พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1474 หน้าไม่อายจริงๆ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1474 หน้าไม่อายจริงๆ
“ผมยอมจ่าย แค่พันหยวนเอง ผมจ่ายได้!”
ชายวัยกลางคนก็ควักเศษเงินออกมาจากหน้าอก มีทั้งธนบัตร50หยวน 20หยวน แล้วก็1หยวน แค่ดูก็รู้ว่าไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหน ช่างเหมาะสมกับที่เป็นคนเก็บของเก่าจริงๆ
“คุณลองนับดู ว่าในนี้ครบพันหยวนไหม ถ้าไม่พอ เดี๋ยวผมจะกลับไปเก็บรวบรวมเพิ่ม ไม่ว่าอย่างไร นี่มันจะเป็นโอกาสที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้ ผมจะต้องคว้ามันไว้!” ชายวัยกลางคนพูดกับชายหนุ่ม แล้วก็เอาสองมือยื่นเงินให้กับฝั่งตรงข้าม
“ผมจับเงินไม่ได้ เอาไปใส่ไว้ในตู้ทำบุญข้างๆ แล้วกัน” ชายหนุ่มยิ้มพูด แล้วชี้ไปยังกล่องกระดาษสีแดงที่เตรียมไว้แล้ว
“พี่ชายขัดสนทางการเงิน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะไม่นับเงินก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มยิ้มพูด
หลังจากที่เอาธนบัตรต่างๆ ใส่ลงไปในกล่องทำบุญแล้วนั้น ชายหนุ่มก็เอาป้ายรูปดาวสีทองออกมาจากถุงผ้า
“เอาป้ายนี้ไปที่สำนักเทพยาเซียน เดี๋ยวจะมีคนคอยต้อนรับคุณเอง ถ้าคุณไม่วางใจล่ะก็ หลังจากวันนี้ก็ไปสำนักเทพยาเซียนพร้อมกับผมก็ได้” ชายหนุ่มกล่าว
“ขอบคุณมาก ขอบคุณศิษย์พี่” ชายวัยกลางคนโค้งคำนับชายหนุ่มอย่างนับถือ จากนั้นก็หันมามองทุกคน “ขอบคุณทุกคนมาก ไม่คิดเลยวันนี้ผมจะได้เจอเรื่องดีๆ แบบนี้ ผมไม่รู้เลยว่าในตัวคนเก็บขยะอย่างผมจะมีพรสวรรค์แบบนี้ ทุกท่านรักษาตัวแล้วกัน ผมจะไปกลั่นยาที่สำนักเทพยาเซียนแล้ว”
พูดจบ ชายวัยกลางคนก็เดินลงเวทีไป ทุกคนเห็นชายวัยกลางคนที่ดีใจอย่างบ้าคลั่ง สายตาก็จ้องมองจนเขาเดินออกจากห้างไป
“ทุกท่าน ยังมีใครที่อยากจะลองอีกไหม?” ชายหนุ่มยิ้มพูด
แสดงไปพอสมควรแล้ว ต่อไปจะเป็นของจริงแล้วล่ะ
ในใจทุกคนก็อยากจะลอง เมื่อครู่ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเก็บของเก่า เป็นแค่คนที่ดูไม่ได้คนหนึ่ง แต่กลับมีพรสวรรค์ในการกลั่นยา
เขามีดี แล้วทำไมตนเองจะไม่มีบ้างล่ะ?
ในใจทุกคนก็เริ่มคิดแบบนี้ โดยไม่รู้เลยว่า ที่ชายหนุ่มบนเวทีต้องการ ก็คือผลลัพธ์ทางความคิดแบบนี้
“ผมขอลอง”
ด้านล่างเวที มีชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้น “ช่วยผมตรวจดูหน่อยได้ไหม ว่าผมมีพรสวรรค์ในการกลั่นยาหรือเปล่า ถ้ามีจริงๆล่ะก็ มรดกเป็นล้านของตระกูลผมก็ไม่สืบทอดแล้ว ถ้าได้กลั่นยาจริงๆล่ะก็ ยาเม็ดเม็ดเดียวก็มากกว่ามรดกนับล้านของตระกูลแล้ว”
ชายหนุ่มยกมือคำนับพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็เชิญพี่ชายท่านนี้ขึ้นเวทีมาเลยครับ ให้ผมได้จับดูโครงกระดูกของคุณหน่อย”
ชายหนุ่มด้านล่างก็ขึ้นเวทีไป แล้วยกมือคำนับพูดเหมือนกันว่า “ไม่ทราบว่าศิษย์พี่สำนักเทพยาเซียน มีชื่อแซ่ว่าอะไร ถ้าวันข้างหน้าได้เป็นศิษย์ร่วมสำนักกันจริงๆล่ะก็ จะได้เรียกอย่างถูกต้อง”
“กระผมมีชื่อว่า นทีนท” ชายหนุ่มยิ้มพูด “ในเมื่อพี่ชายจริงใจเช่นนี้ งั้นผมก็จะช่วยคุณจับโครงกระดูกให้คุณเอง”
พูดจบ เขาก็ทำเหมือนก่อนหน้านี้ เริ่มหลับตาแล้วลูบคลำโครงกระดูกคนนี้
ผู้คนด้านล่างเวทีก็มองขึ้นไป แต่ว่าครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ไอพลังสีขาวไม่ได้พลุ่งพล่านออกมา
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที นทีนทก็ลืมตาขึ้น แล้วพูดกับคนฝั่งตรงข้ามว่า “ต้องขอโทษพี่ชายท่านนี้ด้วยนะครับ ในตัวของพี่ไม่มีชี่แท้ให้ผมได้รับรู้ได้เลย ดังนั้น คุณก็เลยไม่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยาเลย เชิญกลับลงไปด้วยครับ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ชายคนนั้นมองนทีนทอย่างแปลกใจ “ไอ้แก่นั่นยังมีพรสวรรค์เลย ทำไมผมถึงไม่มี?”
