พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1465 ทำให้ฉันเสียชื่อเสียง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1465 ทำให้ฉันเสียชื่อเสียง
“รพีพงษ์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” อารียาเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่
“คุณพาหนูลินไปอยู่ในนี้ ผมจะขึ้นไปถามดู” รพีพงษ์พูดกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
หลังจากนั้น เขาก็มาถึงตรงหน้าของผู้ชายที่คาบไม้จิ้มฟันคนนี้
“ทำไม ที่นี่……ถึงเข้าไปไม่ได้?” รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดกล่าวกับเขา
“ให้เข้าได้ แต่ก่อนเข้าไป จะต้องซื้อตั๋วก่อน”
ชายไม้จิ้มฟันมองไปที่รพีพงษ์พร้อมพูดกล่าวด้วยแววตาที่เอ้อระเหยลอยชาย
“ซื้อตั๋ว?”
รพีพงษ์ลูบๆที่จมูก เอ่ยถามทันทีว่า : “ที่นี่จะต้องซื้อตั๋วเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่อง?”
“เยสเข้ เรื่องที่นายไม่รู้มีเยอะแยะไป กลับไปอ่านหนังสือเถอะไป” ชายคาบไม้จิ้มฟันมีแววตาที่ทะนงตัวมาก: “ดูท่าทางของพวกคุณอย่างนี้ ก็คงเป็นลูกค้าที่มาจากที่อื่นสินะ อยากเข้าไปก็ซื้อตั๋ว ไม่อย่างงั้น ก็ใส่หัวไปซะ อย่ามาทำให้ธุรกิจของกูล่าช้า
ในตอนนี้ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะเข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่าหลังจากที่ตัวเองไปจากเมืองริเวอร์ ปราสาทคริสตัลแห่งนี้ก็ถูกปิดไม่ได้ใช้งานแล้ว
และคนเหล่านี้ก็เห็นแก่ตัวขายตั๋วที่หน้าประตู เพื่อให้ผู้อื่นเยี่ยมชม ถือวิสาสะเอาปราสาทคริสตัลเป็นของตัวเอง
“ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ที่นี่เป็นของรพีพงษ์ ตอนที่เขาไปจากเมืองริเวอร์ ก็ไม่เคยพูดว่าที่นี่จะต้องเก็บค่าตั๋ว แกทำเรื่องแบบนี้ที่นี่ ได้บอกเขาหรือเปล่า?ใครเป็นคนอนุญาตให้พวกแกทำ!” รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างเย็นชา
“โอ้โห ไอ้หมอนี้สำรวจมาละเอียดยิบเลยทีเดียวนะ”
ใบหน้าของชายคาบไม้จิ้มฟันยิ้มเจ้าเล่ห์: “ทำไม ถึงยังไงปราสาทคริสตัลก็ถูกปิดไม่ให้ใช้งานแล้ว มาเก็บค่าเข้าชมหน่อยจะทำไมเหรอ ไม่เพียงแค่นี้ ฉันยังมีบริการฉลองงานแต่งงานอีกนะ คนนอกพื้นที่ก็ดี หรือว่าจะเป็นคนในท้องถิ่นก็ดี ต่างก็อยากจะมาจัดงานแต่งงานที่นี่ทั้งนั้น ก็ยังคงยืนยันคำเดิม ถ้าแกอยากจะเข้าไป ก็ต้องซื้อตั๋วก่อน ”
รพีพงษ์เหล่ตามองไปยังอีกฝ่าย ในตอนนั้น งานแต่งงานที่สุดโรแมนติกระหว่างเขากับอารียาก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง
หนุ่มสาวจำนวนมากต่างก็อยากจะทำเหมือนกับรพีพงษ์พวกเขา เข้ามาจัดงานในปราสาทคริสตัลของตัวเอง
นี่ก็ไม่มีอะไรพอที่จะเป็นความผิดพอที่จะวิจารณ์ได้ รพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนที่ขี้เหนียว ปราสาทคริสตัลแห่งนี้เปิดให้เข้าชมแบบฟรีๆมาโดยตลอด เพียงแค่ ตอนที่จัดงานแต่งงาน จำเป็นจะต้องทำการนัดหมายกับปารินทร์นักออกแบบชุดแต่งงานให้กับอารียาล่วงหน้าสักหน่อยก็เท่านั้น
“พวกแกทำอย่างนี้ ปารินทร์เป็นคนอนุญาตเหรอ?” รพีพงษ์พูดถาม
“เยสเข้ แม้แต่ชื่อของคุณปารินทร์แกก็ยังรู้ พ่อหนุ่ม รู้จักคนเยอะเลยทีเดียวนะ!” ชายคาบไม้จิ้มฟันยิ้มเบาๆพร้อมพูดว่า : “ตอนนี้คุณปารินทร์เขายุ่งมาก ในหนึ่งปีส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่เมืองนอก เขาสามารถดูแลได้มากขนาดนี้ซะที่ไหนกันล่ะ.
