พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1411 สุนัขห้าตัว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1411 สุนัขห้าตัว
รพีพงษ์เพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงร้องที่อนาถแผ่ซ่านเข้ามาจากทางด้านหน้า ชาคริตและเมฆทั้งสองคนโดนพลังจิตวิญญาณทั้งห้าสายโจมตีเข้ามาพร้อมกัน ล้มลงกับพื้น
ตามมาด้วย แสงสีเงินอีกสามสี่สาย เป้าหมายของแสงสีเงินเหล่านี้มีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นก็คือต้องการตัดคอของชาคริตและเมฆทั้งสองคนทิ้งซะ
แต่ว่า ชาคริตและเมฆถึงอย่างไรก็เป็นพละกำลังแดนเทพ โดยเฉพาะเมฆ ก็ได้เข้าสู่พละกำลังของแดนเทพขั้นกลางแล้ว
แม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่ว่าพวกเขาทั้งสองคนก็ยอมทนเจ็บปวดวาดเกราะกำบังออกมาบดบังร่างกายไว้ทันที
เสียงระเบิดดังตุ้ม เกราะกำบังแตก แต่ว่ากลับบรรเทาการโจมตีของแสงสีเงินแล้ว
ทั้งสองคนพ่นเลือดสดๆออกมา นัยน์ตานำมาซึ่งความหวาดกลัวเล็กน้อย
ภายใต้แสงไฟที่สลัว ผู้ชายที่ใส่ชุดคลุมสีดำทั้งห้าคนค่อยๆเดินออกมาแล้ว
“พวกแกเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!”
หนึ่งในคนสวมชุดคลุมดำเอ่ยปากพูดอย่างเยือกเย็น ในมือปรากฏมีดเงินออกมา
ชาคริตและเมฆทั้งสองคนกัดฟันแน่น คิดไม่ถึง ผู้ชายชุดคลุมดำทั้งห้าคนกลับว่าปรากฏตัวขึ้นที่นี่
นีย์ที่อยู่ข้างกายก็พูดว่าแย่แล้วอย่างเงียบๆ แต่ว่า เธออาศัยแต่งหน้าเอฟเฟค เดินก้าวไปข้างหน้า
“พวกแกทั้งหลาย ช่างกล้าดีมากนัก!”
นีย์เดินไปยังตรงหน้าของชายชุดคลุมสีดำ สีหน้าแววตาของรพีพงษ์ที่อยู่ข้างหลังเคร่งขรึม ทำการเตรียมตัวที่จะออกหมัดอยู่ทุกเมื่อ
ชายชุดคลุมดำมองไปยังนีย์ที่ปลอมเป็นฉันท์ชนก พวกเขาต่างก็มองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้พูดจาอะไร
“ทำไม เห็นเจ้านายของพวกแก ไม่ควรที่จะคุกเข่าลงงั้นเหรอ!” นีย์พูดถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ชายชุดคลุมดำทั้งห้าคนก้าวเดินไปข้างหน้า พูดกับนีย์ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “เมื่อกี้อารักขาที่หน้าประตูสองได้แจ้งมายังพวกเราแล้ว บอกว่ามีคนแปลกหน้าบุกเข้ามายังคุกน้ำใต้ดิน ดูเหมือนว่า คนเหล่านั้นก็คือพวกแกนั่นแหละ!”
นีย์ขมวดคิ้วแน่น เป็นไปได้ว่าตัวเองจะถูกจับได้แล้ว?
ทางฝั่งนี้ รพีพงษ์กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว
มิน่าล่ะตอนที่มาถึงประตูที่สาม อารักขาไม่ถามสักคำถามเดียว ก็ปล่อยให้ตัวเองเข้ามาเลย ที่แท้การแต่งหน้าเอฟเฟคของทางฝั่งตัวเองก็ถูกจับได้ตั้งนานแล้ว
คิดถึงตอนที่อยู่ประตูที่สอง อีกฝ่ายพูดอย่างไม่ตั้งใจว่า ภายในคุกใต้น้ำมีคนอยู่ด้านในแล้ว
ดูเหมือนว่า คนเหล่านี้กลับว่าไม่ใช่คนในครอบครัวอย่างชาคริตและเมฆตามที่ทางฝั่งของตัวเองคิดไว้เลย แต่เป็นชายชุดคลุมดำทั้งห้าคน!
