พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1427 ทำลงไปโดยไม่คิดถึงอนาคต
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1427 ทำลงไปโดยไม่คิดถึงอนาคต
“มาสิ รพีพงษ์ เอาพลังจิตวิญญาณของแกออกมาให้หมดสิ คิดจะเทียบพลังจิตวิญญาณกับฉัน เหอะ รนหาที่ตาย!”
ฉันท์ชนกพูดไป แล้วก็เอาพลังจิตวิญญาณของตนเองออกมาด้วย
ทุกคนในเหตุการณ์ก็อึ้งไป พวกเขาเคยเห็นพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่ไม่เคยเห็นของฉันท์ชนกแบบนี้มาก่อน บีบเค้นพลังจิตวิญญาณในตัวของตนเองออกมา ราวกับพลังจิตวิญญาณของตนเองจะไม่หมดเสียหอย่างนั้น
“ฮ่า แค่ทวีปโอชวินกับโลก ฉันฉันท์ชนกจะเป็นราชินีของจักรวาลนี้!ใครที่มาขวางทางฉัน ต้องตาย ต้องตาย!”
รพีพงษ์ก็มองฉันท์ชนกตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว
แต่ว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่าที่เธอบ้าคลั่งก็คือ พลังจิตวิญญาณที่ไม่หมดสิ้น ได้พุ่งเข้ามาโจมตีรพีพงษ์ไม่หยุดหย่อน
รพีพงษ์ตอบโต้เต็มกำลัง ใช้พลังทิพย์ของตนเองออกไปรับมือ
“ฉันท์ชนก คุณรับรู้ไม่ได้หรือว่าร่างกายของคุณกำลังเปลี่ยนไป?” รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง
ฉันท์ชนกก็มีสายตาที่ฮึกเหิมเกินไป “เหอะ ไอ้หนู แกพูดบ้าอะไร ฉันไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเลย!”
“ทำไมไม่ดูสีผิวของคุณเองล่ะ!” รพีพงษ์พูดไป แล้วก็ออกแรงต้านทานการโจมตีของฉันท์ชนกด้วย
“ผิวหนังฉันงั้นหรือ? เหอะๆ แกจะชมว่าฉันผิวของล่ะสิ?”
ฉันท์ชนกมีสายตาแกล้งหัวเราะเยาะ แล้วก็รีบมองตัวเอง
ก่อนหน้านี้ผิวหนังของเธอก็เผยสีขาวดั่งหิมะให้เห็นแล้ว แต่ตอนนี้ สีขาวแบบนั้นมันได้หายไปหมดแล้ว แถมยังมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามันกำลังจะโปร่งใสไปเลย
จากนั้น เธอก็โปร่งใสไปทั้งตัว
“นี่มัน……เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉันท์ชนกพูดอย่างตกใจ มือก็อยากจะรวมพลังจิตวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็พบว่า พลังจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมและแข็งแกร่งของตนเองนั้น ได้อ่อนลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ไม่มีพลังใดอีกเลย
เสียงดังโครม
ฉันท์ชนกตกลงมาจากอากาศ ร่วงหล่นมาที่พื้น
รพีพงษ์ก็ตามลงมาที่พื้น แล้วมองฉันท์ชนกด้วยสายตาคิดหนัก
ทางนี้ ทุกคนก็มองฉันท์ชนกด้วยสายตาที่ราวกับเห็นผี ตอนนี้ผิวหนังของเธอโปร่งใสไปทั้งตัว แม้แต่เส้นเลือดในตัวก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันค่อนข้างน่ากลัวมาก
“มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน!”
ฉันท์ชนกหวาดกลัวอย่างมาก
“นี่ก็คือการสะท้อนแว้งกัดของคัมภีร์ทิพย์!”
ตอนนี้ นีย์ก็เดินมายังสนามรบ ภายใต้การพยุงของหงส์
สายตาของเธอจ้องเขม็ง มองฉันท์ชนกที่อยู่ข้างหน้า
“นังหนูนี่ แกพูดบ้าอะไร พลังสะท้อนแว้งกัดงั้นหรือ? มีแบบนั้นที่ไหนกัน? ฉันจะฆ่าแก!”
