พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1425 วรยุทธแบบเดียวกัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1425 วรยุทธแบบเดียวกัน
พอเห็นว่าธัชธรรมถูกรพีพงษ์ช่วยเหลือแล้ว ทุกคนก็ล้อมกันเข้ามา จากนั้นสายตาของทุกคนก็มองไปพร้อมเพรียงกัน มองไปยังสนามรบที่ไกลออกไป
พวกเขาล้วนรู้ดี สงครามตัดสินของจริง กำลังจะเกิดขึ้น
ลมหนาวพัดโบก รพีพงษ์และฉันท์ชนกยืนมองกันและกัน สายตาของทั้งสองคนล้วนเต็มไปด้วยรังสีแห่งการฆ่า
“รพีพงษ์ ต่อให้แกเก่งแค่ไหน ก็ยังไม่ถึงระดับแดนเทพขั้นพีค เมื่อเทียบกับฉันแล้ว แกยังห่างอยู่อีกมาก” ฉันท์ชนกกล่าว
“งั้นหรือ? คุณไม่รู้หรือไงว่า ผมนั้นถนัดการสู้ข้ามระดับเป็นที่สุด ผมในระดับแดนเทพขั้นแรกก็สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ระดับแดนเทพขั้นกลางมาแล้ว ตอนนี้ จะฆ่าคุณ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร” รพีพงษ์กล่าว
ฉันท์ชนกปากกระตุกเล็กน้อย จริงอยู่ บนตัวของรพีพงษ์มีวรยุทธที่มหัศจรรย์นี้ และยังมีกระบี่สยบเซียนในมืออีกด้วย นี่คือไพ่ไม้ตายที่เขาเหนือกว่าคนอื่น
ไพ่ไม้ตายแบบนี้ ต่อให้เป็นคนของทวีปโอชวินก็ไม่เคยมี
และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมรพีพงษ์ถึงสามารถเอาชนะคนที่มีพลังสูงกว่าเขาหนึ่งขั้นได้
แต่ทว่า ฉันท์ชนกกลับไม่กลัว ในร่างกายของเธอเหมือนจะมีพลังจิตวิญญาณที่ไม่มีวันใช้หมดสิ้น ในขณะเดียวกัน เมื่อเผชิญกับการโจมตีของคู่ต่อสู้แล้ว เธอสามารถสร้างเกราะป้องกันออกมาป้องกันได้ง่ายๆ
แม้แต่ธีรพัฒน์เอง ก่อนหน้านี้ก็ยังทำลายไม่ได้ ได้แต่ใช้พลังที่ระเบิดตัวเองตายถึงจะพอทำร้ายฉันท์ชนกได้บ้าง ตอนนี้ฉันท์ชนกมั่นใจตัวเองมาก ว่าสุดท้ายแล้วรพีพงษ์ก็จะมีจุดจบเหมือนกับธีรพัฒน์
รพีพงษ์ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว แต่ละก้าวที่เดินไป ฉันท์ชนกก็รู้สึกว่าแรงกดดันที่ส่งมาตรงหน้าเริ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว
รพีพงษ์ใช้สายตาจ้องมองไป พอนึกถึงตอนที่ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ที่ตนเคารพรักษ์ต้องระเบิดตัวเองตายไป และนึกถึงท่านธัชธรรมที่เกือบจะถูกฆ่าตาย ในใจรพีพงษ์ก็โมโหจนไฟแทบจะลุกออกมา
เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน ที่อยากจะฆ่าคนสักคนหนึ่ง แต่วันนี้ ฉันท์ชนกได้ทำให้รพีพงษ์โมโหหนักมาก
เธอยังไม่รู้อันตรายที่ไปยั่วโมโหมังกรยักษ์ตัวนี้ ฉันท์ชนกในตอนนี้ ก็ยังคงดูถูกเขาเหมือนเดิม สำหรับเธอแล้ว จะฆ่ารพีพงษ์นั้น แค่รอเวลาก็พอแล้ว
“ไปตายเสียเถอะ รพีพงษ์!”
ฉันท์ชนกลงมือก่อน พลังจิตวิญญาณทั้งสองสายออกโจมตีรพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วพลังทิพย์เต็มเปี่ยมในกายก็ถูกปล่อยออกมา
เป็นพลังจิตวิญญาณสองสายเหมือนกัน เข้าไปปะทะกับฝั่งตรงข้าม
ทันใดนั้น แสงก็ส่องสว่างไปทั่ว ทั้งสองคนก็ถอยหลังกันออกไปคนละด้าน
รพีพงษ์เองก็ไม่รอช้า ปลายเท้าเตะพื้นกระโดดขึ้น ร่างลอยขึ้นไปบนอากาศ
“วิชาแอสโตรแลบ!”