“โอ๋ ในเมื่อพูดมาแบบนี้ นี่ก็เป็นพฤติกรรมส่วนตัวของพวกแกนะสิ” รพีพงษ์เข้าใจแล้ว
“พอแล้ว หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว ไม่อยากซื้อตั๋วก็ไสหัวออกไปซะ กูไม่ได้มีเวลาว่างมากหรอกนะ”
พูดแล้ว ชายคาบไม้จิ้มฟันก็เตรียมตัวที่จะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน”
รพีพงษ์ดึงอีกฝ่ายไว้แล้ว ชายคาบไม้จิ้มฟันโมโหพยายามที่จะสลัดออก แต่กลับพบว่าพละกำลังของชายหนุ่มที่เผชิญอยู่นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ตัวเองไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปได้เลย!
“แกจะทำอะไร?หาเรื่องเหรอ?” ชายคาบไม้จิ้มฟันพูดกล่าวอย่างโมโห
“ฉันขอถามแกหน่อย ถ้าหากรพีพงษ์มาเองล่ะก็ พวกแกก็จะทำแบบนี้?นี่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขานะ!”
“รพีพงษ์เหรอ?เหอะๆ” รพีพงษ์หัวเราะเสียงดังพร้อมกล่าวว่า: “เขาจะกลับมาได้ยังไง ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่เกียวโต หรือไม่ก็เที่ยวรอบโลกอยู่ เมืองริเวอร์เล็กๆนี้ เขาไม่มีทางกลับมาแน่”
“ใครบอกว่าเขาไม่มีทางกลัมาล่ะ?” รพีพงษ์มองไปยังอีกฝ่าย
“ใครจะยอมปล่อยเกียวโตที่เจริญรุ่งเรืองไปได้ กลับมาที่เมืองริเวอร์เล็กๆแห่งนี้ อีกอย่างนะ เมืองริเวอร์สำหรับรพีพงษ์แล้ว ก็ถือว่าเป็นเมืองแห่งความเศร้า ตอนนั้นมีใครบ้างล่ะที่ไม่รู้ว่าเขาก็เป็นเศษสวะคนหนึ่งเท่านั้น แต่ว่า ต่อมาจู่ๆก็ทำให้ชีวิตของไอ้หมอนี่ผกผันแล้ว กลับว่าคิดไม่ถึงเลย” ชายคาบไม้จิ้มฟันพูดกล่าว
“ฉันก็คือรพีพงษ์” จู่ๆรพีพงษ์ก็พูดออมา นัยน์ตาเป็นประกาย
เขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ตัวเองออกจากเมืองริเวอร์ไป จู่ๆจะมีคนเอาปราสาทคริสตัลไปครอบครองเป็นของตัวเอง
พฤติกรรมอย่างนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถอดทนได้ ถึงอย่างไร ทำแบบนี้ คนที่ไม่รู้ก็ยังคงคิดว่าเป็นตัวเองที่บอก และอนุญาตให้คนเหล่านี้มาทำ สำหรับชื่อเสียงของตัวเอง และชื่อเสียงของตระกูลลัดดาวัลย์ ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายอย่างมากที่สุด
“แกคือรพีพงษ์?”
ชายคนนั้นแสดงสีหน้าที่แปลกประหลาด สังเกตรพีพงษ์อยู่นาน สุดท้ายก็หัวเราะดังฮ่าฮ่าฮ่าออกมา : “ช่างมันเถอะ แกปลอมตัวเป็นใครไม่ได้ ก็เลยปลอมตัวเป็นรพีพงษ์ ?ถ้าแกเป็นรพีพงษ์จริงๆ ฉันก็คือพ่อของรพีพงษ์!”
ป้าง!
