พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1495 แขกไม่ได้รับเชิญ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1495 แขกไม่ได้รับเชิญ
รพีพงษ์ยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้า ปัณฑายอมพาตนเองไปสถานที่ตั้งของน้ำอำมฤตก็ถือได้ว่าตนเองนั้นได้บรรลุเป้าหมายแล้ว สำหรับการพาปัณฑาไปเสี่ยงชีวิตด้วยนั้น แม้แต่รพีพงษ์ก็ไม่สามารถทนทำเช่นนั้นได้
พาเด็กไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นไม่ได้
ปัณฑามองผลไม้ฟื้นฟูทั้งสามผลที่อยู่ในมือ อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก และกินผลล่ะคำ พริบตาเดียวผลไม้ฟื้นฟูทั้งสามผลก็เข้าไปอยู่ในท้องของปัณฑา รพีพงษ์มองด้วยความตกใจ
“คุณเคยบอกว่าผลไม้ฟื้นฟูนี้ไม่สามารถกินเข้าไปโดยตรงไม่ใช่หรือ?”
ปัณฑาลูบท้องของตนเอง ด้วยท่าทางที่ดื่มด่ำ และกล่าวว่า “นั่นคือคนธรรมดาอย่างพวกคุณ ฉันคือภูตโบราณ ของวิเศษเช่นนี้ให้ฉันอีกสิบผล ฉันก็สามารถกินให้คุณดูได้”
“คุณอย่าทำตามฉันน่ะ ตั้งใจกลั่นผลไม้นี้ให้เป็นยาเม็ด ส่วนวิธีการกลั่นฉันจะสอนคุณอีกที สามผลนี้ก็เพียงพอสำหรับคุณแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรอีก
ขณะที่รพีพงษ์กำลังเดินไปข้างหน้ากับปัณฑา ทันใดนั้นทั้งถ้ำก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ปัณฑาตกใจมากจนกระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของรพีพงษ์ ตอนนี้เธอยังไม่สามารถดูดซับพลังชีวิตของผลไม้ฟื้นฟูได้ ถ้าถ้ำถล่ม มันก็จบกัน
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพลังทิพย์ก็ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันรอบตัวไว้ทันที เพื่อสกัดกั้นหินที่ตกลงมา
ในขณะที่พื้นดินสั่นสะเทือน รพีพงษ์รู้สึกได้ชัดเจนว่ารัศมีอันทรงพลังปรากฏขึ้นในป่าหมอก
อารียาและหนูลินตกอยู่ในอันตราย!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็กอดปัณฑาไว้แน่น และพลังทิพย์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเคลื่อนไหว พุ่งไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
เคยมีประสบการณ์ครั้งหนึ่ง รพีพงษ์และปัณฑาเคลื่อนไหวเร็วขึ้นมาก และพวกเขาก็ออกจากถ้ำภายในเวลาสิบนาที
เหนือป่าหมอก มีรอยแตกอยู่กลางอากาศ ในรอยแตกนั้น ร่างสูงใหญ่กำลังเดินมาทีละก้าว แค่มองดูเงา ก็สามารถสร้างแรงกดดันให้กับรพีพงษ์ได้เป็นอย่างมาก
“แย่แล้ว รพีพงษ์ รีบวิ่งเร็ว เป็นยอดฝีมือแดนบุญ!” ปัณฑามองร่างที่ปรากฏอยู่ในรอยแตก จึงเตือนรพีพงษ์ทันที
ยอดฝีมือแดนบุญ สามารถสร้างโลกได้ ซึ่งไม่ใช่คนที่รพีพงษ์จะสามารถรับมือได้ในขณะนี้
รพีพงษ์กระเดาะปาก แม้จะไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ยอดฝีมือแดนบุญถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่พื้นโลก แต่รพีพงษ์รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น!
หลังจากนั้น รพีพงษ์ก็วางปัณฑาลง มองดูร่างกลางอากาศและกล่าวว่า “ไม่ได้ คุณหาที่หลบซ่อนก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะต้องรู้เจตนาการมาของเขาให้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของปัณฑาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ยอดฝีมือแดนบุญสามารถสร้างโลกขึ้นมาได้ และการทำลายโลกมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก?
รพีพงษ์ซึ่งอยู่แค่ในระดับแดนเทพขั้นพีคครึ่งก้าว จะสามารถรับมือยอดฝีมือแดนบุญได้อย่างไร
“ฮึ่ม ฉันไม่สนใจคุณแล้ว ถ้าจะไปคุณก็ไปเอง ฉันจะไม่ไปรนหาที่ตายกับคุณ”
พูดจบ ปัณฑาก็กระโดดลง
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่บอกปัณฑาให้ระวังตนเอง และรีบมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ด้วยความเร็ว
รพีพงษ์มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ถ้าตนเองไม่สามารถกลับไปหาอารียาและหนูลินได้ทันเวลา ตนเองอาจจะสูญเสียพวกเธอ
นี่คือสิ่งที่รพีพงษ์ยอมไม่ได้!
มองรพีพงษ์ที่หายตัวไปในชั่วพริบตา ปัณฑารู้สึกจำใจ แล้วเดินลึกเข้าไปในป่าหมอกทีละก้าว
ในคฤหาสน์
แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
หงส์และฝนสุดามาถึงประตูห้องของอารียาทันที พวกเขาโล่งใจที่เห็นว่าอารียาและหนูลินปลอดภัย
หงส์อุ้มหนูลินที่กำลังตกใจแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว ป้าจะปกป้องหนูเอง”
หนูลินพยักหน้า เอนศีรษะไปในอ้อมแขนของหงส์ แต่ร่างกายยังคงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ฝนสุดาจับมืออารียาและกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ปลอดภัย พวกเราออกไปข้างนอกก่อน ฉันและหงส์จะปกป้องพวกคุณเอง”
“ยังมีผมด้วย!”