นทีนทแค่ยิ้มตอบ และไม่ได้พูดอะไร
“แม่ง ก็แค่พันหยวนเอง เดี๋ยวผมให้เพิ่มเป็นสิบเท่าเลย คุณลองอีกครั้งสิ!”
นทีนทส่ายหัว “ต่อให้ลองอีกสิบครั้งก็เหมือนเดิมครับ”
พูดถึงจุดนี้ สายตาของเขาก็มองไปยังทุกคน “คนที่มีพรสวรรค์ จ่ายพันหยวนก็พอ แต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยา ต่อให้ย้ายภูเขาทองคำมาให้ ผมก็ไม่มีทางรับไว้แน่ เพราะว่า คนที่ไม่มีพรสวรรค์ก็คือคนที่ไม่มีพรสวรรค์”
ทุกคนก็พยักหน้ารัวๆ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่ชื่อนทีนทนี้ จะเป็นคนที่มีหลักการแน่วแน่จริงๆ
“เป็นคนของสำนักเทพยาเซียนจริงๆ ไม่ถูกความโลภเข้าครอบงำ”
“นั้นสิ งั้นพวกเราก็ไปลองกันหน่อยดีไหม ถ้ามีพรสวรรค์ก็ดีเลย ถ้าไม่มีพรสวรรค์ พวกเราก็ไม่ต้องจ่ายเงินอะไร”
ทุกคนเริ่มคุยกัน
บนเวที ชายหนุ่มคนนั้นเริ่มเก็บสีหน้าไว้ไม่ได้แล้ว
“เห้ย กูพูดมึงไม่ได้ยินหรือไง สำนักเทพยาเซียนแล้วไงวะ”
“พี่ชายท่านนี้ ผมขอบอกอีกครั้งนะครับ คุณไม่มีพรสวรรค์ เชิญลงไปจากเวทีด้วยครับ” นทีนทกล่าว
“กูไม่ลง” ชายคนนั้นพูดดื้อดัน
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ต้องเสียมารยาทหน่อยแล้วล่ะ”
พูดจบ นทีนทก็ใช้สองมือยกขึ้น ชายหนุ่มที่มีน้ำหนัก50กว่ากิโลถูกเขาขึ้นอย่างง่ายดาย แล้วก็ถูกโยนลงเวทีไป
พอเห็นนทีนทเผยฝีมือออกมาแบบนี้ ครั้งนี้ ทุกคนก็เริ่มเชื่ออย่างสนิทใจ
“ผมขอลองหน่อย”
“ช่วยผมตรวจดูหน่อย”
“ผมได้เตรียมเงินไว้แล้วพันหยวน ตรวจให้ผมก่อน!”
ทุกคนเริ่มอยากทดลอง แล้วกรูกันเข้าไปบนเวที
“อย่ารีบร้อนครับ มาทีละคน” นทีนทยิ้มพูด
น่าจะมีประมาณ300กว่าคน ในใจของเขาได้วางแผนไว้หมดแล้ว ครึ่งหนึ่งบอกว่าไม่มีพรสวรรค์ อีกครึ่งหนึ่งบอกว่ามีพรสวรรค์
แบบนี้แค่ในหนึ่งชั่วโมง ก็จะมีรายได้หนึ่งแสนห้าหมื่นโดยประมาณ และวันนี้ตนเองได้ตกลงกับผู้จัดการห้างไว้แล้ว ว่าจะจัดเวทีที่นี่หนึ่งวัน ลองคิดดูแล้ว แค่วันเดียวก็จะได้เงินเป็นล้าน นี่มันไม่ใช่ความฝันเลยนะเนี่ย
ด้านล่างเวที พวกของรพีพงษ์ก็กำลังมองนทีนทด้วยสายตาเย็นๆ
“ไอ้หมอนี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นนักฝึกวิชาเหมือนกัน” รพีพงษ์พูดเบาๆ
ไอพลังสีขาวนั่น ก็คือชี่แท้ในร่างกายเขาที่ปล่อยออกมา ส่วนที่ใช้มือยกชายหนัก50กว่านั้น สำหรับคนที่ฝึกวิชาแล้วนั้น มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“นักฝึกวิชางั้นหรือ? งั้นคุณคิดว่า วิชาของหมอนั่นกับฉัน ใครสูงกว่ากัน?” ฝนสุดาถาม
“สู้คุณไม่ได้แน่นอน” รพีพงษ์ยิ้มตอบ
ฝั่งตรงข้ามมีระดับแค่แดนปรมาจารย์เท่านั้น แต่ตอนนี้ฝนสุดาอยู่ในระดับแดนดั่งเทพ
“งั้นก็ดี” ฝนสุดากล่าว สายตาก็เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา
“คุณคิดจะทำอะไร?”
