พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1514 ออกคำสั่งตามล่าตัว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1514 ออกคำสั่งตามล่าตัว
ภายในโพรงต้นไม้ แสงสีเขียวจาง ๆ ลอยอยู่ท่ามกลางในอากาศ สาดส่องเข้ามายังร่างกายของรพีพงษ์อยู่บ่อยครั้ง
ปัณฑาไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืนแล้ว บวกกับใช้พลังชีวิตไปมากเกินไป เดิมทีร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้วในเวลานี้ก็ยิ่งจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้ามาอีก
“แหะๆ……”
เสียงไอของรพีพงษ์ทำให้ปัณฑาตกใจตื่นเลย สีหน้าท่าทางที่มึนงงก็หายไปทันที
เมื่อได้ตรวจอาการของรพีพงษ์อีกครั้ง สุดท้ายก็โล่งใจแล้ว
อวัยวะภายในของรพีพงษ์ที่ได้รับบาดเจ็บสุดท้ายก็เริ่มฟื้นฟูแล้ว และความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่งของรพีพงษ์แน่นอนว่าสามารถรับประกันได้อย่างมาก
อย่างน้อย รพีพงษ์ก็ไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว ถึงขนาดที่ว่าอาการที่เกิดขึ้นภายหลังก็จะไม่มีหลงเหลือไว้อย่างแน่นอน
ปัณฑาได้คลายเถาวัลย์ที่อยู่หน้าปากโพรงไม้แล้ว ทั้งสองคนได้หลบข้างในโพรงไม้เป็นเวลากว่าครึ่งวันแล้ว และก็ไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง
โชคดีที่รพีพงษ์มีการมองการณ์ไกลมาก่อน เตรียมอาหารมาบ้างแล้ว นี่ก็ไม่ขนาดที่ปัณฑาจะต้องทนหิวในโพรงไม้แล้ว
“ไม่ได้ ฉันจะต้องออกไปดูสถานการณ์สักหน่อย” ปัณฑาแววตาเฉียบขาด อยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่องดีออะไร ถ้าหากพวกกลุ่มจิ้งจอกนั่นวางกลอุบายอะไรอีกแล้วจะทำยังไง อย่างน้อยปัณฑาก็ต้องคิดหาวิธีพารพีพงษ์ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยถึงจะได้
คิดแล้ว ปัณฑาให้โพรงไม้เปิดทางผ่านให้กับตัวเอง หลังจากที่เดินออกจากโพรงต้นไม้ ก็ได้กลืนยาเม็ดที่รพีพงษ์ให้มาอีก ปิดโพรงไม้อีกครั้ง ก้าวกระโดด กระโดดไปบนยอดไม้ มองดูรอบๆ
หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าไม่มีสัตว์เซียน ปัณฑาถึงจะค่อยๆเริ่มออกเดินไปไกล มองดูสถานการณ์ทั่วทั้งป่าไม้
จิ้งจอกหิมะตัวใหญ่ที่โดนรพีพงษ์โจมตีจนพ่ายแพ้ไป ศพของมันเหมือนว่าจะโดนจิ้งจอกหิมะตัวน้อยเหล่านั้นเอาตัวไปแล้ว แต่ว่าคราบเลือดที่อยู่บพื้นยังไม่ได้ถูกชะล้างทำความสะอาด
หลังจากที่เดินเที่ยวเล่นในป้าได้ไม่นาน ปัณฑาถึงจะค้นพบว่า ทั่วทั้งป่าคิดไม่ถึงว่าจะมองไม่เห็นพวกสัตว์เซียนเลย กระทั่งร่องรอยของชีวิตก็ไม่พบเจอเลย
พูดตามหลักเหตุผลแล้ว สถานที่ที่มีน้ำอำมฤตอยู่ พลังทิพย์หนาแน่น ยิ่งน่าจะดึงดูดสัตว์เซียนถึงจะถูก ทำไมตอนนี้กลับว่าเป็นสถานการณ์แบบนี้ได้
บวกกับพฤติกรรมอันโหดร้ายต่อศัตรูของพวกจิ้งจอกหิมะเหล่านั้นในเมื่อก่อน อดไม่ได้ที่จะทำให้ปัณฑาเกิดความสงสัย
“ฟิ้ว”
ภายในป่า จู่ๆก็มีเสียงดังแปลกๆเกิดขึ้น เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ปัณฑาขมวดคิ้วแน่น รีบหลบซ่อนตัวเองบนยอดไม้ทันที มองดูรอบๆ ระมัดระวังตัวเองอย่างมาก