ชายชุดคลุมดำ เดิมทีเป็นสมุนของฉันท์ชนก ในเวลานี้ปรากฏตัวท่ามกลางคุกใต้น้ำ เห็นได้ชัดว่าฉันท์ชนกส่งตัวมาโดยเฉพาะ แต่ว่า ในเวลานี้คำตอบของนีย์ก็ยิ่งเหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ก็ไม่น่าแปลกใจที่อารักขาเหล่านี้จะสงสัยแล้ว
“ใครคือคนแปลกหน้า ก็ลองแหกตาต่ำๆของพวกแกดูสิ ว่าฉันเป็นใครกันแน่!ฉันว่าพวกแกแต่ละคนคงอยากตายมากสินะ!”นีย์พูดกล่าวอย่างเยือกเย็น
ใบหน้าของชายชุดคลุมดำทั้งห้านี้จมลงเหมือนน้ำ สายตาจ้องมองไปยังนีย์
ทันใดนั้น มีดเงินในมือของหนึ่งในผู้ชายกลุ่มนั้นสาดส่องออกมา วาดไปยังคอของนีย์เลย
“พวกแกกล้าดีมากนัก!”
นีย์ตกตะลึง แต่ว่า การโจมตีของผู้แข็งแกร่งแดนเทพ นีย์ไม่สามารถหลบหลีกได้เลยด้วยซ้ำ
โชคดีที่ รพีพงษ์ที่คิดเข้าใจทุกอย่างจ้องไปที่อีกฝ่ายตลอด เหมือนตอนนี้ เห็นว่าจู่ๆอีกฝ่ายออกหมัดมา เขาก็รีบตอบสนองกลับทันที
ร่างกายของเขากระโดดไปอยู่ตรงหน้าของนีย์อย่างรวดเร็ว จับมือของนีย์ไว้ ลากไปเบาๆ ความเร็วกลับว่ารวดเร็วอย่างมาก ลากนีย์ไปที่ด้านข้างของตัวเองเลย หลบหลีกการโจมตีของมีดเงิน
“พวกเราถูกจับได้แล้ว” รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
ก่อนตาย ชายผู้คลุมดำทั้งห้าคนเห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึง ชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าธรรมดา ทักษะจะรวดเร็วและรุนแรงอย่างนี้
“เจ้านายในเวลานี้เห็นได้ชัดว่ากำลังใช้สมาธิกับการฝึกตน อีกอย่าง พวกเราทั้งห้าคนมาถึงคุกน้ำใต้ดิน เดิมทีก็เป็นเพราะการจัดเตรียมของเธอ แกไม่รู้อะไรเลย แกไม่ใช่เจ้านายของพวกเรา!”
ชายชุดคลุมดำชี้ไปยังนีย์พร้อมพูดกล่าว
ในเมื่อถูกจับได้แล้ว นีย์ก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป
ใบหน้าค่อยๆกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว นีย์มองไปที่ชายชุดคลุมดำทั้งห้าพร้อมพูดว่า : “พวกแกจะต้องรับรู้ให้ชัดเจนนะว่าฉันเป็นใคร ฉันคือนีย์ องค์หญิงน้อยของพวกแก!”
หลังจากที่ทั้งห้าคนมองไปยังนีย์แล้ว ตกใจอย่างมาก
ฟังจากปากของฉันท์ชนก พวกเขารู้แค่ว่านีย์น่าจะอยู่ที่ประเทศจีน งั้น ในเมื่ออยู่ประเทศจีน แล้วเธอจะมาถึงที่ทวีปโอชวินได้ยังไงกันล่ะ?
งั้น ชายหนุ่มที่ตามหลังของเธอมานั้นเป็นใครอีกล่ะ?เป็นไปได้ว่า เขาเป็นคนจีน?
ทางฝั่งนี้ ชาคริตและเมฆ พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ประคองกันยืนขึ้นมาแล้ว
ในเวลานี้ ใบหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ
“พวกแกทั้งหมดไม่รู้จักนีย์ แต่น่าจะรู้จักเราสองคน!”
ชาคริตพูดเสียงดังกับชายชุดคลุมดำทั้งห้าคน
ชายทั้งห้าคนมองไปยังพวกเขาทั้งสองคนอย่างนิ่งๆแวบหนึ่ง : “ขอโทษนะ พวกเราไม่รู้จักแก!”