รพีพงษ์ตะโกนออกมาเสียงดัง
ทางฝั่งกลุ่มสิงโต พวกของมังกรและหงส์ก็คุ้นเคยกับกระบวนท่านี้อย่างมาก
วิชาแอสโตรแลบ ก็คือกระบวนท่าที่รพีพงษ์ถ่ายทอดให้พวกเขา เพียงแต่ กระบวนท่าแบบนี้ เหมาะกับที่จะให้หลายๆ คนออกกระบวนพร้อมกัน แต่ว่า ตอนนี้มีเพียงรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น แล้วพลังจิตวิญญาณของจะหลอมรวมเข้ากับใครล่ะ?
พอเห็นรพีพงษ์ลอยอยู่บนอากาศ ฉันท์ชนกก็ไม่ยอมอ่อนข้อ เธอก็ทำให้ตัวเองเบาเหมือนขนนก ในมือก็เรียกแส้ยาวสีดำออกมา แล้วบุกไปทางฝั่งรพีพงษ์
พลังทิพย์ของรพีพงษ์ก็ปล่อยออกมา ที่เขาใช้วิชาแอสโตรแลบ ก็เพราะว่า ในใจของเขาได้วางแผนไว้หมดแล้ว
ในตอนนี้ มนุษย์ทองคำก็ออกมาจากร่างของเขา มนุษย์ทองคำตัวนี้ เป็นตัวแทนจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ ในร่างมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งซ่อนเร้นไว้!
พลังทิพย์หลอมรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณ ด้านหน้าของรพีพงษ์ก็เกิดพายุหมุนขนาดใหญ่
พายุหมุนนั้นมีพลังมหาศาล ที่กลางอากาศ มีพลังที่รวมจนเป็นหนึ่งเดียว บุกโจมตีไปยังตัวของฉันท์ชนก
พลังแบบนี้มันร้ายกาจกว่าวิชาแอสโตรแลบของพวกมังกรมากนัก
มังกรและหงส์ ครั้งพวกเขาตอบสนองได้แล้ว ตอนนี้รพีพงษ์กำลังหลอมรวมพลังของตัวเอง
เมื่อเผชิญกับพลังหลายสายที่พุ่งเข้ามาโจมตีตนเอง ฉันท์ชนกก็ส่งพลังจิตวิญญาณไปที่แส้ยาวของตนเอง และออกแรงสะบัดออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน!
“แกคิดว่าแค่นี้ก็จะเอาชนะได้งั้นหรือ?”
ฉันท์ชนกตะโกนเสียงดัง การโจมตีของแส้ยาวในมือเธอถูกทำลายจนสิ้น ส่วนพลังจิตวิญญาณที่หลงเหลือนั้นเธอไม่สนใจเลย เพราะว่า เธอสามารถสร้างเกราะป้องกันออกมาจากตัวได้อย่างทันที เพื่อเอาออกมาป้องกันการโจมตี
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เขาเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ พลังแก่กล้า และยังมีเกราะป้องกันที่แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา
“ผมไม่เชื่อ ว่าพลังจิตวิญญาณของคุณจะทนได้ถึงตอนนี้!”
รพีพงษ์พูดเสียงดัง พลังทิพย์และพลังจิตวิญญาณในตัวก็ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง
“ฮ่าๆ แกพลาดแล้วล่ะ พลังจิตวิญญาณของฉันมีมากดั่งน้ำทะเล ไม่มีทางใช้หมดหรอก!”
ฉันท์ชนกพูดเสียงดัง ภายใต้ใบหน้าขาวๆ เธอก็เหมือนจะมีสีหน้าบูดเบี้ยว
รพีพงษ์ก็กัดฟัน เขารู้ดีว่า ฝ่ายตรงข้ามฝึกวิชาคัมภีร์ทิพย์ถึงได้มีพลังแบบนี้ แต่ทว่า นีย์เคยบอกกับตนเองไว้ว่า พวกวิชาลับที่ฝึกแบบเร่งรัดพวกนี้ จะตีแว้งกัดใส่ตัวผู้ฝึกเอง
และอีกอย่าง ยิ่งเป็นวิชาลับขั้นสูง ร่างกายก็จะถูกพลังสะท้อนแว้งกัดได้มาก!