“โอ๊ะ?จิ้งจอกที่นี่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ออกมาขัดขวางฉัน เร็ว ตามไป ดูสิว่าน้ำอำมฤตถูกเอาไปหรือเปล่า นั้นเป็นสิ่งของที่เจ้าสำนักต้องการ ห้ามให้คนอื่นเอาเปรียบได้เด็ดขาด”
เสียงพูดของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งแพร่ซ่านมายังในหูของปัณฑา
ปัณฑามองลงไปแวบหนึ่ง ผู้ชายที่ใส่ชุดคลุมสีม่วงเข้มสามคนกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ หันหน้าแล้วก็วิ่งไปยังส่วนที่ลึกในป่าเลย
หลังจากที่เห็นทั้งสามคนออกไปแล้ว ปัณฑาถึงจะโล่งใจ โผล่ร่างออกมาจากบนยอดไม้
“เหอะ ฉันบอกแล้วไง เห็นได้ชัดว่ามีลมหายใจของสิ่งมีชีวิตอยู่ ที่แท้ ก็หลบอยู่บนต้นไม้นี่เอง”
เบื้องหลังของปัณฑา มีเสียงที่เยือกเย็นแผ่ซ่านเข้ามา ปัณฑาคิดอยากจะลงมือ ความรู้สึกที่เย็นวาบก็อยู่บนคอแล้ว
“อย่าขยับ สามารถอยู่ที่นี่ได้ ฉันคงไม่ปฏิบัติต่อแกเหมือนกับเด็กหรอกนะ มีดเล่มนี้ฉันได้แช่ยาพิษมาแล้ว ถ้าแกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มีดเล่มนี้ของฉันไม่มีทางปรานีอย่างแน่นอน”
ผู้ชายคนนั้นพูดกล่าวอย่างเยือกเย็น คมมีดที่เย็นวาบก็แนบชิดอยู่บนคอของปัณฑา
ปัณฑาใช้ลิ้นเลียที่ริมฝีปากบน ก่อนหน้านี้ตัวเองได้ใช้พลังชีวิตไปเป็นจำนวนมากแล้ว ในช่วงเวลานี้ยังไม่ทันได้ฟื้นฟูกลับมา ไม่สามารถหลบหลีกจากสถานการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัยเลย
“พวกแกคิดอยากจะทำอะไรกันแน่” ปัณฑาพูดกล่าว
ผู้ชายคนนั้นมีน้ำเสียงที่เยือกเย็น จับตัวปัณฑาเอาไว้ กระโดดจากบนยอดไม้ลงมา ส่วนผู้ชายอีกสองคนก็ปรากฏตรงหน้าของปัณฑา ก็คือผู้ชายทั้งสามคนที่เพิ่งออกไปเมื่อตะกี้
ดูเหมือนว่า ทั้งสามคนได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้านานแล้ว กำลังรอให้ตัวเองมาติดกับ
ผู้ชายหนึ่งคนในกลุ่มนั้นมองไปยังปัณฑา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา พูดกล่าว : “อื้ม?เด็กผู้หญิงคนนี้ เป็นหนึ่งในสองคนที่เจ้าสำนักออกคำสั่งตามล่าตัวเมื่อหลายวันก่อนไม่ใช่เหรอ ถ้าหากพาตัวนังเด็กนี่กลับไปได้ เราก็ไปแลกเป็นเงินรางวัลได้ไม่น้อยเลยนะ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับพวกเราที่นี่โดยบังเอิญ”
หลังจากที่ผู้ชายที่จับตัวปัณฑาไว้ได้ยินเข้า มองไปยังปัณฑาด้วยสายตาที่เปล่งประกาย คำสั่งตามล่าตัวนี้เขารู้ดี เพียงแค่เมื่อกี้ไม่ทันได้สังเกตหน้าตาของปัณฑาให้ดีๆเท่านั้นเอง ตอนนี้ดูเหมือนว่า หน้าตาเหมือนกับเด็กคนนั้นที่อยู่บนรูปภาพคำสั่งตามล่าตัวจริงด้วย
“ดูเหมือนว่าโชคชะตาของพี่นี่ไม่เลวเลยนะ เด็กน้อย ถือว่าแกดวงดีนะ ฉันไม่มีทางฆ่าแกหรอกนะ”
หลังจากที่ปัณฑาได้ยิน ขมวดคิ้วแน่น แค่คนเดียวก่อนหน้านี้ตัวเองก็ยากที่จะหลบหนีแล้ว ตอนนี้เพิ่มมาอีกสองคน เรื่องที่จะหนีก็ยิ่งเป็นเรื่องที่เป้นไปไม่ได้เลย
ผู้ชายมองๆไปรอบด้าน แล้วก็มองไปยังปัณฑาอีก พูดกล่าว : “เฮ้ เด็กน้อย แกลูกไหมว่า จิ้งจอกหิมะที่นี่ไปไหนกันหมด?”
