พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1437 ไม่อยากให้พวกเราจากไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1437 ไม่อยากให้พวกเราจากไป
“รพีพงษ์ คนที่เธอกำลังพูดถึงคือใคร? ฉันเคยเห็นไหม?”นีย์ถาม
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว :“เธอไม่รู้จักคนๆนี้หรอก แต่ในก่อนหน้านี้ ผมเคยบอกเธอว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ถูกผนึกไว้ในหินลั่วหง”
“เธอหมายถึง ผีผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ
รพีพงษ์พยักหน้า: “เขาชื่อญาณิดา อยู่บเทือกเขาคุนหลุน เธอเป็นคนที่ผนึกวิญญาณของจิรกิตติ์พี่น้องสามคนนั้นด้วยแสงสีแดงนั้นคือเขา คนที่พาคนทั้งหมดของกลุ่มสิงโตมาสู่ทวีปโอชวินทันทีนั้นคือเขา เมื่อที่ผมอยู่ในทางเดิน คนที่ทำให้ผมกลายเป็นคนคนพิการก็ยังคือเขา!”
“ญาณิดาคนนี้ เก่งและแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ สามเรื่องที่รพีพงษ์นั้นพูดถึง ไม่ว่าอยากจะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ ก็ถือว่าเป็นนักฝึกวิชาตนชั้นยอดแล้ว ถ้าเป็นสภาพแบจิรกิตติ์และคนอื่นๆนั้น ก็ยากที่จะทำได้สำเร็จ
ถ้าสามารถย้อนกลับเข้าไปผ่านในทางเดินทวีปโอชวินนั้นได้ ในปีนั้น จอมมารชูราคงจะทำมานานแล้ว จะตามฆ่จิรกิตติ์และคนอื่นๆนั้นสูญพันธุ์กันให้หมด
อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆไม่ได้เกิดขึ้น และแข็งแกร่งเช่นจอมมารชูราก็ทำได้เพียงที่ผนึกช่องทางเดินนั้นไว้ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า เมื่อเทียบกับจอมมารชูราแล้ว ความแข็งแกร่งของญาณิดานั้นสูงกว่ามาก
“ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือญาณิดาติดอยู่กับหินลั่วหงนั้น ราวกับวิญญาณ ความแข็งแกร่งของนางนั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นนี้แล้ว หากนางเป็นเหมือนพวกเรา ฟื้นคืนร่างคนกลับมา ความแข็งแกร่งเช่นนั้นไม่กล้าที่จะจินตนาการเลย!”
รพีพงษืพูด
นีย์พยักหน้า: “โชคดีที่คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่มีจิตใจที่เลวร้าย และเขาก็ยังได้ช่วยเธอทำสิ่งต่างๆมากมาย ไม่เช่นนั้น วันนั้นคุณพ่อของฉันก็จะ……”
เมื่อพูดถึงเช่นนี้แล้ว นีย์ก็หยุดชั่วคราว และหลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
แต่ในใจของรพีพงษ์นั้นรู้ดีว่าเธออยากสืบถึงอะไร
รพีพงษ์ยิ้มและพูดว่า: “เธอพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะญาณิดาที่ช่วยผมในวันนั้นไว้ ความแข็งแกร่งของจิรกิตติ์พี่น้องสามคนวางไว้ที่นั่น คนกลุ่มสิงโตของพวกเรานั้นก็จะไม่มีวิธีใดๆทั้งสิ้น เวลาผ่านไปนานๆ คนที่แพ้คงต้องเป็นพวกเราแน่นอน”
นีย์ก้มหน้าและไม่พูดอะไร เธอไม่กล้านึกเลย ถ้าหากจิรกิตติ์ฆ่ารพีพงษ์จริงๆในเวลานั้น แล้วสภาพในตอนนี้จะเป็นเช่นไร
ลองคิดดูแล้ว น่าจะจะเป็นฉันท์ชนกที่ควบคุมทวีปโอชวินไว้ ส่วนจิรกิตติ์และคนอื่นๆ ควบคุมทวีปการฝึกตนของจีนนั้นไว้ จากนั้น พวกเขาก็จะแสดงละครการกบฏของคุณพ่อและลูกสาว และคงจะเป็นหลายปีแห่งการต่อสู้
“แต่ว่า ส่วนที่เธอบอกว่ายัยญาณิดาคนนั้นมีจิตใจที่ไม่เลวร้ายนั้น ผมก็ไม่แน่ใจละ เพราะว่า ครั้งนี้ที่มาพื้นที่เขตต้องห้าม เป็นคำขอของเขาเอง” รพีพงษ์พูดกับนีย์
“อะไรนะ? คำขอของเขา?”นีย์จ้องมองรพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ แล้วมองด้วยสายตาที่ระมัดระวัง: “จุดประสงค์ของเขาที่จะมาถึงพื้นที่เขตต้องห้ามของทวีปโอชวินนั้นคืออะไร รพีพงษ์ ทำไมเธอไม่บอกฉันล่วงหน้า ?”
