พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1424 บรรลุอีกขั้นเฉยเลย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1424 บรรลุอีกขั้นเฉยเลย
“ท่านธัชธรรม!”
คนของกลุ่มสิงโตก็ตะโกนเสียงดัง ในขณะเดียวกัน พลังจิตวิญญาณในมือก็ปล่อยออกมา เพื่อออกไปต้านกับพลังจิตวิญญาณของฉันท์ชนก
แต่ทว่า พลังจิตวิญญาณของทุกคนรวมกัน ครั้งนี้ก็ยังไม่ได้ผล แค่ไปสัมผัสกับพลังจิตวิญญาณของฉันท์ชนกเท่านั้น ก็พ่ายแพ้เสียแล้ว
“พวกฝูงมด กล้ามาต่อกรกับฉันงั้นหรือ? ไม่แหกตาดูตัวเองเสียบ้าง!”
ฉันท์ชนกพูดเสียงขรึม ในมือก็ยิ่งเพิ่มพลังจิตวิญญาณเข้าไป
ทีนี้ ฝั่งกลุ่มสิงโตก็ไม่มีทางต้านทานพลังจิตวิญญาณของฉันท์ชนกได้อีก ได้แต่มองพลังจิตวิญญาณนั้นเข้าใกล้ตัวธัชธรรมเข้าเรื่อยๆ
ธัชธรรมก็หลับตา ทันใดนั้น ภาพในหัวของเขาก็สว่างวาบเข้ามาเหมือนกับฉายหนัง
ในภาพนั้น มันเป็นความทรงจำที่ลึกซึ้ง เป็นภาพที่ตนเองช่วยเหลือรพีพงษ์เอาไว้ แล้วพาเขามายังกลุ่มสิงโต ส่วนภาพที่สอง ก็คือภาพตอนที่ตนเองยังหนุ่มๆ ตอนที่กราบธีรพัฒน์เป็นอาจารย์
“อาจารย์ครับ ผมมันไม่ได้เรื่อง………”
ธัชธรรมคิดในใจ แล้วก็เตรียมใจพร้อมที่จะตายแล้ว
ทันใดนั้น ด้านนอกของคุกน้ำใต้ดินก็มีเสียงคำรามยาวดังเข้ามา
เสียงคำรามแบบนี้มีพลังจิตวิญญาณไม่น้อย อากาศก็เหมือนจะสั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่น
จากนั้น ระลอกคลื่นนั้นก็ใหญ่ขึ้น ราวกับเป็นคลื่นลูกใหญ่ ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ
สุดท้าย ก็ทำลายพลังจิตวิญญาณของฉันท์ชนกไปทั้งหมด!
“ใครกัน?” ฉันท์ชนกขมวดคิ้วพูด
จากเสียงที่ส่งเข้ามา ทุกคนก็หันสายตามองไปยังรพีพงษ์
รพีพงษ์ในตอนนี้ ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เสื้อผ้าก็ขาดหลุดลุ่ย จนเห็นกล้ามเนื้อโผล่ออกมา
ดวงตาของเขาแดงเป็นสายเลือด กระบี่สยบเซียนที่อยู่ด้านหลังก็เผยคมกระบี่ ทั้งสองมือกำแน่น ทางด้านหน้า ลูกบอลพลังทิพย์ก็หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“รพีพงษ์เป็นอะไรไป?”
ในใจของคนกลุ่มสิงโตก็เกิดความสงสัยนี้ขึ้นมา
ธมกรก็ยื่นหัวเข้าไปดูรพีพงษ์ ครู่ใหญ่ก็พูดออกมาเบาๆ ว่า “หรือว่า ประมุกรพีจะกลายร่างอย่างนั้นหรือ?”
