พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1498 หมดสติ
ข้างในถ้ำ ภูตต้นไม้เผชิญหน้ากับชายผู้นั้น ทั้งสองไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกทางสีหน้า ภายใต้สิ่งที่มองไม่เห็น ทั้งสองใช้พลังเทพและพลังชีวิตต่อสู้กันหลายครั้ง และทุกครั้งที่ต่อสู้พลังของทั้งสองคนก็สูสีกัน
ชายคนนั้นอดที่จะยิ้มไม่ได้ มองดูภูตต้นไม้แล้วกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ไม่คิดว่าที่นี่จะมีระดับแดนบุญ ภูตต้นไม้ บอกมาสิว่าคุณชื่ออะไร”
ภูตต้นไม้เงียบไปครู่หนึ่ง และจำชื่อที่ผู้ใหญ่คนนั้นตั้งให้เมื่อพันปีก่อน และกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ตวัส”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายคนนั้นจำชื่อนี้ไว้ขึ้นใจ หัวเราะและกล่าวว่า “เอาล่ะ ตวัส คุณจำไว้ได้ดี ในไม่ช้า ข้านรเทพจะปลิดชีพของคุณและฉวยเอาโอกาสของคุณไป”
พูดจบ หมอกสีดำก็ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ร่างกายของนรเทพ และเมื่อหมอกสีดำหายไป นรเทพก็หายไป และแม้แต่ลมหายใจก็หายไปจากโลกใบนี้
ตวัสถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองรพีพงษ์และปัณฑาที่ถูกกิ่งไม้ตายห่อหุ้มไว้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย และเดินกลับไปที่ส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ
หน้าต้นไม้หมื่นตายหมื่นปี ตวัสได้วางรพีพงษ์และปัณฑาที่หมดสติไว้ใต้ต้นไม้ และระดมพลังชีวิตจากต้นไม้ตายหมื่นปี เพื่อรักษาพวกเขาสองคนอย่างต่อเนื่อง
บาดแผลบนร่างกายของรพีพงษ์เริ่มฟื้นฟูด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ลมหายใจของทั้งสองสงบลงอย่างรวดเร็ว จะสามารถฟื้นได้หรือไม่ หรือฟื้นเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของพวกเขาเอง
หลังจากนั้น ตวัสก็กลับเข้าไปที่ต้นไม้ตายหมื่นปี ตนเองได้ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้แล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม
ในป่าหมอก จิรภัทรได้พาเหล่าลูกศิษย์ในสำนักเทพยาเซียนค้นหารพีพงษ์ หลังจากนั้นผู้คนจากกลุ่มสิงโตและสำนักสยบเซียนก็เข้ามาสมทบ พวกเขาค้นหาเป็นเวลาสามวันสามคืน พบเพียงแค่ร่องรอยการต่อสู้มากมาย แต่ไม่พบร่องรอยของรพีพงษ์
สำหรับทางเข้าถ้ำที่รพีพงษ์และปัณฑาอยู่นั้น ได้พังทลายลงเนื่องจากการต่อสู้ระหว่างภูตต้นไม้กับนรเทพ นอกจากนี้ตวัสใช้พลังชีวิตซ่อนพื้นที่ในถ้ำไว้ การที่จิรภัทรและคนอื่น ๆ จะหาที่นี่เจอ มันเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน
ในสำนักเทพยาเซียน ทุกคนต่างกังวลเกี่ยวกับความเป็นความตายของรพีพงษ์
ตั้งแต่การปรากฏตัวของชายคนนั้น และหลังจากมีรอยสีดำปรากฏที่แขนของหนูลิน และหนูลินก็หมดสติไปด้วยความเจ็บปวด ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าหนูลินจะฟื้น โชคดีที่ลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนดูแลหนูลินอย่างดี ร่างกายของหนูลินยังไม่ขาดคุณค่าทางโภชนา และไม่ถึงกับอดตาย
ถึงแม้จะเป็นสำนักเทพยาเซียน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูลิน นับประสากับการปลุกหนูลินให้ฟื้น
เมื่อต้องเผชิญกับรพีพงษ์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และหนูลินที่ไม่ได้สติ อารียารู้สึกเครียดเป็นอย่างมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ในช่วงสามวันสามคืนที่ผ่านมา อารียาร้องไห้จนตาบวม เฝ้าอยู่ข้างเตียงหนูลินตลอดเวลา ไม่เคยนอนพักผ่อนเลย
เธอไม่เคยคิดว่า เดิมต้องการมาที่ป่าหมอกเพื่อฝึกตนกับรพีพงษ์ เพิ่งจะเข้ารูปเข้ารอย ก็ต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้
ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? เขามาที่นี่ทำไม?
สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นความสงสัยอยู่ในใจของอารียา แต่ในเวลานี้ สิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดคือรพีพงษ์อยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว?
แม้ว่าฝนสุดาและจิลลาจะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอหลายครั้ง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก
ณ ห้องโถงใหญ่ของสำนักเทพยาเซียน
จิรภัทร นิศมา บาวัน นฤชัย และสมาชิกของกลุ่มสิงโตและสำนักสยบเซียนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ขอบตาของนิศมาแดง ถามอย่างรีบร้อนว่า “เจ้าจิรภัทร ยังไม่มีข่าวของรพีพงษ์อีกหรือ?”
หลังจากจิรภัทรได้ยิน ดวงตาของเขาดูอ้างว้าง และก็ส่ายศีรษะโดยไม่พูดอะไร
นฤชัยกระเดาะปาก ลุกขึ้นทันทีและกล่าวว่า “ไม่! เป็นไปไม่ได้ที่ท่านผู้นำจะตายแบบนี้ ผมจะออกไปหาเดี๋ยวนี้ และผมต้องหาท่านผู้นำให้พบ!”
พูดจบ นฤชัยก็กระโดดออกไป และวิ่งไปในป่าหมอก
สักพัก ผู้คนก็ลุกขึ้นและวิ่งตามไปในป่าหมอก เพื่อค้นหาร่องรอยของรพีพงษ์ต่อไป
จิรภัทรถอนหายใจ และส่ายศีรษะอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ป่าหมอกใหญ่เท่านี้ สามวันมานี้ผู้คนจำนวนมากได้ค้นหาทั่วป่าหมอกแล้ว แต่พวกเขาไม่พบแม้แต่ร่องรอยของรพีพงษ์
นอกจากนี้ แม้แต่หงส์และธมกรก็ยังหาไม่เจออีกด้วย
จิรภัทรอยากรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในวันที่รพีพงษ์หายตัวไป
และรอยแยกที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือป่าหมอกในวันนั้นคืออะไรกันแน่?
และในขณะที่จิรภัทรกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ลูกศิษย์หญิงเดินเข้ามาในห้องโถง และกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “เจ้า……เจ้าสำนัก มีแรดยักษ์ตัวหนึ่ง พาคุณหงส์และคุณธมกรกลับมา ทั้งคู่ปลอดภัยดีค่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ทุกคนในห้องโถงดูเหมือนจะเห็นความหวัง
จิรภัทรระงับความตื่นเต้น และถามว่า “นอกจาก หงส์และธมกรแล้ว ยังมีใครอีกไหม?”
ลูกศิษย์หญิงเงียบไปครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “เรียนเจ้าสำนัก แรดยักษ์ตัวนี้พากลับมาแค่สองคนนี้เท่านั้น อีกอย่าง สิ่งที่แรดยักษ์พูดก่อนไป ดูเหมือนว่า……จะไปตามหานายท่าน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิรภัทรรู้สึกหมดแรงชั่วขณะ แรดยักษ์น่าจะเป็นแรดโบราณที่รพีพงษ์พิชิตได้ในป่าหมอก
แรดโบราณอาศัยอยู่ในป่าหมอกเป็นเวลาหลายร้อยปี และติดต่อกับรพีพงษ์หลายครั้ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า แม้แต่แรดโบราณตัวนี้ก็ยังไม่รู้ว่ารพีพงษ์อยู่ที่ไหน?
