พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1487 ตัวตนที่เป็นปริศนา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1487 ตัวตนที่เป็นปริศนา
รพีพงษ์เปิดประตูในสวน เห็นหงส์กำลังเดินมา ก็กล่าวทักทายว่า “ดึกขนาดนี้แล้วคุณยังไม่นอนอีกหรือ?”
หงส์ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “คุณแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วยังไม่นอนเลย ฉันเลยต้องรีบฝึก เด็กที่นั่งอยู่บนไหล่ของคุณคือ……..”
ปัณฑาขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าโกรธเล็กน้อย และกล่าวว่า “ฉันจะพูดอีกครั้ง อย่าปฏิบัติต่อฉันเหมือนเด็ก ฉันไม่ได้เด็กไปกว่าพวกคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์และหงส์ก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง ขณะนี้พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจคำพูดของปัณฑาอย่างจริงจัง
ใครก็มีช่วงพยศ
“ยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ ในสวนลมแรงมาก พวกเราเข้าไปคุยที่ข้างในกันเถอะ” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ พวกเขาที่เป็นนักฝึกตนไม่กลัวเป็นหวัด แต่สำหรับปัณฑานั้นต่างออกไป เด็กมีร่างกายที่อ่อนแอ นี่คือความคิดของคนทั่วไป
หงส์พยักหน้า แล้วเดินตามรพีพงษ์เข้าไปในคฤหาสน์
เมื่อมองการตกแต่งภายในที่ประกายแวบวับของคฤหาสน์ ดวงตาของปัณฑาก็เป็นประกาย
“ไม่คิดว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในป่าหมอก ไม่เลว ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย”
เมื่อเผชิญหน้ากับปัณฑาที่พูดเองเออเอง รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างจำใจ แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นแค่เด็ก รพีพงษ์ไม่ทำให้ปัณฑาต้องลำบากใจ ดังนั้นจึงให้เธออาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
“สาวน้อย บอกพี่สาวสิว่า บ้านของเธออยู่ที่ไหน แล้วมาปรากฏตัวในป่าหมอกเพียงลำพังได้อย่างไร พ่อแม่ของเธอล่ะ”
หงส์เป็นคนที่ชอบเด็ก ขณะนี้เธอถามปัณฑาอย่างอ่อนโยน
แต่เสียดาย ที่ปัณฑาไม่เล่นด้วย กลับรู้สึกโกรธเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “เฮ้อ ช่างมันเถอะ เด็กก็คือเด็ก ฉันพูดแค่ครั้งเดียว ครอบครัวของฉันอาศัยอยู่ในป่าหมอกนี้ ป่าหมอกทั้งหมดเป็นบ้านของฉัน ฉันเกิดที่นี่ และฉันไม่มีพ่อแม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์และหงส์ก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าปัณฑาจะถูกทิ้งอยู่ในป่าหมอกตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก?
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
รู้ไหม เมื่อหลายปีก่อนที่รพีพงษ์จะมาที่นี่ ในเวลานั้นป่าหมอกเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างอันตราย เด็กเล็กจะอยู่รอดในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้อย่างไร?
ปัณฑากระโดดลงมาจากไหล่ของรพีพงษ์ การกระโดดที่เบาจนดูเหมือนเด็กจะไม่สามารถทำได้
“ว่าแต่ ที่นี่มีอะไรให้กินหรือเปล่า ฉันหิวแล้ว ฉันอยากกิน”
เมื่อเผชิญกับคำขอของปัณฑา รพีพงษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหยิบอาหารที่ยังกินไม่หมดที่อยู่ในตู้เย็นออกมาอุ่นหลายจาน กลิ่นหอมฟุ้งของอาหารดึงดูดปัณฑาในทันที
สิ่งที่รพีพงษ์และหงส์คิดไม่ถึงคือ ปัณฑาใช้เวลาเพียงห้านาที ก็กินอาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะจนเกลี้ยง
รู้ไหมว่า อาหารที่รพีพงษ์อุ่นนั้นผู้ใหญ่สามารถทานได้สี่คน แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กที่สูงยังไม่ถึงต้นขาของตนเองกินจนเกลี้ยง?
หรือว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นเทาเที่ยกลับชาติมาเกิด?
