พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1521 หมดทางสู้
พอได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ผงะ
“หรือว่า ไอ้หมอนี่อยากจะดูดกลืนชีวิตของพี่น้องในสำนักงั้นหรือ?”
พอคิดถึงจุดนี้ รพีพงษ์สะบัดกระบี่ออกไปทางพลังเทพนั้นทันที แต่กลับถูกขวางไว้อย่างง่ายๆ เสียอย่างนั้น
สายตาของเจ้าสำนักมองมาที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วพูดว่า “ไอ้หนู รอกูกลืนกินไอ้พวกนี้ให้หมดเสียก่อน เดี๋ยวต่อจากนี้จะเป็นคิวของมึง”
เพิ่งสิ้นเสียง พวกลูกศิษย์ที่อยู่ต่อหน้าเจ้าสำนักก็รู้จักเจ็บปวดขึ้นมาอย่างมาก โลหิตภายในลำตัวก็ไหลออกมานอกร่างกายเอง และถูกเจ้าสำนักดูดไปอย่างไม่หยุด
เจ้าสำนักก็มีสีหน้าเสพสุข ร่างกายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น โดยไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เป็นคนแก่ๆ ไร้เรี่ยวแรงเลย
ผู้อาวุโสใหญ่เห็นดังนั้น ก็ยิ้มออกมา หลังจากที่ได้พักผ่อนไปสักพักแล้ว ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง พร้อมกับมองไปยังเจ้าสำนัก แล้วพูดว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นถึงเจ้าสำนัก มีพลังไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เชื่อว่าอีกไม่นาน สำนักหิมะเย็นของพวกเราก็จะสามารถครอบครองทั้งทวีปการฝึกตนไว้ได้อย่างแน่นอน!”
ได้ยินดังนั้น เจ้าสำนักก็มองมาที่ตัวของผู้อาวุโสใหญ่ แล้วหัวเราะออกมา มือขวาก็คว้าเข้าให้ ผู้อาวุโสใหญ่ลอยขึ้นจากพื้นไปอยู่ตรงหน้าเจ้าสำนัก โดยขัดขืนอะไรไม่ได้เลย
“เจ้าสำนัก นี่จะทำอะไรครับ ผม…..ผมทำทุกอย่างเพื่อสำนักหิมะเย็นของเรามากที่สุดนะ!” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างหวาดกลัว เห็นจอมมารตรงหน้าแล้ว ในใจก็ยิ่งกลัวอย่างปิดกั้นไม่ได้
เจ้าสำนักยิ้มออกมา สีหน้าก็มองผู้อาวุโสใหญ่อย่างดูถูก แล้วพูดว่า “ก็แค่ไอ้กระจอกระดับแดนดั่งเทพเท่านั้นเอง ผีน้อยตัวหนึ่งก็รับมือไม่ได้ แถมยังทำให้กูต้องเปิดเผยตัวตนก่อนเวลาอันควร กูจะเอามึงไว้ทำไมกัน!”
“วันนี้เป็นทีของสำนักหิมะเย็น ต่อไปจะเป็นทีของทั้งดินแดนเย็นสะท้าน!กูจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกอย่างให้หมด ให้เหมือนกับพวกสัตว์เดรัจฉาที่ป่ามืดเย็นเลยคอยดู!”
พอได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็หน้าซีด แล้วเดินพลังทิพย์ในกายเพื่อจะต่อต้าน แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย ได้แต่ยอมให้เลือดในตัวไหลออกมา แล้วถูกปีศาจตรงหน้าดูดกลืนไป
รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว พอรับรู้ว่ามารปีศาจแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็รีบบุกเข้าไปทันที
ถ้ายังปล่อยให้มันดูดชีวิตคนอื่นไปแบบนี้เรื่อยๆ เกรงว่าอีกไม่นาน ลูกศิษย์ในสำนักหิมะเย็นทั้งหมดจะไม่มีใครรอดเลย และที่ยิ่งน่ากลัวกว่านั้นก็คือ พอดูดชีวิตไปมากแล้วนั้น พลังของปีศาจก็จะถึงระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก พอถึงตอนนั้น นอกจากตนจะฟื้นพลังกลับมาระดับขั้นพีค ไม่อย่างนั้นคงจะหยุดปีศาจตัวนี้ไว้ไม่ได้แน่
เจ้าสำนักก็มองรพีพงษ์ที่คอยเข้าขัดขวางตนเองตลอดเวลา ด้วยสีหน้าโมโห ในมือก็โยนร่างไร้วิญญาณที่ถูกดูดพลังจนแห้งลงพื้นไป บนร่างกายก็เกิดเป็นเกราะที่แข็งแกร่งมากออกมา
“ดีเลย ไอ้หนู ในเมื่อมึงอยากตายขนาดนี้ ตอนนี้ล่ะ ถึงทีของมึงแล้ว!”