“จะทำอะไรล่ะ?เหอะ ฉันก็จะไปจับโครงกระดูกหมอนั่นดูน่ะสิ。”
พูดจบ ฝนสุดาก็ปลายเท้าแตะพื้น แล้วกระโดดขึ้นไปบนเวที
คนด้านล่างเวทีก็แย่งกันขึ้นเวที ส่วนนทีนทก็ยุ่งกับการจับโครงกระดูกไป ยุ่งกับการรับเงินไปด้วย พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าฝนสุดาขึ้นเวทีมาได้อย่างไร
“รพีพงษ์ สุดาจะไม่เกิดเรื่องใช่ไหม” อารียาพูดอย่างเป็นกังวล
“เกิดเรื่องงั้นหรือ?” รพีพงษ์ยิ้มพูด “เกรงว่า ตอนนี้ควรจะกังวลกับความปลอดภัยของนทีนทหมอนั่นมากกว่า”
ทางนี้ หลังจากฝนสุดาขึ้นเวทีไป พลังจิตวิญญาณในกายก็เริ่มปล่อยออกมา ได้เปิดออกเป็นทางออกมาเลย
ด้วยความเร็วสิบกว่าวินาที นทีนทที่กำลังรีบจับโครงกระดูกให้ทุกคนอยู่นั้น ข้างหูของเขาก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของผู้หญฺงขึ้นมา
“ศิษย์พี่ท่านนี้ ช่วยฉันตรวจดูหน่อยสิ”
“รอเดี๋ยว ไม่เห็นหรือว่าผมกำลังยุ่งอยู่ คุณไปต่อแถวเลย!”
นทีนทพูดอย่างรีบร้อนไม่สนใจ แล้วก็เหลือบไปเห็น
แค่แวบเดียว นทีนทก็เหมือนกับถูกสกัดจุด ละสายตาไม่ได้อีก
เขามองสาวสวยอ่อนโยนข้างๆ เรือนร่างสวยสะพรั่ง อึ้งกันไปเลยทีเดียว
“ในเมื่อพี่ชายสุดหล่อพูดแบบนี้ งั้นฉันก็ไปต่อแถวแล้วนะ แต่ว่าฉันมีเวลาจับกัด เดี๋ยวก็จะต้องไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะทันถึงคิวฉันหรือเปล่านี่สิ”
พูดไป ฝนสุดาก็ทำสีหน้าเศร้าๆ แล้วก้มหน้าหันหลังจะไปต่อท้ายแถว
“รอเดี๋ยว!”
นทีนทคนนี้ก็มีความกล้าไม่น้อย ใช้มือคว้าแขนของฝนสุดาไว้ทันที
การสัมผัสครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดา นทีนทรู้สึกว่าผิวพรรณของฝั่งตรงข้ามเนียนเด้งมือมาก มันชุ่มชื้นจนแทบจะบีบน้ำออกมาได้
“ทำไมหรือคะ?” ฝนสุดาทำตาโต แล้วมองฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ในเมื่อคุณผู้หญิงมีเรื่องที่จะต้องรีบไปจัดการ งั้นผมก็จะยกเว้นให้ จะตรวจดูให้คุณก่อนเลย” นทีนทใช้สายตามองไปทั้งเรือนร่างของสุดา ปากก็พูดไปด้วยพร้อมกัน
ด้านล่างเวที รพีพงษ์และอารียาก็เห็นทั้งหมดอย่างชัดเจน
การเย้ายวนคนของฝนสุดา รพีพงษ์เคยเห็นมากับตาแล้ว ต่อให้รพีพงษ์มีสมาธิหนักแน่น ก่อนหน้านี้ก็เกือบเสียสมาธิเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนทีนทบ้ากามคนนี้เลย
“เอ่อ มันจะดีหรือคะ? ”
“ผมบอกว่าได้ ก็ต้องได้สิ” นทีนทยิ้มมองใบหน้าน้อยๆ ของฝนสุดา “วางใจเถอะ คุณผู้หญิง เดี๋ยวผมจะต้องใจลูบคลำโครงกระดูกของคุณผู้หญิงอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมเลย”
“อืม ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รบกวนด้วยนะคะ” ฝนสุดาพูดเสียงต่ำ