พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1479 ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1479 ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว
ประถูกเปิดออก คนสองคนในเฮลิคอปเตอร์ก็ขนของลงมา
“นี่คือ……”
พอเห็นข้าวของที่ถูกห่อไว้อย่างดี จิรภัทรและคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าของด้านในนั้นคืออะไร
“เปิดออกเลย!”
รพีพงษ์กล่าว
กล่องไม้ถูกเปิดออก จิรภัทรและคนของสำนักเทพยาเซียนทั้งหลายก็อึ้งไป
เพราะว่า ด้านในกล่องใหญ่พวกนั้น มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ของประเทศจีน แถมยังมีหนังสือที่หายสาบสูญไปนานแล้วจำนวนมาก
“เจ้าจิรภัทร หลังจากที่ผมจากสำนักละก็เซียนไปครั้งก่อน ผมคิดว่าในถ้ำของสำนักเทพยาเซียน ถึงแม้จะมีหนังสือมากมาย แต่มันยังไม่ครบทุกด้าน ดังนั้น ผมก็หาหนังสือพวกนี้มาเท่าที่จะหาได้ ตอนนี้ผมเอามาให้คุณครับ ไม่รู้ว่าคุณจะชอบมันหรือเปล่า”
“ชอบสิๆ ชอบมากเลย!”
จิรภัทรพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นนักกลั่นยา แต่นักกลั่นยาจะพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยหนังสือวิชาการแพทย์แผนโบราณพวกนี้นี่แหละ
สำหรับพวกเขาแล้วนั้น หนังสือพวกนี้มีค่ากว่าอัญมณีใดๆ เสียอีก
“มีหนังสือโบราณพวกนี้เป็นแหล่งอ้างอิง พวกเราก็สามารถคิดหาสูตรยาเม็ดใหม่ๆ ขึ้นมาได้” จิรภัทรพูดกับรพีพงษ์อย่างซาบซึ้ง
ตอนกำลังพูดนั้น เฮลิคอปเตอร์ลำที่สองก็ค่อยๆ ลงจอด
เครื่องบินยังไม่ทันแตะพื้นดิน ปยุตก็ขยับจมูก แล้วพูดเสียงดังว่า “เหล้า กินเหล้าหอมกรุ่นเข้ามาเลย!”
รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ ปยุตคนนี้ เห็นเหล้าเท่าชีวิตจริงๆ
ประตูเครื่องบินเปิดออก เหล้าเก่าเก็บถูกขนลงมาทีละไห
ทั้งเหล้าขาว เหล้าสี ไวน์ แชมเปญ……….
ที่รพีพงษ์ขนมาหลายหลังนี้ แทบจะเอาเหล้าจากทั่วโลกมาเลย
“เหล้าพวกนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของโรงเหล้าที่มีชื่อเสียงในโลก ปยุต ในนั้นอันแรกเป็นเหล้าที่นีโลทกลั่นเองกับมือ”
พูดจบ รพีพงษ์ก็เปิดกล่องแรกออก มันมีทั้งหมด8ไห!
พอปยุตผู้รอบรู้เรื่องเหล้าได้ยินว่ามีเหล้าตั้ง8ไหใหญ่ๆ แถมคุณภาพก็ยังไม่ได้แย่ไปกว่าเหล้าที่จิรภัทรเก็บไว้
เฮลิคอปเตอร์สองลำแรกบินกลับออกไป จากนั้นก็ลงจอดอีกสองลำ
“พวกนี้คือ?”
ทุกคนก็รอคอย ของขวัญที่รพีพงษ์เตรียมมา แต่ละอย่างมีค่าควรเมืองทั้งนั้น
“ในเฮลิคอปเตอร์สองลำนี้เป็นพวกเสื้อผ้า ผมเห็นว่าคนในสำนักเทพยาเซียนสวมใส่เสื้อผ้าเก่ากันแล้ว ก็เลยถือวิสาสะ ซื้อพวกเสื้อผ้ามาให้ทุกคน” รพีพงษ์กล่าว
“ขอบคุณมากประมุกรพี。”
จิรภัทรพูดเสียงต่ำ
ทางนี้ก็ไม่ใช่จะยากจะเรียบง่ายอะไรมาก กลับกัน แต่หลักๆ ก็เพราะว่าไม่สะดวกลงเขา และอยู่ห่างจากตัวเมือง ดังนั้น ผู้หญิงแบบจิลลาก็เลยละทิ้งความชอบที่ต้องไปซื้อเสื้อผ้า
“รพีพงษ์ คุณจ่ายเยอะเลยนะเนี่ย เหมาชองเอลิเซ่มาครึ่งหนึ่งเลยใช่ไหมเนี่ย?”
