พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1438 อายุมากกว่าใคร
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1438 อายุมากกว่าใคร
แส้ในมือของนีย์ปรากฏอย่างรวดเร็ว และได้พุ่งตรงไปยังเพลิงภูติกลุ่มนี้
ปังเสียงหนึ่ง แส้เส้นยาวได้กลายเป็นความว่างเปล่าทันที
นีย์ได้ตื่นตกใจ คิดไม่ถึงว่าพละกำลังของเพลิงภูติกลุ่มนี้จะแข็งแกร่งเช่นนี้
ภายในลูกตาดำ เงาของเพลิงภูติยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้น ภายใต้ความกดดันนี้ คล้ายกับว่านีย์ได้ถูกล็อกเอาไว้แล้วจะขยับก็ขยับไม่ได้
ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองส่องสว่างไปทั่วทั้งวิหาร กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ได้แกว่งออกไปอย่างไร้ความปราณี
ด้วยอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ กระบี่สยบเซียนได้ผ่าตรงลงไปที่กลุ่มเพลิงภูติด้านหน้าของนีย์ออกเป็นสองท่อน!
นีย์ที่เพิ่งจะฟื้นคืนจากความประหลาดใจเมื่อครู่นี้
“เธอหลบไปยังด้านหลังของฉัน เพลิงภูติพวกนี้เกิดมาจากการรวมตัวกันของพลังวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะรับมือกับมันได้” รพีพงษ์พูด
นีย์พยักหน้า และได้ไปยืนอยู่ด้านหลังของรพีพงษ์อย่างเชื่อฟัง
รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียนไว้พร้อมถอยหลัง ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกดันจนไปถึงกำแพงวิหาร
เจตนาของรพีพงษ์ชัดเจนมาก ดังนั้นเพลิงภูติเหล่านี้จึงทำได้เพียงโจมตีจากทางด้านหน้าเท่านั้น และรพีพงษ์ก็มีความมั่นใจว่ากระบี่สยบเซียนในมือของตัวเอง จะสามารถสังหารเพลิงภูติทั้งหมดพวกนี้ให้สิ้นซากได้!
กลุ่มเพลิงภูติทั้งแปดได้ล้อมอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ พวกมันล่องลอยในอากาศ ราวกับว่าพวกมันมีสติปัญญา แต่เวลานี้กลับได้หยุดลงมาแล้ว
รพีพงษ์มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาคิดในใจว่า ดูเหมือนว่าเพลิงภูติเหล่านี้ก็รู้ดีว่าพวกมันจะถูกแบ่งครึ่งอย่างแน่นอนหากพวกมันพุ่งเข้ามาในเวลานี้
ขณะที่ทั้งสองฝั่งกำลังอยู่ในทางตัน ทันใดนั้นเพลิงภูติทั้งแปดนี้ได้เริ่มหมุนไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หมุนไปรอบๆ ด้านหนึ่งพวกมันก็ได้รวมตัวกันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้
ภายใต้การจับตาดูของรพีพงษ์และนีย์ เพลิงภูติสีน้ำเงินกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งได้ก่อตัวขึ้น บนตัวของเพลิงภูติกลุ่มนี้เป็นพลังจิตวิญญาณที่เหนียวแน่นเหมือนริบบิ้นสีน้ำเงินที่ได้ล้อมไปทั่วทั้งตัว
“รพีพงษ์ ระวัง!” นีย์ได้พูดเตือนสติอยู่ทางด้านหลัง
รพีพงษ์พยักหน้า เขารู้ว่าตอนนี้กำลังของเพลิงภูติกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าแล้ว
ตัวเองจำเป็นจะต้องยกพละกำลังทั้งหมดมารับมือกับมัน
เวลานี้เพลิงภูติกลุ่มนี้ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
เดิมทีวัดก็ไม่ใหญ่ ความเร็วของเพลิงภูติใหญ่กลุ่มนี้ก็รวดเร็วมากอีก เพียงอึดใจเดียวก็ได้มาถึงตรงหน้าของรพีพงษ์แล้ว!
กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ได้แกว่งออกไปอย่างรวดเร็ว แสงสีทองเส้นหนึ่งได้เฉือนไปที่ฝ่ายตรงข้ามตรงๆ
ตอนที่แสงสีทองไปถึงบนตัวของเพลิงภูตินั้น กลับได้ถูกกลืนกินเข้าไปตรงๆ
ตามมาติดๆด้วย ในมือคู่ของรพีพงษ์ได้ส่งพลังจิตวิญญาณของพลังทิพย์ขนาดใหญ่สองกลุ่มที่ปะปนกันออกมาตรงๆ
แต่ภายใต้การปะทะกันของทั้งสองฝั่ง ที่แม้แต่วิหารก็ยังสั่นไหว แต่กลับยังบดขยี้เพลิงภูติกลุ่มนี้ไม่ได้
“รพีพงษ์ ดูเหมือนว่าพละกำลังของเพลิงภูติกลุ่มนี้ยังสูงกว่านายอีกนะ!” นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ
รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น เขาคิดไม่ถึง เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงของเพลิงภูติธรรมดาพวกนี้ แต่กลับมีศักยภาพได้ถึงขั้นนี้
พลังจิตวิญญาณของเพลิงภูติโดยรอบได้สร้างแรงกดดันให้กับรพีพงษ์แล้ว พวกมันอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์ ได้รวมกำลังในการป้องกันการรุกรานอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ช้า บนการป้องกันก็ได้มีรอยร้าวปรากฏแล้ว
“สมควรตาย!”
รพีพงษ์นึกได้ว่ายังต้องปกป้องนีย์ด้วย จึงได้เกิดความรู้สึกของภารกิจหนักขึ้นมา!
“การป้องกันของฉัน ไม่ได้ถูกทำลายง่ายขนาดนั้น ในเมื่อหนึ่งชั้นไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็มาอีกกี่ชั้นเถอะ!”
ตอนที่พูด พลังจิตวิญญาณในตัวของรพีพงษ์ยังคงได้หมุนวนขึ้น ครั้งนี้รพีพงษ์ได้มีสติในการใช้การรวมตัวของพลังจิตวิญญาณจนเป็นการป้องกันตรงหน้าตัวเอง
หนึ่งชั้น สองชั้น……การป้องกันเต็มห้าชั้น ได้ห่อหุ้มรพีพงษ์กับนีย์ไว้อย่างมิดชิด
เพลิงภูติกลุ่มนี้ก็ยังตรงไปตรงมาไม่ได้มีทักษะอะไร และได้พุ่งเข้ามาตรงๆอีกครั้ง
ไม่ช้าการป้องกันชั้นแรกได้ถูกทำลาย ชั้นที่สองก็ได้แตกในแวบเดียว ก็แม้แต่บนการป้องกันชั้นที่สามก็ได้ปรากฏรอยร้าวแบบเดียวกันแล้ว
รพีพงษ์กำหมัดไว้แน่น ศักยภายเช่นนี้เป็นผลการฝึกตนที่สูงกว่าแดนเทพขั้นพีคอย่างชัดเจน!
หรือว่าตัวเองกับนีย์ต้องถูกฝังอยู่ภายใต้เพลิงภูตินี้งั้นเหรอ?
ก็อยู่ในเวลานี้ รพีพงษ์ได้นำหินลั่วหงออกมา จากนั้นก็ได้ตะโกนเสียงดัง: “ภูติปีศาจสาวอย่างคุณนี้ หากว่ายังกล้าเข้ามามั่วๆอีกล่ะก็ ฉันจะใช้กระบี่สยบเซียนผ่าหินลั่วหงออกเป็นสองท่อน ฉันพูดได้ก็ทำได้!”
ทันใดนั้น ทุกอย่างก็ได้เงียบสงบลง แรงกดดันยิ่งใหญ่ที่เดิมทีอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์ก็ได้หายไป!
ภายในวิหาร เทียนสีแดงที่วางอยู่ทั้งสี่มุมตลอดจนตรงหน้าพระพุทธรูปก็ได้ติดขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างกับตอนที่เข้ามาเมื่อกี้ไม่ได้มีความแตกต่างใดๆเลย
รพีพงษ์กับนีย์หอบอย่างหนัก และในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้มองรอบๆไว้ด้วยความตื่นตัว
“รพีพงษ์ พวกเรารีบไปกันเถอะ” นีย์พูดด้วยความกังวล
รพีพงษ์ดึงมือของนีย์เอาไว้: “ดูท่าแล้วฉันเดาไม่ผิด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของญาณิดา หากว่าหล่อนไม่อยากให้พวกเราไปล่ะก็ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ออกจากวัดแห่งนี้ไปไม่ได้”
หลังจากที่นีย์ได้ฟังแล้ว ก็ได้คิดไปถึงศักยภาพที่น่ากลัวของญาณิดาคนนี้ และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
รพีพงษ์ชูหินลั่วหงไว้ และได้พูดเสียงดังอยู่ในวิหาร: “คุณญาณิดา ผมรพีพงษ์ไม่ได้ผิดต่อคำมั่นสัญญา และตอนนี้ก็ได้พาคุณมาถึงเขตต้องห้ามของทวีปโอชวินแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เชิญคุณรักษาคำสัญญาให้ผมกลับไปยังกลุ่มสิงโตด้วย ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ผมจะทำลายหินลั่วหง ให้คุณไม่สามารถเกิดได้ตลอดกาล!”