ธมกรกระโดดออกมาโดยถืออุปกรณ์ที่เอามาจากไหนก็ไม่รู้
อารียาพยักหน้า และเดินตามพวกเขาออกจากห้องทันที
ภายใต้แผ่นดินไหวจะไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้ แต่มียอมฝีมือสามคนอย่างหงส์ ฝนสุดา และธมกร แม้ว่าพวกเขาจะกระโดดจากชั้นสี่โดยตรง พลังทิพย์ที่หนาแน่นก็เพียงพอสำหรับทำให้พวกเขาลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยได้
“คุณแม่ มีบางอย่างอยู่บนท้องฟ้า หนูกลัว” ตั้งแต่ออกจากคฤหาสน์ หนูลินมายืนอยู่ข้างอารียาทันที เงยหน้าขึ้นมองรอยแยกบนท้องฟ้า หนูลินตกใจกลัวจนมาหลบอยู่ข้างหลังอารียา
ทั้งสี่คนเงยหน้าขึ้นไปดูรอยแยก และชั่วพริบตา ความรู้สึกกดอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้นกับร่างกายของพวกเขา
“โอ้? ที่แท้มาอยู่ที่นี่เอง”
มีชายคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงราบเรียบอยู่ในรอยแยกนั้น ดวงตาสีเข้มของเขามองมาที่คนทั้งห้า
ชั่วพริบตา พวกเขาทั้งห้ารู้สึกเหมือนกำลังถูกนักล่าจับจ้อง ขณะนี้แม้แต่การหายใจก็กลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย
หงส์กระเดาะปาก ในบรรดาห้าคน ตนเองแข็งแกร่งที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเด็กเล็กอย่างหนูลิน ตนเองจะเป็นอะไรมันไม่สำคัญ อย่างน้อยต้องปกป้องภรรยาและลูกของรพีพงษ์ให้ปลอดภัย
“ฝนสุดา ธมกร พวกคุณพาอารียาและหนูลินไปที่สำนักเทพยาเซียน ฉันจะถ่วงเวลามันไว้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ธมกรรู้สึกกระวนกระวายใจทันที เขายังคงต้านแรงกดดันอันทรงพลังนี้ แต่ก็ยังขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
“ไม่ได้ หงส์ ถ้าคุณไม่ไปผมก็ไม่ไป ฝนสุดา คุณพาภรรยาและลูกของรพีพงษ์ไปจากที่นี่ ส่วนผมจะอยู่ที่นี่”
“แต่……”
“รีบไปเร็ว! ถ้าไม่ไปจะไม่มีโอกาส!” หงส์ตะโกนอย่างเย็นชา พริบตาเดียวพลังทิพย์ในร่างกายก็ระเบิด และเส้นเลือดที่หน้าผากก็แตก ทำให้แรงกดดันที่อยู่รอบตัวลดลงไปไม่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้คนอื่น ๆ สามารถเคลื่อนไหวได้
เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นยะเยือกของหงส์ ฝนสุดากระเดาะปาก หันกลับมาอุ้มหนูลินและจับมืออารียา แล้ววิ่งมุ่งหน้าไปที่สำนักเทพยาเซียนอย่างรวดเร็ว
ชายผู้นั้นมองภาพนี้แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย และการกดดันทางพลังเทพที่อยู่บนตัวของหงส์ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันที
“พู่!”
เลือดสดพุ่งออกมาจากปาก หงส์กัดฟันแน่น ใบหน้าของเธอซีดเผือด ยังไงซะตนเองก็อยู่ในระดับแดนดั่งเทพ แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถทนแรงกดดันจากพลังเทพของผู้ชายคนนี้ได้ พลังความแข็งแกร่งผู้ชายคนนี้อยู่ระดับไหน?
เมื่อเห็นว่าหงส์ได้รับบาดเจ็บ ธมกรรู้สึกกังวล เขาก็ระเบิดพลังทั้งหมดเช่นกัน แล้วเดินมาอยู่ข้างหงส์ ช่วยหงส์รับการกดดันทางพลังเทพมาส่วนหนึ่ง และกล่าวว่า “หงส์ คุณจะตายอยู่ที่นี่ไม่ได้ ผมจะขวางเขาไว้ แล้วคุณรีบหนีไปเร็ว”
มองธมกรที่มีสีหน้าเจ็บปวด แต่ยังคงดึงดันต้านแรงกดดัน หงส์เตะไปที่ก้นของธมกร แล้วก็รับแรงกดดันที่น่าสะพรึง และกล่าวอย่างโกรธเคือง “ธมกร ฉันจะพูดอีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็ไม่ชอบคุณ ไสหัวออกไป!”
เมื่อฟังคำพูดของหงส์ ธมกรก็เงียบไปครู่หนึ่ง และในไม่ช้าเขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จ้องมองผู้ชายที่อยู่กลางอากาศ และพุ่งตรงเข้าไปทันที
“หงส์ ฉันจะถ่วงเวลาให้คุณ รีบหนีไปเร็ว”
เมื่อเห็นภาพนี้ หงส์รู้สึกตกใจ แล้วกระเดาะปาก แม้ว่าตนเองจะไม่ชอบธมกร แต่ถ้าธมกรตายเพราะตนเอง หงส์จะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่นอน
มันก็เหมือนกับการตายของเต๋าในอดีต
“ไอ้ธมกร กลับมา!”
หงส์คำราม กระโดดไปข้างหน้าและไล่ตามธมกร