อารียาพูดอย่างแปลกใจ
“ถึงว่าก่อนหน้านี้ฉันไปที่ฝรั่งเศษ ใจอยากจะซื้อแฟชั่นใหม่ของปีนี้ แต่หาซื้อไม่ได้ พนักงานบอกว่ามีคนมาจองไปหมดแล้ว ที่แท้มาอยู่ที่นี่หมดแล้วนี่เอง และคนที่ซื้อไปหมด ก็คือคุณนี่เอง”
ฝนสุดาพูดอย่างอึ้งๆ ออกมาเหมือนกัน
รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ เสื้อผ้าพวกนี้เป็นเสื้อผ้าที่ช่างตัดเสื้อที่มีชื่อเสียงระดับโลกตัดขึ้นมา ตนเองก็อาศัยความสัมพันธ์หลายช่องทางถึงซื้อมาได้มากขนาดนี้
“ดีเลย ประมุกรพี น้ำใจของคุณผมรับไว้แล้วล่ะ ของมากมายขนาดนี้ เพียงพอที่จะแสดงถึงความจริงใจของคุณแล้ว จริงๆแล้ว ที่สำนักเทพยาเซียนของพวกเราได้ต้อนรับประมุกรพี นับว่าเป็นเกียรติมากกว่าอีก” จิรภัทรพูดอย่างเกรงใจ
“ของขวัญก็มีเท่านี้ก่อนนะครับ ส่วนของในเฮลิคอปเตอร์ที่เหลือ เตรียมไว้ให้ภรรยาและลูกสาวผม” รพีพงษ์กล่าว “รบกวนเจ้าจิรภัทรหาสถานที่เก็บลังพวกนี้หน่อยนะครับ”
“ได้เลย สำนักเทพยาเซียนของพวกเรามีคลังเก็บของอยู่ ขนาดก็ใหญ่ สามารถเอาไปเก็บได้เลย”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วโบกมือเรียกลูกน้องให้เอาลังพวกนี้ไปเก็บ
“พ่อคะ ของขวัญที่จะให้หนูคืออะไรคะ”
“เดี๋ยวของมาถึง หนูก็ได้เห็นแล้วนะ” รพีพงษ์ยิ้มพูด
จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้ายก็มาลงจอด ครั้งนี้ไม่ใช่ของขวัญอะไร แต่มีคนหนึ่งเดินลงมา
“พี่สาหรือเนี่ย?” อารียามองหญิงวัยกลางคนคนนี้
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง” ชนิสรายิ้มมองพวกเขา
“คุณย่าสา”
หลังจากหนูลินเห็นชนิสรา ก็รีบวิ่งออกไปหา
“หนูลิน คิดถึงจังเลย เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่านะ” ชนิสราถาม
“ค่ะ” หนูลินพยักหน้าแรงๆ
ชนิสราดูแลหนูลินมานาน คนแก่กับเด็กคนนี้สนิทกันมาก
ด้วยเหตุนี้ รพีพงษ์ถึงให้เฮลิคอปเตอร์ไปรับชนิสรามาด้วย
“ขอบคุณคุณมากนะ รพีพงษ์” อารียาพดกับรพีพงษ์
ตนเองกังวลที่สุดก็คือ ถ้าตนเองเริ่มฝึกวิชากับรพีพงษ์แล้ว จะไม่มีใครดูแลหนูลิน ตอนนี้พี่สามาด้วย แบบนี้ความกังวลของอารียาจะได้หายไปเสียที
“วางใจเลย เรื่องที่ผมรับปาก ผมต้องทำได้แน่” รพีพงษ์ยิ้มพูด “ไม่เพียงเท่านี้นะ ผมได้ไปหาศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชิงชัย เขารับปากผมแล้ว ว่าจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาที่สำนักเทพยาเซียนอาทิตย์ละครั้ง เพื่อมาสอนหนังหนูลิน ดังนั้นการศึกษาของลูกก็จะรอช้าไม่ได้”
อารียาพยักหน้าเบาๆ จุดนี้ตนเองยังคิดไม่ถึงเลย แต่รพีพงษ์กลับคิดได้รอบคอบมาก
“ศาสตราจารย์ปรีดิท ใช่คนที่ชื่อปรีดิท ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชิงชัยใช่ไหม?” หงส์ถามอย่างสงสัย
“ถูกต้อง คุณรู้จักหรือ?” รพีพงษ์ถาม