หลังจากที่ปัณฑาได้ยินเข้า ส่ายหัว พูดอย่างโมโหว่า : “พวกแกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นพวกแกได้เห็นดีกันแน่ ”
สายตาของชายผู้นั้นไม่สบอารมณ์ ตบเข้ายังใบหน้าของปัณฑาฉาดหนึ่ง โยนเธอไปอีกฝั่งนึง โยนเชือกที่อยู่ในมือออกมา มัดปัณฑาเอาไว้แล้ว
“คนกระจอกๆ ยังกล้ามาอวดดีกับพวกเรา แดนดั่งเทพรู้จักไหม พี่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนดั่งเทพนะ แกคิดว่ายังไง?ขืนกล้าพูดจามั่วซั่วอีก ระวังจะทุกข์ทรมาน!”
ปัณฑารู้สึกถึงความร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า โมโหจนกัดฟันแน่น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพละกำลังของตัวเองยังไม่ฟื้นฟูคืนมานะ ไอ้สามคนนี้ในตอนนี้คงกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว
“พี่สาม พี่สามพวกเขาน่าจะใกล้ทำสำเร็จแล้ว พวกเราพานังเด็กนี่ออกไปก่อนเถอะ หากว่าจิ้งจอกหิมะนั่นปรากฏตัวออกมา พวกเราก็จัดการได้ยากแล้ว”
เมื่อได้ยินเข้า พี่สองพยักหน้าแล้ว สายตามองไปยังปัณฑาอย่างเยือกเย็น พูดกล่าว : “พวกนายสองคนพาตัวเธอไป เราออกจากป่าแย่ๆนี่ กลับไปเอาเงินรางวัล”
หลังจากที่ชายทั้งสองคนได้ยินเข้า พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง คิดถึงท่าทางที่น่าหวาดกลัวของจิ้งจอกหิมะเหล่านั้นในครั้งก่อน ในก้นลึกของหัวใจก็สั่นระรัวเป็นระลอกๆ
และตอนที่ทั้งสามคนเตรียมจะพาตัวของปัณฑาไป ก็มีร่างเงาหนึ่งตกลงมาจากบนกิ่งไม้อย่างมั่นคง สายตามองไปยังสามคนนั้นอย่างเยือกเย็น พูดว่า : “พวกแกสามคน ปล่อยปัณฑาซะ ฉันอาจจะพิจารณาปล่อยพวกแกไป”
ได้ยินเสียงนี้ ปัณฑาหันหน้าไปอย่างรวดเร็ว มองไปยังรพีพงษ์ ตกตะลึงครู่หนึ่ง
พี่สามหันหน้ามามองรพีพงษ์ เหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ จู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา พูดกล่าว: “เหอะๆ คิดไม่ถึงว่า จะได้ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในคำสั่งตามล่าตัว วันนี้ลาภปากเลยจริงๆ อยากจะได้เด็กน้อยนี้เหรอ?ฝันไปเถอะ!ฉันจะจับตัวแกกลับไปด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รพีพงษ์ก็มีสีหน้าที่ราบเรียบ เก็บซ่อนลมหายใจไว้ลึกลงไปข้างใน เมื่อดูแบบนี้แล้ว พวกชายหนุ่มเหล่านี้ไม่คิดที่จะเป็นมิตรกันแล้ว ตัวเองจะต้องใช้มาตรการสักหน่อยแล้ว
“ไอ้สารเลว จะเสแสร้งอะไร พรรคพวก เข้าไป จับตัวไอ้หมอนี่ให้ฉัน เมื่อไปแลกเป็นเงินรางวัลมาได้แล้ว พี่สามจะพาพวกนายไปดื่มเที่ยวให้สนุกเลย!”
เมื่อได้ยินคำนี้ ผู้ชายอีกสองคนก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา ดึงกระบี่ด้ามยาวออกมาจากเอว มุ่งเดินเข้าไปยังรพีพงษ์
ปัณฑาเห็นภาพฉากนี้ ใบหน้าจนใจ คิดไม่ถึงว่าพวกเด็กเหล่านี้จะกล้าไปยั่วยุรพีพงษ์ ไม่รู้ที่ตายจริงๆ
รพีพงษ์มองไปยังสองคนที่ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ พลังแห่งวิญญาณกลิ้งๆขึ้นมา กระบี่สยบเซียนปรากฏขึ้นในมือ ท้องฟ้ามืดครึ้ม!