ปัณฑาลูบท้องของตนเองด้วยความพอใจ สะอึก แล้วกล่าวว่า “สามารถใช้สัตว์เซียนปรุงอาหารได้ ไม่เลวนี่ ฉันพอใจมาก อย่าพูดว่าฉันทานอาหารของคุณเปล่า ๆ น่ะ อันนี่ให้คุณ”
พูดจบ ปัณฑาล้วงเถาวัลย์ครึ่งวงออกจากกระเป๋า แล้วโยนให้รพีพงษ์
หงส์มองเถาวัลย์สีดำในมือของรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
เห็นได้ชัดว่าเถาวัลย์นี้ตายแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักบุญคุณก็ช่างเถอะ แต่ยังใช้เถาวัลย์นี้มาหลอกรพีพงษ์อีกด้วย
หงส์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกรพีพงษ์หยุดไว้เสียก่อน
รพีพงษ์มองเถาวัลย์ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่ปัณฑา และกล่าวว่า “คุณพักอยู่ที่ชั้นสองก่อน อีกสักครู่ผมจะพาคุณไป วันพรุ่งนี้ตามผมไปที่ที่หนึ่ง”
ปัณฑาพยักหน้า และยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะเห็นความแตกต่างของเถาวัลย์เส้นนี้
สีหน้าของหงส์เต็มไปด้วยความสงสัย แต่เนื่องจากรพีพงษ์ได้ตัดสินใจแล้ว เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ชั่วขณะหนึ่ง
เวลาผ่านไปนาน ปัณฑาที่กินอิ่ม ในที่สุดก็รู้สึกง่วง จึงเดินตามรพีพงษ์ไปพักผ่อนที่ห้องบนชั้นสอง
หลังจากเฝ้าดูปัณฑาหลับสนิทแล้ว รพีพงษ์และหงส์รู้สึกวางใจ แล้วจึงเดินออกไปจากห้อง
ขณะนี้ หงส์ถามว่า “รพีพงษ์ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ เธอมีนิสัยเช่นนี้คุณยังตามใจเธออีก แล้วเธอยังใช้เถาวัลย์มาหลอกคุณ ใช่แล้ว เถาวัลย์นั้นอยู่ไหน ฉันจะเอามันไปทิ้งเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ค่อนข้างไม่พอใจของหงส์ รพีพงษ์ยิ้มอย่างจำใจ หยิบเถาวัลย์ออกจากกระเป๋าแล้วกล่าวว่า “ผมไม่รู้ที่มาของเด็กคนนี้ ผมบังเอิญไปเจอเธออยู่ในป่าหมอก อย่างไรก็ตาม เถาวัลย์นี้ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เถาวัลย์ครึ่งวงนี้ เป็นวัสดุระดับเทพ”
“อะไรนะ? วัสดุระดับเทพ? รพีพงษ์ ไม่ใช่ว่าคุณคิดเรื่องยาจนโง่ไปแล้วน่ะ”
หงส์ดูกังวล ซึ่งทำให้รพีพงษ์เก้อเขินเล็กน้อย
“สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง เหตุผลที่คุณมองไม่ออก เป็นเพราะว่าพื้นผิวทั้งหมดของวัสดุระดับเทพถูกปกคลุมด้วยพลังทิพย์ มันจึงดูเหมือนเถาวัลย์ที่ตายไปแล้ว แต่ผมแน่ใจว่า นี่เป็นวัสดุระดับเทพอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงยืนยันของรพีพงษ์ หงส์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามยอมรับ และมองเถาวัลย์ครึ่งวงที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ ยังไงก็ไม่สามารถคิดว่ามันเป็นวัสดุระดับเทพได้
“ไม่ถูกนี่ ในเมื่อเถาวัลย์ถูกพลังทิพย์ปกคลุม แต่ว่า แล้วใครใช้พลังทิพย์ปกคลุมเถาวัลย์นี้ล่ะ คงจะไม่ใช่เด็กคนนั้นมั้ง”
รพีพงษ์เกาคาง ส่ายศีรษะเล็กน้อยและกล่าวว่า “เรื่องนี้ผมไม่สามารถแยกแยะได้ แต่เด็กคนนี้แปลกประหลาดแน่นอน วันนี้รีบไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ผมจะพาเธอไปหาแรดโบราณ แรดโบราณรู้เรื่องในป่าหมอกดีกว่าผม ไม่แน่อาจจะได้เบาะแสอะไร”
หงส์พยักหน้า ตอนนี้คงต้องทำเช่นนี้
บนชั้นสี่ รพีพงษ์เดินออกมาจากลิฟต์ อารียากำลังนั่งฝึกอยู่ข้างเตียง รู้สึกได้ถึงความแปรปรวนของพลังทิพย์ เธอลืมตาขึ้นทันที เมื่อเห็นร่างผู้ชายคนนี้อยู่ตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกโล่งใจ
“รพีพงษ์ ทำไมคุณกลับมาช้าจัง เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นที่ชั้นล่าง”
รพีพงษ์ถอนหายใจ และเล่าเรื่องราวที่ตนเองเจอปัณฑาขณะเดินเล่นในป่าหมอกให้อารียาฟังทั้งหมด
อารียาตกใจเป็นอย่างมาก และกล่าวว่า “ไม่ได้! รพีพงษ์ เด็กเล็กเช่นนี้ คุณอย่าปล่อยให้เธออยู่ในป่าหมอกเพียงลำพัง”
รพีพงษ์ยิ้มและลูบศีรษะของอารียา และกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจัดให้เธอพักอยู่ที่ชั้นสองแล้ว วันพรุ่งนี้ผมจะพาเธอไปหาแรดโบราณ บางทีแรดโบราณอาจจะรู้อะไรบางอย่าง”
อารียาพยักหน้า และมองหนูลินที่กำลังหลับสนิท ทั้งสองคนฝึกคัมภีร์หยินหยางอยู่หลายรอบ จากนั้นก็นอนหลับไป
วันรุ่งขึ้น
รพีพงษ์ตื่นตั้งแต่เช้า มองหนูลินและอารียาที่นอนอยู่ข้าง ๆ แล้วจูบที่หน้าผากของพวกเขาเบา ๆ
ที่ชั้นหนึ่ง รพีพงษ์เดินลงบันได เห็นปัณฑานั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา ราวกับว่าผู้ฝึกตนกำลังฝึกหายใจเอาพลังทิพย์ออกไป
“ตื่นเช้านี่ วันนี้กินอะไร” ปัณฑากล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความอคติใด ๆ กับคนแปลกหน้าอย่างรพีพงษ์อีกต่อไป