“แน่นอน ฉันน่ะเป็นลูกศิษย์ของเขา” หงส์พูดอย่างภูมิใจ “ศาสตราจารย์ปรีดิทมีความรู้ทั้งสมัยใหม่และสมัยโบราณ แทบไม่มีวิชาไหนที่ไม่รู้ คนอื่นเชิญให้ไปสอน เขาก็มักจะปฏิเสธ ไม่คิดเลยว่า เขาจะสามารถมาได้อาทิตย์ละครั้ง เพื่อเจ้าสำนัก”
รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ “ดูไม่ออกเลยนะ ว่าคุณจบจากมหาลัยที่มีชื่อเสียงกับเขาด้วย”
“ทำไม ฉันไม่เหมือนหรือไง?” หงส์แกล้งมองค้อนรพีพงษ์
รพีพงษ์ก็ยิ้มพูดว่า “มหาวิทยาลัยชิงชัยอยู่ที่เกียวโต ผมจะหาศาสตราจารย์ปรีดิทเจอก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
หงส์คิดไปคิดมาก็จริงอยู่ รพีพงษ์มีชื่อเสียงในเกียวโต มีใครบ้างไม่รู้จัก? แล้วมีใครบ้างไม่กล้าให้เกียรตินายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์
“เจ้าจิรภัทร”
รพีพงษ์หันไปพูดกับจิรภัทร “สองวันนี้ผมคงจะรอบกวนที่นี่ก่อน เดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะพาแคลร์และหนูลินเข้าไปในป่าหมอกแล้ว”
“ได้เลย เจ้านายหลินจะพัดอยู่ที่นี่กี่วันก็ได้ ถ้าสำนักเทพยาเซียนไม่ได้เจ้านายหลินช่วยไว้ครั้งก่อน เกรงว่าคงจะพบกับภัยพิบัติจนสิ้นสำนักไปแล้ว!” จิรภัทรกล่าว
“นั่นสิ รพีพงษ์พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลย ครั้งก่อนยัยจิลลามามอมเหล้าผมจนเมา เล่นเสียผมไม่ได้ไปช่วยคุณที่กลุ่มสิงโตเลย ครั้งนี้ พวกเรามีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันเยอะแยะเลย กินเหล้าไปคุยไป” ปยุตยิ้มพูดกับรพีพงษ์
รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ แล้วมองไปที่จิลลา แล้วก็มองปยุต
เขารู้ดีว่า คนแบบปยุตถึงแม้จะรักเหล้าเท่าชีวิต แต่จะว่าไปแล้ว เวลาเจอเรื่องใหญ่อะไรก็จะไม่เคยพลาดเลย
“ครั้งก่อนที่ไม่ได้ไปกลุ่มสิงโต ผมคิดว่า น่าจะตั้งใจมากกว่านะ” รพีพงษ์ยิ้มพูดเสียงต่ำกับปยุต
ปยุตก็ยิ้มๆ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
พอกลับเข้ามาในตำหนัก หนูลินก็ลากพี่สาและพวกของหงส์ไปเล่นกันในหุบเขา ส่วนรพีพงษ์ก็พาอารียาไปยังห้องที่เจ้าจิรภัทรเตรียมไว้ให้
พอเปิดประตูเข้าไป ด้านในตกแต่งไว้อย่างสะอาดและสว่างไสวมาก ที่ริมหน้าต่าง ดอกไม้สีเหลืองกระถางหนึ่งทำให้อารมณ์เงียบสงบมากขึ้น
“ดูออกเลยว่า จิลลาตั้งใจตกแต่งห้องนี้มาก” อารียายิ้มพูด เธอพอใจกับห้องนี้อย่างมาก
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเราจะอยู่นาน อีกไม่กี่วัน พวกเราก็ต้องเขาไปอยู่ในป่าหมอก” รพีพงษ์กล่าว
“ป่าหมอกงั้นหรือ?” อารียาบ่นพึมพำ “รพีพงษ์ ได้ยินคุณพูดถึงที่นี่บ่อย ฉันว่าที่สำนักเทพยาเซียนก็แยกตัวจากโลกภายนอกมากแล้วนะ แล้วป่าหมอกอะไรนั่นมันคือที่ไหนกัน?”
“ที่นั่นมันอัศจรรย์มาก มากกว่าสำนักเทพยาเซียนเป็นสิบเท่า”