“ฮ่าๆ…… คุณชายรพีพงษ์ ทำไมคุณรีบร้อนแบบนี้ล่ะ เมื่อกี้ก็เพียงแค่หยอกล้อคุณเล่นเท่านั้น เห็นท่าทางนี้ของคุณแล้ว ก็คงจะโกรธจริงๆแล้วล่ะ”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งได้ผุดออกมาจากในวิหาร ทันทีหลังจากนั้นตรงหน้ารพีพงษ์กับนีย์ก็ได้มีหมอกสีขาวกลุ่มหนึ่งลอยขึ้น ทันใดนั้นญาณิดาที่สวมชุดสีแดงก็ได้เดินออกมาจากในหมอกนั้นช้าๆ
“นี่ก็คือ……ญาณิดา?”
นีย์ได้มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ รูปร่างหน้าตาของเธอ เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งยุค โดยเฉพาะดวงตาเหมือนกับน้ำคู่นั้น ที่เหมือนซ่อนคำพูดอยู่มากมาย
“สาวน้อยอย่างเธอนี้ ก็ไม่เคารพผู้อื่นเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเรียกชื่อฉันตรงๆ” ญาณิดาพูดกับนีย์
“คุณก็ยังเป็นสาวน้อยไม่ใช่เหรอ? จะว่าไปหากเทียบอายุแล้ว ก็ไม่แน่ว่าคุณจะอายุมากกว่าฉันนะ” นีย์พูด เมื่อเอ่ยถึงอายุหล่อนก็ได้มองค้อนไปทางรพีพงษ์ทีหนึ่ง
“งั้นเหรอ?”
ญาณิดาเม้มปากด้วยความชอบใจ จากนั้นก็พูดกับนีย์: “ถ้างั้นฉันขอถามเธอ เธออยู่ถึงพันปีแล้วเหรอ?”
“อะไร? พันปี?” นีย์มองญาณิดาอย่างตกตะลึง เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแล้ว อายุมากที่สุดก็น่าจะประมาณยี่สิบปี แต่นึกไม่ถึงว่าจะอยู่มาแล้วพันปี
“ทำไม ไม่พูดแล้วเหรอ ฉันก็พูดแล้วใช่ไหม เธอจะต้องเคารพผู้อาวุโสอย่างฉันแบบนี้สักหน่อย แม้ว่าฉันจะไม่แก่มาก” ญาณิดาพูดพร้อมหัวเราะ
“เลิกพูดจาไร้สาระสักที ตอนนี้ไม่ใช่ตอนที่จะมาเทียบว่าใครอายุมากกว่าใคร เมื่อกี้คุณหมายความว่าอะไร คุณอัญเชิญเพลิงภูติพวกนั้นออกมาใช่ไหม” รพีพงษ์ถามพร้อมชี้ไปยังญาณิดา
“คุณพูดถึงลูกบอลพลังทิพย์พวกนั้นเหรอ พวกมันเดิมทีก็อยู่ในวัดแห่งนี้ มันไม่ได้ถูกฉันอัญเชิญมาหรอกเมื่อกี้ฉันแค่นึกสนุก และเล่นกับพวกมันนิดหน่อย” ญาณิดาพูดอย่างผ่านๆ
รพีพงษ์กำกำปั้นเอาไว้แน่น ผู้หญิงคนนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เล่นกับลูกบอลพลังทิพย์อย่างอำเภอใจ จนเกือบจะเอาชีวิตของตัวเองกับนีย์แล้ว
“ผมได้ช่วยให้คุณมาถึงเขตต้องห้าม และได้ทำตามสัญญาแล้ว ตอนนี้ผมต้องการไปจากที่นี่ หวังว่าคุณจะไม่ขัดขวาง” รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น
ญาณิดามองรพีพงษ์: “คุณพูดถูก และก็พูดได้ทำได้จริงๆ เพียงแต่จะไปจากที่นี่เร็วขนาดนี้ มันก็จะเร็วเกินไปหน่อยใช่ไหมล่ะ?”
“ชิ คุณอย่ามาใช้มุกนี้นะ คุณญาณิดา ผมเคารพที่เมื่อก่อนคุณเคยช่วยผมไว้ แต่ว่าหากว่าคุณคิดว่าผมรพีพงษ์รังแกได้ง่ายแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคุณก็ผิดมากแล้ว ตอนนี้ผมต้องการไปจากที่นี่ ใครก็ขวางไว้ไม่ได้!”
ตอนที่พูด รพีพงษ์ก็ได้นำหินลั่วหงไว้ในมือ อีกมือหนึ่งได้ถือกระบี่สยบเซียนเอาไว้
“หากว่าคุณยังกล้าก้าวขึ้นมาอีกก้าว ผมจะสับหินลั่วหงเป็นชิ้นๆ”