รพีพงษ์จ้องมองไปที่นีย์ เรื่องนี้ไม่ได้บอกล่วงหน้าให้นีย์ได้รับรู้ เป็นความผิดและความประมาทของผมเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมื่อที่ตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของญาณิดาในการมาที่พื้นที่เขตต้องห้ามนั้นคืออะไร
“ผมก็ไม่รู้ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร”
ขณะพูด รพีพงษ์นำหินลั่วหงออกมา
บนผนังหินเรียสีแดงเข้มนี้ มีหน้าแดงจางๆปรากฏขึ้นมา
รพีพงษ์เม้มปาก แสดงความลังเลเล็กน้อย
“รพีพงษ์ เธอเป็นอะไร ฉันก็แค่พูด ถ้าพาเขามาที่นี่แล้ว อย่างน้อย ในตอนนี้เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อทำร้ายพวกเรา” นัย์เผชิญหน้ารพีพงษ์แล้วพูด เธอคิดว่ารพีพงษ์โกรธกับการพูดจาของตัวเองในก่อนหน้านี้
รพีพงษ์มองไปที่หินลั่วหงส่ายหัวแล้วพูดว่า:“ไม่ ตอนนี้ ผมมีความคิดที่ต่างออกไป”
“ความคิดอะไร?” นีย์ถาม
รพีพงษ์จ้องมองนีย์ด้วยดวงตาที่สดใส:“ยังจำสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปในเมื่อกี้ได้ไหม ในวันนั้น ตอนที่เข้าไปในอาณาจักรลับของสระน้ำมังกร เมื่อพระอาทิตย์ตกดินสีแดงอยู่ในคิ้วของพระพุทธรูปองค์นี้ บังเอิญว่าอาณาจักรถูกเปิดออก ตอนนี้ผมเป็นห่วงเล็กน้อย”
นีย์จ้องมองรพีพงษ์ที่โศกเศร้า ขมวดคิ้ว
“ฉันเข้าใจแล้ว เธอเป็นห่วงเป็นใยว่า ตอนนี้ พระพุทธรูปที่อยู่ในวัดที่มีไฝแดงจางหายไปจากคิ้วด้วยเช่นกัน ถ้าไฝแดงกลับเข้าที่ งั้นก็……”
“จากนั้น อาณษจักรลับใหม่อาจถูกเปิดออก!”รพีพงษ์พูดกับนีย์ด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ
นีย์ตกใจอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น ส่วนรพีพงษ์ก็ยังรู้สึกเย็นๆในที่หลังอีกด้วย!
ถ้าหากทวีปโอชวินเป็นอาณาจักรลับ ถ้าหากเป็นเหมือนอย่างที่ตัวเองดาวไว้จริงๆ ไฝสีแดงที่หายไปในคิ้วกลับสู่ที่เดิม ก็คงจะเปิดอาณาจักรลับอื่นออกมาอีก งั้นอาณาจักรลับนี้จะถูกเปิดขึ้น สำหรับทวีปโอชวินทั้งหมดนี้แล้ว อย่างที่โลกเป็นห่วงจะเป็นพรหรือคำสาป ทุกอย่างก็ไม่มีใครรู้
แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่รพีพงษ์มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
ในฐานะที่เป็นอาณาจักรลับของทวีปโอชวินนั้นมีความลึกลับและมหัศจรรย์มาก และในนั้นก็มีจ้าวแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าบนโลกมากมาย หากยังมีอาณาจักรลับซ่อนอยู่ในอาณาจักรลับนี้อีกแล้วก็ อาณาจักรลับใหม่นี้จะต้องมีพลังมากกว่าทวีปโอชวินแน่นอน!
“รพีพงษ์ ฉันคิดว่าการพิจารณาของเธอนั้นถูกต้องมาก ไม่รู้ว่าทำไม ฉันรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอว่า ถ้าหากมีอาณาจักรลับซ่อนอยู่ในทวีปโอชวินจริงๆ จะมีลักษณะอย่างไรเมื่อถูกเปิดออก “นีย์ถาม
รพีพงษ์ส่ายหัว: “ที่นี่คือเขตแดนของทวีปโอชวิน ผ่านวัดแห่งนี้ไป ข้างหน้าก็ไม่มีถนนแล้ว เป็นเพราะเหตุนี้เอง นี่ถึงได้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด ที่จะใช้เป็นทางเข้าอาณาจักรลับ เพราะว่า ตามความเห็นของพวกเธอแล้ว การเปิดอาณาจักรลับนั้น ก็ราวกับว่าคือโลกใบใหม่เลย!”