ฉันท์ชนกพูดไป มือก็กำหมัดแน่น แต่ว่า เธอก็สัมผัสได้แต่ความรู้สึกที่ไร้พลัง
“นี่มัน..ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” ฉันท์ชนกคุกเข่าลงพื้นอย่างอ่อนแรง
“ยอมรับความจริงเสียเถอะ ฉันท์ชนก” นีย์พูดเสียงขรึม “พี่ฝึกคัมภีร์ทิพย์ เมื่อเทียบกับวิชาลับปกติแล้วนั้น มันเป็นวิชาชั้นสูงกว่ามาก ช่วยเพิ่มพลังให้กับนักฝึกวิชา ก็มากกว่าวิชาลับทั่วไป แต่ว่า การแว้งกัดของมัน ก็น่ากลัวไม่น้อย”
นีย์ก็พูดไป แล้วมองฉันท์ชนกไปด้วย “วิชาเทพจิตนั้น เป็นการเค้นเอาพลังศักยภาพในตัวออกมา พลังพวกนั้นถูกนำออกมาทั้งหมดในชั่วพริบตา เพื่อเอามาเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับตนเอง แต่ว่า การใช้พลังจิตวิญญาณและพลังวิชาทั้งหมดที่มีแบบนี้ การถูกพลังแว้งกัดเอาก็จะเป็นสภาพแบบนี้ ผิวพรรณโปร่งใสไปหมด สุดท้ายร่างกายก็จะแหลกสลายไปในอากาศ”
“นี่มัน…..เป็นไปได้อย่างไร?” ฉันท์ชนกพูดอย่างตกใจ ถึงแม้จะไม่ยอมรับ แต่เธอก็ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าตนเองกำลังเปลี่ยนไปแบบที่พูดมา
“คุณต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อน ใช้พลังจิตวิญญาณอย่างสูญเปล่า ใช้พลังจิตวิญญาณอย่างสิ้นเปลือง ก็เลยทำให้วิชาแว้งกัดเร็วขึ้น” นีย์กล่าว
“ทำไมแกถึงรู้ดีขนาดนี้ ทำไมถึงรู้เรื่องของคัมภีร์ทิพย์ดีกว่าฉันเสียอีก!” ฉันท์ชนกนั่งขมวดคิ้วอยู่ที่พื้น แล้วมองนีย์ไปพร้อมกับพูดออกไป
ตอนนี้ร่างกายของเธอเหมือนกับถูกขุดออกไปจนหมด ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมาก
“สำหรับเรื่องของคัมภีร์ทิพย์นี้ พ่อ……พ่อได้บอกกับฉันเอง” นีย์กัดปากพูด
ฉันท์ชนกแสยะยิ้มมุมปาก “พ่อบอกเรื่องคัมภีร์ทิพย์กับแกด้วยหรือ? ทำไมฉันถึงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่แกพูดเลยล่ะ อย่าลืมนะว่า แกเป็นตัวกาลกิณีของตระกูลสุนธรประภาเรา!”
นีย์ก็พูดเสียงดังว่า “ถูกต้อง ฉันเป็นตัวกาลกิณี เพราะว่าฉันเกิดมาก็ทำให้แม่ต้องตาย และก็เพราะแบบนี้ พ่อถึงได้ไม่สนใจอะไรในตัวฉันเลย และก็ทำให้พี่ต้องหาเรื่องฉันตลอดเวลา!”
ฉันท์ชนกจ้องมองนีย์นิ่งๆ และไม่ได้พูดอะไร
เพียงแต่ พอเห็นว่าตอนนี้นีย์มีท่าทางโมโห ทุกคนก็เลยเข้าใจขึ้นมาว่า องค์หญิงน้อยของทวีปโอชวินคนนี้ ดูเหมือนจะสูงส่ง แต่ถูกพ่อแท้ๆ ของตนเองทอดทิ้งไม่สนใจ
“นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อจะต้องถ่ายทอดคัมภีร์ทิพย์ให้กับฉัน!”
นีย์พูดเสียงดัง
“อะไรนะ จิรกิตติ์จะถ่ายทอดคัมภีร์ทิพย์ให้แกงั้นหรือ?” ฉันท์ชนกถาม ก่อนที่ตนเองจะเข้าไปที่เขตห้ามเข้านั้น ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามีคัมภีร์ทิพย์อยู่ด้วย แต่ว่า จิรกิตติ์กลับเอาคัมภีร์ทิพย์ไปถ่ายทอดให้เธองั้นหรือ?