รพีพงษ์เชื่อในสิ่งที่นีย์บอกมาตลอด เพราะว่า เขาเห็นกับตาตัวเองว่าใบหน้าของจิรพนธ์เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวขนาดไหน
อีกอย่าง หลังจากที่ได้สำรวจดูนักฝึกวิชาของทวีปโอชวินพวกนี้ และพวกชายชุดดำแล้ว รพีพงษ์ก็ยังสามารถสังเกตได้ว่าใบหน้าของพวกเขาได้เปลี่ยนไปบ้างแล้ว
เพียงแต่ ฉันท์ชนกตรงหน้านี้ ยังไม่เห็นผลกระทบอะไรชัดเจน เพียงแต่ สีผิวของเธอขาวผิดปกติ ถึงขนาดขาวจนน่ากลัว
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีเวลาให้รพีพงษ์คิดอะไรได้มาก ฉันท์ชนกก็บุกโจมตีมาทางรพีพงษ์อีก
“เหอะ รพีพงษ์ ตอนนี้ถึงคราวแกไปตายแล้วล่ะ!”
ฉันท์ชนกพูดดูถูก มือก็กวัดแกว่งแส้ยาว
มีแสงสาดเข้ามา รพีพงษ์ยกมือบังไว้ เกราะป้องกันถูกสร้างขึ้นที่แขนทันที ป้องกันการโจมตีของฝั่งตรงข้าม
แต่ว่า ฉันท์ชนกเคลื่อนไหวเร็วมาก แม้แต่นีย์ทางด้านข้างที่ถนัดเรื่องการเคลื่อนไหว ก็ยังอึ้งไปเหมือนกัน
บนกลางอากาศ เห็นเป็นเงาคนผ่านไปมา รพีพงษ์อยู่ตรงกลาง ส่วนฉันท์ชนกก็หายตัวไปรอบๆ ตัวของรพีพงษ์ราวกับผี
อีกอย่าง แส้ยาวในมือของเธอก็โจมตีไปทางรพีพงษ์อย่างไม่หยุดหย่อน แส้ยาวเส้นนี้ก็ไม่ใช่ของธรรมดา แถมยังมีพลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของฉันท์ชนกแฝงเข้าไปด้วย
รพีพงษ์หลับตาลง แล้วก็ใช้ประสาทสัมผัสรับรู้ทุกสิ่งรอบตัว
ฉันท์ชนกยิ้มมุมปาก แส้ยาวในมือก็ผ่านลำตัวของรพีพงษ์ไป รพีพงษ์เอียงตัวเล็กน้อย เพื่อหลบการโจมตีของฝั่งตรงข้าม แต่ว่า ครั้งนี้ฉันท์ชนกไม่ได้ใช้ท่าหลอกลวง เธอมายังด้านหลังของรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว
“ไปตายเสียเถอะ”
ฉันท์ชนกพูดเสียงเย็น แส้ยาในมือก็ฟาดลงมาอย่างไม่ลังเล
กระบวนท่านี้กะเอาชีวิต ฉันท์ชนกก็แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า อะไรคือความไวของคนพลังระดับแดนเทพขั้นพีค
แต่ทว่า ไม่นานฉันท์ชนกก็ต้องอึ้งจนอ้าปากค้างไป
เพราะว่า ตอนที่แส้ฟาดลงไปนั้น ในขณะเดียวกัน เกราะป้องกันก็ถูกสร้างออกมาป้องกันด้านหลังของรพีพงษ์รวดเร็ว
แส้ยาวสีดำฟาดลงใส่เกราะกำบัง ไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ต่อรพีพงษ์แม้แต่น้อย
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ฉันท์ชนกหลุดพูดออกมา
รพีพงษ์ก็ลืมตา แล้วก็แทงกระบี่สวนไป
ฉันท์ชนกมีสีหน้าตกใจมาก ตอนที่วุ่นวายนั้น ก็ได้ยกมือขึ้นมากำบังไว้
โชคดีที่แขนของเธอนั้น ก็มีเกราะป้องกันเหมือนกัน กระบี่สยบเซียนแหลมคมตัดได้ทุกสิ่ง แต่ก็ทำให้เกราะป้องกันของฝ่ายตรงข้ามแตกร้าวเล็กน้อยเท่านั้น
ฉันท์ชนกถอยไปสิบก้าว แล้วล้มลงที่พื้น
“แกก็ฝึกวิชาคัมภีร์ทิพย์งั้นหรือ?”
ฉันท์ชนกชี้หน้าถามรพีพงษ์
รพีพงษ์ก็หัวเราะเยาะ “เหอะ วิชาลับขยะๆ แบบนั้น ผมไม่ยอมลดตัวไปฝึกหรอก!