นีย์พยักหน้า:“รพีพงษ์ พวกเรารีบๆไปกันเถอะ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าอาณาจักรลับนี้จะถูกเปิดออกเมื่อไร แต่ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าทวีปกิตติ์ ฉันต้องพิจารณาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับทวีปโอชวิน ในอาณาจักรลับนี้เป็นความชั่วร้ายหรือจะเป็นความโชคดี เธอและฉันต่างก็ไม่ไม่มีใครทราบ พวกเราอย่าไปเสี่ยงเลย”
รพีพงษ์พยักหน้าเห็นด้วย เขาจ้องมองหินลั่วหงที่อยู่ในมือ แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า :“เธอพูดถูก ผมทำตามสัญญาแล้ว และได้นำหินลั่วหงเข้ามาในพื้นที่เขตต้องห้ามแล้ว เพราะฉะนั้น พวกเรากลับไปกันเถอะ”
เมื่อพูดเช่นนั้น รพีพงษ์ก็ดึงนีย์ และเดินออกไปจากวัดอย่างรวดเร็ว
เพียงเดินแล้วแค่สองก้าว ทันใดนั้น ลมเย็นพัดมา และประตูของวัดที่เปิดกว้างก็ปิดอย่างแน่นหนา
ทันทีหลังจากนั้นวัดก็มืดสนิท ต่อมา มีไฟผีสองสามดวงก็แวบวาบผ่าน ราวกับผี
“รพีพงษ์ นี่มันเป็นอะไรไป?”
นีย์ถามอย่างประหม่า เธอเข้าหารพีพงษ์โดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเธอรู้สึกถึงปลอดภัยเมื่อได้อยู่เคียงข้างของรพีพงษ์เท่านั้น
รพีพงษ์จับนีย์ด้วยมือข้างหนึ่ง ขมวดคิ้ว: “ไม่ต้องกลัว ดูเหมือนว่า มีคนไม่อยากให้พวกเราออกไปจากที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว!”
นีย์จ้องมองไปที่ไฟผีสองสามดวง หลังจากที่ถูกรพีพงษ์จับมือตัวเองนั้นไว้ เธอก็ดูเหมือนจะสงบลง ไม่ได้กลัวเหมือนเมื่อสักครู่
“เธอพูดถูก ในเมื่อมีคนไม่อยากให้พวกเราจากไป ฉันก็จะคอยดู ว่าคนๆนี้เป็นใครกันแน่!”
นีย์พูดอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น กลุ่มของเปลวไฟสีน้ำเงินก็โจมตีมาในทางของรพีพงษพวกเขาโดยตรง
“ระวัง!”
รพีพงษ์เอื้อมมือออกเพื่อดึงนีย์ไปไว้ข้างหลังของเธอ จากนั้น พลังวิญญาณอันทรงพลังก็แผ่ออกมาจากร่างกายของตัวเอง และโจมตีไฟผีโดยตรง
แต่กลุ่มไฟผีนี้ดูเหมือนจะมีพลังมากกว่าที่จินตนาการไว้ เมื่อทั้งสองมาสัมผัสกัน จิตวิญญาณของรพีพงษ์รับรู้ได้ว่า นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าไฟผีเลย ตรงกันข้าม มองเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นนี่กลุ่มพลังวิญญาณ!
พลังวิญญาณที่ควบแน่นนี้ แข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรทั่วไป
แต่ว่า สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ในวัดแห่งนี้ มีพลังวิญญาณเหมือนเช่นนี้มากสุดก็แค่สิบคนเท่านั้น!
“รพีพงษ์ พวกเราจะทำอย่างไรดี หรือว่าตอนนี้พวกเราควรหลีกเลี่ยงความอันตรายและหนีออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” นีย์พูด
รพีพงษ์ส่ายหัว: “ไม่ พลังวิญญาณเหล่านี้เร็วมาก ถ้าพวกมันโจมตีพวกเราพร้อมกัน ผมเกรงว่ามันจะต้านทานได้ยาก!”
“โอเค ถ้าอย่างนั้น ฉันจะสู้กับมันอย่างเต็มที่!”
นีย์เต็มไปด้วยสงครามและพูด
เธอจับแสงสีฟ้าซีดและมองไปที่รพีพงษ์ ที่มีจมูกโดงสูงและดวงตาของเธอหนักแน่น และได้มีความรู้สึกแปลกๆเข้ามาในใจของเธอ
วินาทีนี้ สิ่งที่เธอรู้สึกนั้นไม่ใช่ความตึงเครียดและความวิตกกังวลก่อนสงคราม ตรงกันข้าม เธอรู้สึกว่ามันเป็นความสุขที่ได้สู้อยู่เคียงข้างในรพีพงษ์
แม้ว่าฉันจะต้องเสียสละเพื่อเขา ฉันก็เต็มใจ
นีย์แอบคิดอยู่ในใจ
“ระวัง!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง กลุ่มของไฟผีแทงออกจากแนวเฉียง และโจมตีไปในทางของนีย์โดยตรง