รพีพงษ์ คุณอยู่ที่ไหน?
หรือว่า รพีพงษ์จะ………
จิรภัทรระงับความคิดน่าสยองนี้ทันที หลังจากค่อยยังชั่ว เขาก็ยืนขึ้นทันที และกล่าวว่า “คุณกลับไปดูแลหงส์กับธมกร และคนอื่น ๆ ให้ดี ส่วนคนที่ยังมีแรงเหลือก็ไปค้นหารพีพงษ์กับผมต่อไป!”
พูดจบ จิรภัทรก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโถงทันที
ในห้องโถง ทุกคนลุกขึ้นตามจิรภัทรเข้าไปในป่าหมอกเพื่อค้นหารพีพงษ์
ที่ใต้ดินในป่าหมอก
น้ำค้างหยดลงมาที่ปลายจมูกของปัณฑา และความเหน็บหนาวได้ปลุกปัณฑาให้ฟื้นขึ้นมา เธอลุกขึ้นนั่งทันที แล้วมองต้นไม้ตายหมื่นปีที่อยู่ตรงหน้า ปัณฑาจำได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น
“รพีพงษ์ รพีพงษ์เป็นยังไงบ้าง!”
ปัณฑากล่าวอย่างรีบร้อน และมองหารพีพงษ์ไปทั่ว
ตวัสปรากฏตัวท่ามกลางกิ่งไม้ตายของต้นไม้ตายหมื่นปี และกล่าวเสียงราบเรียบว่า “ไม่ต้องตกใจ รพีพงษ์อยู่ที่นั่น”
ตวัสชี้ไปที่ยอดของต้นไม้ตายหมื่นปี
ปัณฑาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรพีพงษ์ถูกกิ่งไม้ตายของต้นไม้ตายหมื่นปีห่อหุ้มเอาไว้
“ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตวัสก็หาวและกล่าวว่า “อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมใช้พลังชีวิตรักษาเขาไปไม่น้อย จนสามารถรักษาชีวิตไว้ได้แล้ว แต่เรื่องที่จิตวิญญาณเทพได้รับบาดเจ็บผมไม่สามารถช่วยได้ จะฟื้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”
ตวัสกล่าวด้วยสีหน้าจำใจ ถ้ารพีพงษ์ได้รับบาดเจ็บจากนรเทพเพียงแค่ร่างกาย เกรงว่ารพีพงษ์คงจะฟื้นนานแล้ว
น่าเสียดายที่จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ถูกนรเทพดูดไปไม่น้อย
จิตวิญญาณเทพเท่ากับรากฐานของการฝึกตน สิ่งที่ตวัสสามารถทำได้ก็ทำไปหมดแล้ว จะสามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณเทพได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวรพีพงษ์เอง
ปัณฑากระโดดไปข้างของรพีพงษ์ มองรพีพงษ์ที่หลับตาอยู่ ปัณฑากระเดาะปาก และส่งพลังชีวิตของตนเองให้กับรพีพงษ์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่เห็นรพีพงษ์มีอาการใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าดีขึ้น
“ไม่มีประโยชน์ พลังชีวิตของผมไม่สามารถปลุกจิตวิญญาณเทพของเขาให้ฟื้นขึ้นได้ ดังนั้นคุณจะสิ้นเปลืองทำไม ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมเถอะ ถ้าหากเขาตาย ก็ถือว่าผมสูญเสียผลไม้ฟื้นฟูไปไม่กี่ผล”
ตวัสกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ แล้วก็กลับเข้าไปยังต้นไม้ตายหมื่นปี
ปัณฑารู้สึกไม่เต็มใจ มีคราบน้ำตาอยู่ที่มุมตาของเธอ
“รพีพงษ์ คุณจะนอนแบบนี้ต่อไปไม่ได้น่ะ คุณต้องไปหาน้ำอำมฤตไม่ใช่หรือ? คุณลืมตาขึ้นมาสิ”