เมฆหัวเราะอย่างเย็นชา : “เหอะ พวกแกคือเดดพูลที่ฉันท์ชนกแอบเลี้ยงไว้เป็นการส่วนตัว ตอนที่จิรกิตติ์ครอบครองอำนาจอยู่นั้น พวกแกไม่มีหน้าออกมาเจอใครเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้จักพวกเราก็เป็นเรื่องปกติ!”
ทั้งหน้าคนไม่หวาดหวั่นต่อการพูดจาเยาะเย้ย พวกเขาพูดกับนีย์ว่า : “ในใจของพวกเรามีเพียงเจ้าทวีปคนเดียว องค์หญิงน้อยก็ดี ชายชราก็ดี พวกเราไม่รู้จัก”
“พวกแก!”
นีย์โมโห แต่ คิดถึงว่าอีกฝ่ายเป็นเดดพูลของฉันท์ชนก คำพูดเหล่านี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
รพีพงษ์ก้าวขึ้นไปข้างหน้า บดบังให้นีย์อยู่ข้างหลัง
เขาคิดในใจครู่หนึ่ง ฉากนี้ในตอนนี้ สำหรับฝั่งของตัวเองแล้ว อยู่ในสถาวะที่ถูกกระทำอย่างแท้จริง
แม้ว่าชาคริตและเมฆเป็นแดนเทพ แต่ก้าวขึ้นมาก็โดนทั้งห้าคนจู่โจม
ตอนนี้ มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่สามารถสู้รบกับอีกฝ่ายได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ที่นี่ยังกักขังคนในครอบครัวอย่างชาคริตและเมฆ เมื่อเริ่มทำสงคราม หากคนพวกนี้ใช้คนเหล่านี้ในการขู่กระโชก เพื่อห้ามปราบรพีพงษ์ล่ะก็ ตัวเองอยากจะปล่อยพละกำลังออกไปอย่าเต็มที่ เกรงว่าจะพลอยโดนคนอื่นๆไปด้วย!
“พวกแกสุนัขห้าตัว ไม่รู้จักองค์หญิงน้อย เมฆและชาคริตทั้งสองผู้อาวุธโสแห่งทวีปโอชวิน ก็ยังพอที่จะให้อภัยได้ ” รพีพงษ์พูดอธิบาย
“ไอ้สารเลว แกว่าใครเป็นสุนัข!” ชายชุดคลุมดำคนหนึ่งมองไปยังรพีพงษ์อย่างโมโหพร้อมพูดกล่าว
รพีพงษ์พูดเสียงเหอะออกมา : “ใครตอบรับ คนนั้นก็เป็นสุนัข!”
พูดแล้ว สีหน้าแววตาของรพีพงษ์เคร่งขรึม พูดกับทั้งห้าคนว่า : “แล้วพวกแกไม่ใช่สุนัขห้าตัวที่ฉันท์ชนกเลี้ยงงั้นเหรอ?อ๋อจริงสิ เกือบลืมไปแล้ว ก่อนหน้าพวกแกมีสุนัขห้าตัว แต่ว่าโดนพวกเราฆ่าหมดแล้ว!”
หลังจากที่ทั้งห้าคนได้ยินเข้า สีหน้าแววตาเคร่งขรึม : “แกหมายความว่า ทั้งห้าคนนั้น ตายในเงื้อมมือของพวกแก?และไม่ใช่จอมมารชูร่า?”
รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ : “แค่ฆ่าแค่สุนัขห้าตัวเท่านั้น จำเป็นต้องเป็นจอมมารชูร่าเหรอ?”
“เหอะ ไอ้เด็กเวรพูดจาหยิ่งผยอง!”ชายชุดคลุมดำทั้งห้าคนพูดอย่างโมโห : “ฉันไม่เชื่อ แค่อาศัยพละกำลังของแกคนเดียว จะสามารถโจมตีฆ่าสหายทั้งห้าของเราได้!”
“ไม่เชื่อเหรอ?” รพีพงษ์พูดอย่างยิ้มเยาะว่า : “งั้นพวกแกเข้ามาพร้อมกันสิ!”
“เหอะ แค่แก อยากจะกำจัดเราทั้งห้าคนในเวลาพร้อมกัน?”