พูดจบ เจ้าสำนักก็หายตัวไปจากที่เดิม แม้แต่รพีพงษ์เองก็ตอบสนองไม่ทน แล้วก็ถูกกำปั้นที่มองไม่เห็นต่อยจนลอยกระเด็นออกไป แล้วกระเด็นใส่เสาหินอย่างแรง เสาหินนั้นขาดครึ่ง ฝุ่นคละคลุ้งปกคลุมตัวรพีพงษ์ไปหมด
“เสียงคำราม!”
มังกรยักษ์สีทองบินออกมาจากกลุ่มฝุ่นนั้น แล้วบุกมาทางเจ้าสำนัก
เจ้าสำนักก็ยังหน้านิ่ง ในมือก็เรียกกระบี่ใหญ่สีเลือดออกมา สะบัดกระบี่ออกไป มังกรยักษ์สีทองก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ ทันที โดยไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ต่อเจ้าสำนักได้เลย
“เหอะๆ กระบวนท่านี้ของมึงน่าสนุกดี ถ้ากูยังเป็นฝีมือระดับแดนเทพขั้นกลางธรรมดาล่ะก็ ตอนนี้คงได้ตายในเงื้อมมือมึงไปแล้ว แต่น่าเสียดาย ตอนนี้กูได้กายเทพปีศาจมาครอบครองแล้ว!ไม่มีวันตาย!จะได้ครอบครองทั้งทวีปการฝึกตนในอีกไม่นาน ใครก็มาขวางกูไม่ได้!”
พอสิ้นเสียง รอบๆ ตัวเจ้าสำนักก็มีคลื่นพลังไร้รูปลักษณ์หมุนวนออกมา รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็รีบเรียกพลังทิพย์ออกมาเป็นเพราะป้องกัน เพื่อต่อต้านคลื่นพลังนั้น
อาศัยจังหวะที่เจ้าสำนักยังไม่ทันได้ลงมือโจมตีมาต่อนั้น รพีพงษ์ก็รีบลงมือออกไป มันรวดเร็วจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กระบี่สยบเซียนได้พุ่งเข้าจะแทงที่ตำแหน่งหน้าอกของเจ้าสำนัก
เจ้าสำนักเห็นดังนั้น ก็หัวเราะออกมา โดยไม่ได้ปัดป้องใดๆ ยอมให้รพีพงษ์แทงเข้ามาที่หน้าอกตนเองอย่างไม่ได้เกรงกลัวใดๆ แถมยังมองยิ้มให้กับรพีพงษ์ด้วยเสียอีก
“เหอะๆ ก่อนหน้านี้มึงก็ได้เห็นแล้วใช่ไหม กายเทพปีศาจไม่ได้อ่อนแออย่างนั้นหรอก เชื่อว่าในโลกนี้คงจะมีแค่สองคนนั้นของกลุ่มสิงโตที่พอจะสู้กับกูได้”
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น เขารู้ดีว่าสองคนที่เจ้าสำนักพูดถึงนั้น ก็คือธัชธรรม และอีกคนก็คือ ตนเอง
น่าเสียดาย พลังของตนเองได้รับบาดเจ็บ ถ้าหากว่าไม่สามารถฆ่าปีศาจนี่ให้ตายล่ะก็ หลังจากนี้ธัชธรรมก็คงจะรับมือไอ้หมอนี่ได้ยาก
พอคิดเรียบร้อย รพีพงษ์ก็กำกระบี่สยบเซียนไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องยื้อเวลาไว้ให้ได้ จนกว่าพวกลูกศิษย์ทั้งหลายจะหนีไปได้อย่างลอดภัย แล้วตนเองค่อยหาวิธีถอยหนี
ขอเพียงพักรักตัวให้หาย ฟื้นพลังแดนเทพขั้นพีคให้กลับมา แล้วค่อยจัดการกับปีศาจตัวนี้ก็ไม่เรื่องยาก
พอเห็นรพีพงษ์ยังไม่หยุด เจ้าสำนักก็มองนิ่งๆ กระบี่ยาวสีเลือดก็ฟันมาทางรพีพงษ์ไม่ยั้ง มีรัศมีกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งมาทางรพีพงษ์
รพีพงษ์กัดฟันแน่น กระบี่สยบเซียนก็แกว่งออกมาเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกับของเจ้าสำนัก รพีพงษ์จะต้องฟันออกไปสองครั้งถึงจะสามารถต้านทานพลังของเจ้าสำนักได้หนึ่งกระบี่ พอนานเข้า รพีพงษ์ก็คงจะต้านทานไว้ได้ไม่นาน
“เพล้ง!”