“ถูกต้อง เพราะว่า พ่อ……ก็อยากให้ฉันตายเหมือนกัน!”
นีย์พูดเสียงดัง
หงส์ที่อยู่ข้างๆ ก็สะอึก ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าความเจ็บปวดในใจของนีย์เป็นอย่างไร
“ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เธอทำงานให้กับทวีปโอชวินอย่างสุดชีวิต ไม่หวังอะไรตอบแทน แต่ว่า พ่อไม่เคยชื่นชมอะไรฉันเลย แม้แต่ประโยคเดียว แต่กลับกัน กับพี่ พ่อให้พี่อยู่ข้างกายตลอด แทบจะเอาวิชาความรู้ทั้งชีวิตถ่ายทอดให้กับพี่ คนในทวีปโอชวินรู้จักแต่ฉันท์ชนก รู้จักองค์หญิงน้อยอย่างฉันที่ไหนกัน?” นีย์พูดเสียงเบา สายตาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
หลายปีมานี้ ได้พูดในสิ่งที่อัดอั้นมานาน นีย์ก็น้ำตาไหลพราก
รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ ไม่คิดเลยว่าจิรกิตติ์จะร้ายกับนีย์แบบนี้ ให้เธอฝึกวิชาเทพจิต เพื่อพลังอย่างรวดเร็ว แบบนี้ก็จะได้ออกแรงช่วยเหลือทวีปโอชวินได้อย่างเต็มกำลัง ส่วนนีย์จะเป็นหรือตายนั้น เขาไม่สนใจอะไรเลย
“แล้วไอ้หมอนั่นล่ะ ทำไมมันไม่เป็นอะไรเลย!”
ฉันท์ชนกชี้นิ้วพูดไปทางรพีพงษ์ จากนั้นก็พบอะไรบางอย่างอย่างน่าตกใจ นิ้วมือที่โปร่งใสไปแล้วนั้น ตอนนี้มันได้ค่อยๆ หายไป
“ก็ได้ฝึกวิชามาเหมือนกัน แต่ทำไมมันถึงไม่ได้เป็นอะไรเลย แล้วทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้!” ฉันท์ชนกพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว “ผมคิดว่า อาจจะเป็นเพราะว่าคุณไม่ได้ฝึกวิชากังฟูเสนส่วนแรกก่อน”
“กังฟูเสนส่วนแรกงั้นหรือ?” ฉันท์ชนกมองรพีพงษ์อย่างตกใจ
รพีพงษ์ก็พูดนิ่งๆ “ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็แล้วแต่ จะต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเป็นขั้นตอน วิชาลับแบบคัมภีร์ทิพย์นี้ ดูไปแล้วมันจะเหมือนกับวิชากังฟูเสนส่วนแรกที่ผมฝึก แต่พอดูอย่างละเอียดแล้ว มันไม่เหมือนกัน”
“เพราะว่าผมได้ฝึกส่วนแรกไปก่อนแล้ว ในร่างกายได้มีวิชากังฟูเสนอยู่แล้ว ส่วนคัมภีร์ทิพย์ก็แค่ไปเปิดจุดชีพจรลมปราณเท่านั้น เป็นเพียงแค่พลังจิตวิญญาณที่ไหลเวียนในชีพจรเท่านั้น ถ้าไม่มีพลังวิชากังฟูเสนที่มหัศจรรย์ พลังจิตวิญญาณของคุณดูเหมือนจะแข็งแกร่ง แต่มันจะทนต่อการดึงเอาพลังมาใช้แบบนั้นไม่ไหว จะว่าไปแล้ว คัมภีร์ทิพย์ก็แค่ทำให้คุณเอาพลังมาใช้โดยไม่คิดถึงอนาคตก็เท่านั้นเอง!”
“เอาพลังมาใช้โดยไม่คิดถึงอนาคตงั้นหรือ?”
ฉันท์ชนกตาลอย แล้วก้มหน้าลงไป นิ้วมือทั้งสอบของเธอได้หายไปแล้ว ทั้งตัวเธอนั้น มองไม่เห็นอะไรแล้ว
“เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้” ฉันท์ชนกยังคงถามตัวเองไม่หยุด
นีย์ก็เดินมาข้างๆ ฉันท์ชนก ในสายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเห็นใจอย่างพูดไม่ออก