รพีพงษ์กลายร่างไม่ได้หรอก แต่เขาในตอนนี้ ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทิพย์ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พลังทิพย์พวกนี้ ฉันท์ชนกเป็นคนเรียกมา และใช้จิตวิญญาณเทพของตนเองหลอมรวมเข้ากับพลังทิพย์
รพีพงษ์ใช้วิชาดูดวิญญาณ ในขณะที่กำลังดูดซับพลังทิพย์นั้น ก็ได้ดูดซับเอาพลังจิตวิญญาณที่แทรกซึมอยู่กับพลังทิพย์เข้าไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
ด้วยจิตวิญญาณเทพที่แข็งแกร่งของตอนเอง บวกกับตนเองถูกทะลวงจุดลมปราณหมดแล้ว รพีพงษ์ก็พยายามหลอมรวมพลังทิพย์และพลังจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน
ตอนที่ทำมาได้ครึ่งทางแล้วนั้น รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าร่างกายตนเองเริ่มเปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ มันชี้ชัดว่า ตอนนี้ตนเองกำลังจะบรรลุขั้นต่อไปแล้ว!
พายุหมุนลูกหนึ่งดูดเอาพลังทิพย์เข้าไปทั้งหมด จากนั้น รพีพงษ์ก็ตาเป็นประกาย แล้วก็ดูดเอาลูกบอลพลังทิพย์ตรงหน้า เข้าสู่ร่างกายอย่างบ้าคลั่ง
เฮือก!
รพีพงษ์ทนร้องออกมาอีกไม่ได้ ภายใต้เสียงคำรามนี้ ทุกคนล้วนรับรู้ได้ถึงพลังที่กดดันมาตรงหน้า
ฉันท์ชนกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังรพีพงษ์
“ไอ้หมอนี่ มันเป็นอะไร?”
เธอพยายามสัมผัสถึงระดับพลังของรพีพงษ์ แต่ยิ่งพยายามเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกกลัว
เพราะว่า เธอสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พลังในตัวของรพีพงษ์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พลังจิตวิญญาณก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
แดนเทพขั้นแรก แดนเทพขั้นกลาง………..
ฉันท์ชนกอึ้งจนอ้าปากค้าง เพราะว่าเธอพบว่า ตอนที่พลังของรพีพงษ์ถึงระดับแดนเทพขั้นกลางแล้วนั้น กลับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่หยุด!
“หรือว่า ไอ้หมอนี่มันจะไต่ถึงระดับแดนเทพขั้นพีคเลยงั้นหรือ?”
ฉันท์ชนกหลุดพูดออกมา
เสียงพูดไม่ดัง แต่ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนได้ยิน
คนของกลุ่มสิงโตก็อ้าปากค้าง ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ รพีพงษ์ยังสามารถบรรลุระดับพลังฝีมือได้อีก ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
แต่สุดท้ายแล้ว รพีพงษ์ก็ยังไม่ถึงระดับแดนเทพขั้นพีค แต่หางจากระดับแดนเทพขั้นพีคเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น!
กล้ามเนื้อที่แตกออกของรพีพงษ์ก็ค่อยๆ กลับสู้สภาพเดิม ดวงตาที่เป็นสายเลือดก็ค่อยๆ หายไป
นี่มันก็แสดงว่า รพีพงษ์ในตอนนี้ ได้ดูดเอาพลังทิพย์เข้าสู่ร่างกายไปทั้งหมดแล้ว มันพร้อมที่จะถูกตนเองใช้งานแล้ว
เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่ไปดูดพลังทิพย์ในป่าหมอกแล้ว ครั้งนี้รพีพงษ์รู้สึกว่าหลอมรวมพลังทิพย์เข้ากับร่างกายง่ายกว่าครั้งก่อนมากเลย
ดูเหมือนว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ตนเองฝึกวิชากังฟูเสนส่วนท้าย
เขากำหมัดตนเอง แล้วรับรู้ถึงพลังที่เต็มเปี่ยมอยู่ในตัว
เขาสะบัดมือออกไป พลังจิตวิญญาณสีฟ้าก็ถูกปล่อยออกมา
“ฉันท์ชนก คุณบีบบังคับท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์จนตัวตาย วันนี้ผมจะให้ชดใช้ด้วยเลือด!”
กระบี่สยบเซียนชี้ออกไป ชี้ไปทางฉันท์ชนก
ฉันท์ชนกขมวดคิ้ว “ไม่คิดเลยว่า ในสถานการณ์แบบนี้ แกยังจะบรรลุระดับขั้นได้อีกนะ!”