รพีพงษ์พุ่งหมัดออกไปเลย ต่อยจมูกของอีกฝ่ายจนมีเลือดไหลออกมาแล้ว
“ไอ้พวกคนชาติหมา ในปากมีแต่เรื่องเพ้อเจ้อ!” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
แต่ว่า ที่อีกฝ่ายไม่รู้จักตัวเองกลับทำให้เขาคิดไม่ถึงเลย พอๆคิดแล้วก็คือ ตัวเองฝึกตนเป็นเวลานาน อาจจะทำให้รูปร่างและใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว
แล้วอีกอย่าง ตอนนี้รพีพงษ์คนทั้งคนก็มีบุคลิกลักษณะและความมีออร่าที่แข็งแกร่งมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว อีกฝ่ายมีตาหามีแววไม่ ซึ่งพอให้อภัยได้
“ดีเลย คนที่มาจากที่อื่นเพียงลำพัง จู่ๆก็กล้ามาหาเรื่องที่เมืองริเวอร์ของเรา”
ชายหนุ่มโมโหอย่างมาก พูดสโลแกนเสียงดังกังวาน ข้างๆปราสาทคริสตัล ในบ้านที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว ทันใดนั้นก็มีคนห้าคนออกมาแล้ว
คนเหล่านี้ต่างก็ดุร้ายและน่ากลัว ในมือถือพวกแท่งเหล็กแท่งไม้
“แม่คะ เหมือนว่าพ่อจะทะเลาะกับคนเขานะคะ?หนูลินชี้ไปยังตำแหน่งของรพีพงษ์”
อารียามองไปทางนั้น กลับว่าไม่มีแววตาที่เป็นกังวลสักนิด เธอทำเพียงแค่จับมือน้อยๆของหนูลินไว้ พูดเสียงเบาๆ : “ไม่มีอะไรนะ หนูลิน ในนั้นยังมีการแสดงแสงสีเสียงด้วย ไปกัน แม่จะพาหนูไปดูก่อนนะ”
หนูลินพยักหน้าแล้ว เดินตามอารียาออกไปไกล
สายตาของรพีพงษ์เห็นภาพฉากนี้แล้ว ในใจของเขาก็รู้ดีอย่างมาก อารียาไม่อยากให้หนูลินที่อายุน้อยต้องมาเห็นตัวเองลงไม้ลงมือจัดการ เพราะว่า ภาพฉากนั้นค่อนข้างที่จะโหดร้าย
เมื่อเห็นว่าหนูลินเดินออกไปไกล รพีพงษ์ก็ไม่ได้เป็นกังวลอะไรอีกแล้ว
เขามองไปยังทั้งหกคนอย่างเยือกเย็น : “ดูเหมือนว่า คนที่เก็บค่าตั๋ว ก็คือพวกแกนี่แหละ?”
“เยสเข้ ไอสารเลว ทำกูได้รับบาดเจ็บ วันนี้กูจะต้องสั่งสอนมึงสักหน่อยแล้ว!พรรคพวก เข้าไปจัดการ!”
ชายคาบไม้จิ้มฟันระเบิดเสียงดัง ลูกน้องทั้งห้าคนวิ่งกรูเข้าไปยังรพีพงษ์เลย ปกติคนพวกนี้ก็วางอำนาจบาตรใหญ่กันจนชินแล้ว เห็นว่ารพีพงษ์ตัวคนเดียว ก็ยิ่งจะไม่เกรงกลัวเลย
แท่งไม้และแท่งเหล็กในมือพุ่งเข้าไปยังตัวของรพีพงษ์เลย
รพีพงษ์กลับว่าไม่มีการเคลื่อนไหวเลย เพียงแต่สายตาจ้องมองไปยังชายคาบไม้จิ้มฟันอย่างมาก
ชายไม้จิ้มฟันมองไปยังรพีพงษ์อย่างดูถูกดูแคลน ลืมเรื่องที่เลือดออกจากทางจมูกไปแล้ว
“พ่อหนุ่ม ดูเหมือนว่าก็แค่พลังเยอะหน่อย ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าตกใจจนอึ้งไปแล้ว”
พูดแล้ว เขาก็พูดตะโกนอย่างมีความสุขว่า : “ตีให้หนักๆเลย ตีจนให้เขาต้องร้องขอความเมตตา!”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทั้งห้าคนนี้เอาอาวุธทำร้ายคนมาโจมตีรพีพงษ์ กลับว่าเหมือนทุบลงบนกำแพงยังไงยอย่างนั้น
รพีพงษ์ได้ฝึกตนกังฟูเสนครึ่งหลังแล้ว สามารถรวบรวมพลังเพื่อป้องกันได้ทุกส่วนของร่างกาย
การป้องกันแบบนี้ ล้วนแต่สามารถต่อสู้กับพลังจิตวิญญาณของฉันท์ชนกได้ ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแท่งไม้และแท่งเหล็กเหล่านี้เลย
ทันใดนั้น อาวุธที่อยู่ในมือของทั้งห้าคนก็ถูกหักสะบั้นทั้งหมด
คนเหล่านี้มองไปยังรพีพงษ์อย่างไม่พูดไม่จา ทำท่าอย่างกับเห็นผีแล้วยังไงอย่างนั้น
“นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”
“พ่อหนุ่มคนนี้ แข็งแกร่งมากจนไม่มีทางทำอะไรได้เลยงั้นเหรอ?”