หนึ่งในชายชุดคลุมดำคนหนึ่งก้าวขึ้นมา ตั้งแต่ที่เขาฝึกตนวิชาลับแล้ว พละกำลังจากแดนเทพขั้นแรกเพิ่งเข้าสู่แดนเทพขั้นกลางแล้ว ไม่ได้เห็นรพีพงษ์ที่อยู่ตรงข้ามอยู่ในสายตาเลย
“แค่ฉันคนเดียว ก็สามารถบดขยี้แกเป็นชิ้นๆได้เลย!” อีกฝ่ายพูดอย่างเยือกเย็น
รพีพงษ์แอบยิ้มในใจ สถานการณ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็เป็นการต่อสู้เดี่ยวหนึ่งต่อหนึ่ง และชายชุดคลุมดำทั้งห้าคนเห็นได้ชัดว่าตกหลุมพรางของรพีพงษ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ได้สิ ในเมื่อพูดอย่างนี้ แกอยากสู้เดี่ยวๆ?”รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“หยุดพูดไร้สาระ แกไปตายเถอะ!”
พูดแล้ว แสงสีเงินสอดส่องในมือของอีกฝ่าย มีดเงินพุ่งโจมตีเข้าไปยังรพีพงษ์เลย
เนื่องจากรีบอยากจะฆ่ารพีพงษ์ทิ้ง กระบวนการท่านี้ของเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย พลังจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังที่ทรงอานุภาพ
รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น ถ้าหากตัวเองขวางกั้นสุดพลัง โดยทั่วไปสามารถขวางกั้นมีดของอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ถึงตอนนั้นพลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังปะทะกัน พลังการกระแทกที่เกิดขึ้นนั้นเกินความสามารถของคน 7-8 คนที่จะต้านทานได้
มองเห็นแสงสีเงินเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ สร้างเกราะกำบังต่อหน้าอย่างรวดเร็ว
เสียงดังปังดังอู้อี้ มีดเงินสับไปบนเกราะกำบัง เกิดประกายไฟ แต่กลับว่าไม่สามารถทลายเกราะกำบังของรพีพงษ์ทิ้งได้
“นี่แก?”อีกฝ่ายน้ำเสียงเยือกเย็น ค่อนข้างสงสัย
“พวกแกใครก็ได้ ถ้าหากทลายเกราะกำบังของฉันได้ ก็ถือว่าพวกแกชนะ!”
รพีพงษ์มองไปยังพวกเขาพร้อมพูดกล่าว
“เด็กเวร แกก็ช่างโหดเหี้ยมเกินไปแล้วจริงๆ!” อีกฝั่งพูดอีกครั้ง ครั้งนี้ มีดยาวประมาณสามเมตรวาดออกมาในมือแล้ว
ตามมาด้วย ความเร็วของอีกฝ่ายเร็วอย่างมาก ท่ามกลางอากาศเห็นเพียงร่างเงาเลือนราง
รพีพงษ์รู้ อีกฝ่ายคือทุ่มสุดตัวในการวางเดิมพันทั้งหมดในการเสี่ยงวัดดวงครั้งสุดท้าย จงใจฆ่าตัวเองให้ตายคาที่
โจมตีมาจากทุกทิศทุกทาง ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพธรรมดทั่วไปแล้ว เกรงว่าอีกฝ่ายมีความเร็วอย่างนี้ เพียงแค่ป้องกัน และไม่ทำการโจมตีล่ะก็ จะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้ ตั้งแต่ที่รพีพงษ์ฝึกกังฟูเสนครึ่งหลังแล้ว เส้นทางไหลเวียนของชี่และเลือดในร่างกายถูกเปิดออกหมดแล้ว
แม้ว่าความเร็วในการโจมตีของอีกฝ่ายจะเร็วอย่างมาก ทุกครั้งที่เหวี่ยงมีดยาวลงก็เป็นความเร็วอย่างมาก แต่ว่าจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์แข็งแกร่งสามารถรับรู้ทิศทางการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างทันที ในเวลาเดียวกัน วาดเกราะป้องกันตัวออกมาคุ้มกันทุกส่วนของร่างกาย
ต้างๆๆ!
แสงสีทองสาดส่องเข้ามา ชายชุดคลุมดำแดนเทพคนนี้ได้ปรับความเร็วถึงขีดสุดแล้ว แต่ว่าไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของรพีพงษ์ได้ กลับว่าทำให้ตัวเองเหนื่อยอย่างมาก
“นี่เป็นกำลังของทวีปโอชวินอย่างพวกแกเหรอ?ไม่มีประโยชน์แม้แต่นิดเดียวจริงๆ”
รพีพงษ์พูดเสียดสี พร้อมทั้งมองไปยังห้าคนนี้ : “พวกแก เข้ามาพร้อมกันเถอะ!”