เสียงดังสนั่น ง่ามมือของรพีพงษ์เจ็บปวดขึ้นมา กระบี่สยบเซียนถูกรัศมีพลังกระบี่ของเจ้าสำนักโจมตีจนกระเด็นหลุดมือออกไป จนไปปักลงที่พื้น
ส่วนรพีพงษ์ก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อย อ่อนแรงไปทั้งตัว แล้วพยายามบีบพลังทิพย์ออกมาเป็นเพราะป้องกันไว้ด้านหน้า ถึงสามารถต้านการโจมตีของเจ้าสำนักไปได้
พอเห็นว่ารพีพงษ์อ่อนแรง เจ้าสำนักก็เลยหยุดกระบวนท่ากระบี่ลง แล้วยิ้มออกมา มือขวาก็ใช้ไอพิฆาตบีบคอของรพีพงษ์ไว้ ทำให้เข้าหายใจได้อย่างยากลำบาก
“สู้สิ ทำไมไม่สู้แล้วล่ะ มึงเก่งนักไม่ใช่หรือไง? แค่นี้ยังจะกล้ามาบุกสำนักหิมะเย็นกู ทำแผนกูเสียหมด ยังจะกล้าวางมาดเป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต รอให้กูดูดเลือดมึงก่อน ดูสิว่ามึงจะหนีไปได้อย่างไร”
พูดจบ เจ้าสำนักก็ใช้ความคิด แล้วก็มีแรงกดดันมหาศาลกดลงมาที่ตัวของรพีพงษ์
รพีพงษ์ที่ฝึกวิชากังฟูเสนส่วนท้ายแล้วนั้น ร่างกายก็มีเกราะป้องกันออกมาทันที
แต่ทว่า เนื่องจากตอนนี้ระดับพลังของรพีพงษ์ไม่ถึงขั้นพีค และแรงกดนั้นมันก็แข็งแกร่งมาก ทำให้ตัวของรพีพงษ์มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด กลายเป็นละอองเลือดปลิวไปที่ตัวของเจ้าสำนัก แล้วถูกดูดกลืนไป
“ไอ้หนู!เลือดของมึงรสชาติดีกว่าที่กูคิดไว้เสียอีกนะ ดูดพลังมึง แล้วก็ไปดื่มน้ำอำมฤต ต่อให้เป็นคนระดับแดนเทพขั้นพีคกูก็ไม่กลัว!” เจ้าสำนักพูดอย่างดีใจ แล้วเร่งดูดเลือดของรพีพงษ์ให้เร็วขึ้น
รพีพงษ์มีสีหน้าเจ็บปวดมาก ความเจ็บปวดที่ถูกดูดพลังชีวิตไปแบบนี้แทบจะทำให้รพีพงษ์สลบ
ถ้ายังไม่มีทางอื่นล่ะก็ รพีพงษ์คงจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน!
และตอนที่สติของรพีพงษ์กำลังจะหมดไปนั้น ในส่วนลึกของวิญญาณ ก็มีเสียงหนึ่งดังออกมา
“เหอะๆ ข้าบอกแล้วไง ว่าให้เอาร่างกายของแกมาให้ข้า ข้าจะช่วยแกทุกอย่าง ไอ้เศษสวะตรงหน้านี้ ข้าจัดการได้ในกระบวนท่าเดียว!”
พอสิ้นเสียง รพีพงษ์ก็ลืมตาขึ้น ตนเองได้เห็นรพีพงษ์ตัวปลอมเหมือนกับที่เจอตอนอยู่ที่ทะเลอีกแล้ว
และในตอนที่รพีพงษ์กำลังสลบอยู่นั้น เงาของรพีพงษ์ตัวปลอมก็โผล่มาตรงหน้าของรพีพงษ์อีกครั้ง