“เยสเข้ เจอผีแล้ว!”
รพีพงษ์มองไปยังพวกเขาอย่างเยือกเย็น ระหว่างหายใจ ในอากาศก็ปรากฏเงาที่โหดเหี้ยมแล้ว รพีพงษ์ก็มาถึงตรงหน้าของชายคาบไม้จิ้มฟันแล้ว
ชายคาบไม้จิ้มฟันเกิดอาการหวาดกลัวอย่างมาก เขาไม่เห็นเลยว่าอีกฝ่ายมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ก็มาถึงตรงหน้าของตัวเองแล้ว
“คุณ……คุณอย่าลงไม้ลงมือนะ ผม……ผมกลัวคุณแล้ว?” ชายไม้จิ้มฟันพูดกล่าว
รพีพงษ์หันหลังกลับไปมองอีกห้าคนที่อยู่ข้างหลังอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง แอบปล่อยพลังจิตวิญญาณ!
เพียงแวบเดียว ทั้งห้าคนก็ราวกับว่าได้รับการโจมตียังไงอย่างนั้น ล้มลงไปกับพื้นเลย
ชายคาบไม้จิ้มฟันคนนี้ที่อยู่ในกำมือของรพีพงษ์คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตึง มีกระแสน้ำอุ่นไหลทะลักออกมาระหว่างขาทั้งสองขา
“ฉันถามแกว่า ใครอนุญาตให้แกทำแบบนี้” รพีพงษ์พูดถามอย่างเยือกเย็น
“พี่ใหญ่ของฉันก็คือ……คือทิทยุ” ชายคาบไม้จิ้มฟันพูดกล่าวอย่างตัวสั่น
“ทิทยุ?” รพีพงษ์พูดในลำคอ ไม่เคยได้ยินชื่อๆนี้มาก่อนเลย
เมืองริเวอร์ยังมีคนที่สุดยอดอย่างนี้อยู่อีกเหรอ?
“และก็พูดได้อีกว่า ที่พวกแกแอบทำการขายตั๋วเป็นการส่วนตัว ก็เพราะทิทยุคนนี้สั่งให้พวกแกทำแบบนี้เหรอ?” รพีพงษ์พูดถาม
“ใช่ ใช่ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะมีความกล้าหาญที่จะทำอย่างนี้ได้ยังไงกันละครับ” ชายคาบไม้จิ้มฟันพูดกล่าว
“ได้ แกโทรศัพท์หาทิทยุเดี๋ยวนี้เลย ให้เขามาที่นี่!” รพีพงษ์พูดกล่าว
“ห่ะ?โทรหาตอนนี้?” ชาบคาบไม้จิ้มฟันเอ่ยถาม
“ถูกต้อง ฉันจะรอเขาอยู่ที่นี่” รพีพงษ์พูดจาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ชาย ผมขอแนะนำคุณนะ เอารัดเอาเปรียบกันแล้วก็รีบไปเถอะ ในเมืองริเวอร์นี่ เฮียทิทไม่ใช่คนที่คุณจะสามารถล่วงเกินได้นะ”
“เหรอ?” รพีพงษ์มองไปยังอีกฝ่ายอย่างสัพยอก
“คุณไม่รู้หรอกนะว่า เบื้องหลังของฮียทิท นั่นก็เป็นถึงราชาใต้ดินแห่งเมืองริเวอร์ของพวกเรา ธฤตญาณ” ชายคาบไม้จิ้มฟันพูดกับรพีพงษ์
“ธฤตญาณ?” นัยน์ตาของรพีพงษ์สาดส่องรอยยิ้มที่สัพยอกออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า : “งั้นฉัน……ก็ยิ่งจะต้องพบเขาแล้ว”