รพีพงษ์ก็มีสายตาที่มั่นใจ “จะว่าไปแล้ว ก็ต้องขอบใจคุณมากเลยนะ ถ้าไม่ได้คุณที่เรียกพลังทิพย์ที่อัศจรรย์พวกนั้นมา พวกกับที่ผมดูดพลังจิตวิญญาณของคุณไปไม่น้อย ผมก็คงจะไม่บรรลุขั้นเร็วขนาดนี้หรอก!”
ฉันท์ชนกมองรพีพงษ์นิ่งๆ ตอนนี้เธอเผชิญกับคนที่เกือบจะถึงระดับแดนเทพขั้นพีคแล้ว และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ รพีพงษ์ยังมีอายุเพียงเท่านี้เอง
อายุเพียงเท่านี้ มีพลังถึงระดับนี้ มันช่างยากที่จะคาดคิด
“ไม่ได้ ถ้าที่ประเทศจีนยังมีคนแบบนี้อยู่ต่อไปล่ะก็ สำหรับฉันแล้ว มันก็เป็นเหมือนหอกข้างแคร่”
ฉันท์ชนกคิดในใจ ก่อนหน้านี้ที่ทวีปโอชวิน พวกเขาก็รู้แล้วว่ารพีพงษ์เป็นคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเหนือใคร วันนี้ได้เห็นรพีพงษ์บรรลุระดับขั้นต่อหน้าต่อตา ทำให้ฉันท์ชนกรู้สึกว่ารพีพงษ์มีจุดที่ไม่ธรรมดา
คนธรรมดาถ้าอยากจะบรรลุขั้นจากระดับแดนเทพขั้นแรกไปถึงแดนเทพขั้นกลาง ใช้เวลาเป็นสิบปียังถือว่าน้อยไป แต่สำหรับรพีพงษ์แล้ว ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“รพีพงษ์ แกมันเก่ง แต่ว่า ฉันจำเป็นต้องฆ่าแก”
ฉันท์ชนกพูดเสียงเย็น ทันใดนั้น พลังจิตวิญญาณก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ แต่ไม่ได้จะโจมตีไปยังรพีพงษ์ แต่จะโจมตีไปยังธัชธรรมบนพื้น
โชคดีที่รพีพงษ์จ้องมองทุกท่วงท่าของฝ่ายตรงข้ามอยู่ การลอบฆ่ากะทันหันแบบนี้ รพีพงษ์ก็พอจะตอบสนองได้ทัน
ลงมือออกไปเหมือนกัน พลังจิตวิญญาณขนาดใหญ่ถูกปล่อยออกมา
ทั้งสองคนปะทะกัน ครั้งนี้ รพีพงษ์เป็นต่อ
“สมกับเป็นพลังทิพย์จริงๆ หลังจากที่ปลอมรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณแล้ว รุนแรงกว่าเดิมมาก!”
รพีพงษ์กล่าว จากนั้นก็กระโดดมายังข้างๆ ธัชธรรม
“รพีพงษ์………” ธัชธรรมมองรพีพงษ์อย่างชื่นชม วินาทีก่อน ตนเองได้ปลงกับความเป็นตายของตนเองแล้ว กลับกัน เขากังวลกับความปลอดภัยของรพีพงษ์มากกว่า
ตอนนี้ พอเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นอะไร แถมยังใช้พลังทิพย์ที่เต็มเปี่ยมนี้เพื่อบรรลุอีกขั้นของพลังฝีมือ ในใจของธัชธรรมก็โล่งใจขึ้นมาก เหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ท่านธัชธรรม ลำบากหน่อยนะครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ต่อจากนี้ ทุกอย่างก็ให้ผมจัดการเองแล้วกัน คุณไปพักผ่อนเถอะครับ”
“นังปีศาจนี่มันร้ายมาก คุณระวังด้วยแล้วกัน” ธัชธรรมกล่าวเตือน
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วยื่นมือทั้งสองไป พร้อมพยุงตัวธัชธรรมไปส่งยังฝั่งของกลุ่มสิงโต