภูตหญิงเสื้อแดงที่เขาเคยเห็นมาก่อน!
“คุณ……ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้!”
พีพงษ์ถามด้วยความประหลาดใจ
ภูตหญิงเสื้อแดงยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าคุณจะประสบปัญหา ต้องการให้ฉันช่วยหรือไม่?”
“คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมคุณถึงออกมาโดยไม่มีเหตุผล” รพีพงษ์ถาม แน่นอนว่าเขาสื่อสารกับภูตหญิงเสื้อแดงด้วยพลังจิต
ภูตหญิงเสื้อแดงยิ้มเล็กน้อย “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ ฉันจะบอกคุณหลังจากที่ฉันช่วยคุณขับไล่คนพวกนี้ออกไปแล้ว!”
รพีพงษ์ตกใจ ภูตหญิงเสื้อแดงคนนี้พูดได้ง่ายดายนัก หรือว่าเธอสามารถขับไล่ยอดฝีมือทั้งสามที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นพีคได้?
“คุณ……ทำไมคุณถึงช่วยผม?” รพีพงษ์ถามอย่างสงสัย
ภูตหญิงเสื้อแดงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอย่างขี้เล่น “หรือว่า…….คุณลืมคืนนั้นไปแล้ว? ฉันเคยพูดว่า จะตอบแทนคุณ และตอนนี้ก็ได้เวลาตอบแทนคุณแล้ว!”
รพีพงษ์ฟังอย่างมึนงง แต่เขาจำได้เลือนรางว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยคุยกับภูตหญิงเสื้อแดงคนนี้ตลอดทั้งคืน แน่นอนนอกจากคุยกันแล้วตนเองไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างไรก็ตาม เพราะเธอไม่ใช่คน แต่เป็นผี! ยิ่งกว่านั้นมันเป็นผีที่ทรงพลังมาก!
ขณะที่พูด ก่อนที่รพีพงษ์จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง แสงสีแดงก็ส่องประกายอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์
ตอนนี้รพีพงษ์ยังคงหลับตา แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงแสงสีแดงที่อยู่ตรงหน้า!
หลังจากนั้นก็เกิดสิ่งแปลก ๆขึ้น พลังจิตวิญญาณที่ล้อมรอบรพีพงษ์ ซึ่งทำให้รพีพงษ์รู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะหายไปทันที หลังจากขจัดพลังจิตวิญญาณมหาศาลนี้ออกไป ร่างกายของรพีพงษ์ก็ผ่อนคลายเช่นกัน
ขณะนี้ ธีรพัฒน์ถูกเนินเขาทั้งสี่บีบจนอยู่ตรงกลางแล้ว ร่างของธีรพัฒน์จมลงไปบนพื้นดินครึ่งหนึ่งแล้ว
ธัชธรรมเผชิญหน้ากับขวานสุดท้ายของอีกฝ่าย และภายใต้ขวานภูเขานี้ เขารู้สึกว่าความตายกำลังคุกคามเข้ามา
แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปหลังจากการปรากฏของแสงสีแดง!
จิรกิตติ์สามพี่น้องตกตะลึงกับแสงสีแดงที่ปกคลุมทั่วเทือกเขาคุนหลุน
อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่เพียงพอที่จะให้พวกเขาไว้ชีวิตพวกรพีพงษ์ทั้งสามคน เพียงแต่ เมื่อพวกเขาตั้งสติได้ พวกเขาจึงรีบปรับพลังใหม่ พบว่าภายในร่างกายของพวกเขาว่างเปล่า ไม่มีพลังจิตวิญญาณที่ตนเองสามารถใช้ได้เลย!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เกิดเสียงดังขึ้นในหัวของจิรกิตติ์ เขารู้ว่าสิ่งนี้มันหมายถึงอะไร!
เช่นเดียวกับธีภพและฉันชนก
“รพีพงษ์ ตอนนี้ฉันควบคุมพลังจิตวิญญาณของพวกเขาทั้งสามคนไว้แล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับคุณล่ะ!” ภูตหญิงเสื้อแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน คุณมีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง แต่สำหรับคุณน่าจะเพียงพอแล้ว”
พูดจบ ภูตหญิงเสื้อแดงก็หายตัวไป
ความอัศจรรย์ของเธอทำให้รพีพงษ์ตกใจอย่างลับ ๆ
เธอคนเดียวแต่สามารถควบคุมพลังจิตวิญญาณของยอดฝีมือระดับแดนเทพขั้นพีคได้ เธอคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
อ้อ ไม่! เธอไม่ใช่มนุษย์เลย เธอเป็นผี! แต่ในโลกใบนี้ ผีมีพลังมากเช่นนี้เลยหรือ?
“รอสักครู่ คุณยังไม่ได้บอกว่าคุณเป็นใคร และมาจากไหน……..”
รพีพงษ์เคลื่อนไหวพลังจิต ตอนนี้ในสมองของรพีพงษ์มีเสียงเดียวเท่านั้น
“ฉันชื่อญาณิดา ต่อไปอย่าเรียกฉันว่าผีสาว ไม่ต้องรีบร้อน ต่อไปฉันจะออกมาหาคุณอีก………”
“ญาณิดา?”
รพีพงษ์พึมพำอย่างเงียบ ๆ “เมื่อเป็นเช่นนั้น ต้องขอขอบคุณผู้อาวุโสมาก”
หลังจากนั้น เจตนาการต่อสู้อันทรงพลังปะทุออกมาจากร่างของรพีพงษ์
พลังจิตวิญญาณของพี่น้องสามคนของตระกูลสุนธรประภาถูกควบคุมไว้ และไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับรพีพงษ์!
“ตอนนี้ ถึงคราวที่พวกเราจะเป็นฝ่ายสังหารกลับแล้ว!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง กระบี่สยบเซียนในมือของเขาส่องประกายแสงสีทอง!