พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1522 กองหนุนมาถึง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1522 กองหนุนมาถึง
รพีพงษ์มองจิตมารตรงหน้า แล้วก็ขมวดคิ้ว พร้อมพูดเสียงเย็นชาว่า “ที่นี่คือที่ไหน ทำไมแกยังโผล่ออกมาได้อีก”
จิตมารก็หัวเราะออกมา “ที่นี่คือโลกจิตใจของคุณไงล่ะ ส่วนข้า คุณคิดว่าจะสามารถทำให้ผมหายไปได้ง่ายๆ งั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว มือขวากำแน่น พริบตาก็บุกเข้าโจมตีไปยังจิตมาร
แต่การโจมตีไปแบบนี้ กลับถูกจิตมารรับกระบวนท่าไว้ได้แบบนิ่งๆ
“ตอนนี้สภาพคุณแย่มาก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก เอาร่างกายนี้ให้ผมเสียเถอะ เดี๋ยวผมช่วยคุณจัดการกับปีศาจตัวนั้นให้เอง และจะช่วยคุณปกป้องทุกอย่างไว้ให้เอง” จิตมารยิ้มร้ายๆ ที่มุมปาก
รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว สภาพแวดล้อมรอบๆ ค่อยถูกจิตมารกลืนกินไปจนมีสีแดงเลือด
รพีพงษ์รู้ดีว่า คงจะเป็นเพราะว่าตนเองไม่ค่อยมีสติ ทำให้จิตมารที่ซ่อนตัวอยู่ลึกๆ ทำให้ตนเองมีโอกาสที่จะเข้าสู่มาร
พูดจบ รพีพงษ์ก็ตัดสินใจต่อยเข้าไปที่ใบหน้าตนเองหนึ่งหมัด ความเจ็บปวดที่มาจากพลังจิตวิญญาณเทพส่วนลึก ทำให้รพีพงษ์ฟื้นได้สติขึ้นมา
มองเจ้าสำนักที่กำลังได้ใจอยู่ตรงหน้า กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ก็บินออกไป ลอยไปในอากาศ แล้วสะบัดกระบี่ลงมา อาศัยจังหวะที่เจ้าสำนักไม่ทันตั้งตัว กระบี่นั้นก็ฟันเข้าไปที่แผ่นหลังของเจ้าสำนักไปหนึ่งแผล
เจ้าสำนักเจ็บปวด มือก็คลายออก รพีพงษ์ก็อาศัยจังหวะนี้ออกมาจากการถูกควบคุม
“ไอ้หนู มึงอย่าได้คิดหนี!” เจ้าสำนักพูดอย่างโมโห สองมือก็กำแน่น ไอพิฆาตสีเลือดมืดฟ้ามัวดินนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่รพีพงษ์
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว กระบี่สยบเซียนก็กลับเข้ามาในมือเหมือนเดิม แล้วแกว่งกระบี่ออกไปอีก แล้วอาศัยจังหวะที่รังสีกระบี่กำลังต้านทานกับไอพิฆาตอยู่ ตัวก็กระโดดขึ้น พร้อมกับรีบถอยหนีออกไปจากสำนัก
ตนเองยื้อเวลามาได้มากพอแล้ว ตอนนี้จะต้องถอยก่อน เพื่อไปฟื้นพลังให้กลับมาระดับขั้นพีค แล้วค่อยกลับมาฆ่าปีศาจนี้
เจ้าสำนักเห็นว่ารพีพงษ์คิดจะหนี ก็กลายร่างแล้วรีบตามไป ตั้งไม่ต้องพูดถึงน้ำอำมฤตบนตัวของรพีพงษ์ ต่อให้เป็นแค่เลือดของรพีพงษ์ ก็ทำให้เจ้าสำนักน้ำลายไหลแย่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร ก็จะปล่อยคนนี้ไปไม่ได้!
ด้านนอกสำนัก
รพีพงษ์พังประตูออกมา ด้านนอกมีพายุหิมะรุนแรง แต่ยังดีที่รพีพงษ์มีพลังวิชาสูงส่ง เลยไม่ถูกเกล็ดหิมะพวกนี้ทำให้หลงทาง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ด้านหลัง มีเสียงของเจ้าสำนักส่งเข้ามา รพีพงษ์ก็จิ๊ปาก แล้วก็รีบมุ่งหน้าไปต่อโดนไม่ลังเล ร่างกายของเขาได้หายเข้าไปในหายุหิมะ
เจ้าสำนักก็พุ่งออกมาจากสำนัก พอในสายตาก็ไม่เห็นตัวของรพีพงษ์แล้ว ก็โมโหมาก ไอพิฆาตถูกสร้างออกเป็นทหารผีไม้จำนวนมาก
ตอนนี้รพีพงษ์บาดเจ็บหนัก ขอเพียงมันยังไม่ได้ออกไปจากดินแดนเย็นสะท้านนี้ ทหารผีไม้ของตนเองก็จะสามารถหาตัวมันพบได้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นหลายชั่วโมง ในถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขาหิมะ รพีพงษ์ใช้พลังทิพย์ปิดปากถ้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ตำแหน่งของตนเองถูกเปิดเผย แล้วรพีพงษ์ก็พักฟื้นพลังทิพย์อยู่ในถ้ำ
เนื่องจากก่อนหน้านี้รพีพงษ์สู้กับจิ้งจอกหิมะได้รับบบาดเจ็บ จนตอนนี้ก็ยังไม่หายดี แล้วยังต้องมาสู้กับเจ้าสำนักอีก อาการบาดเจ็บของรพีพงษ์จะยื้อต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
พอคิดเสร็จ รพีพงษ์ก็หยิบยาชั้นเลิศออกมาสองเม็ด แล้วกินลงไป ฤทธิ์ของยาก็กระจายไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆ ถูกรพีพงษ์ดูดซับพลังไป เพื่อไปรักษาทุกระบบในร่างกาย อาการบาดเจ็บภายนอกร่างกายก็ถูกฟื้นฟูด้วยพลังทิพย์
“ฟุบ……”
ด้านนอกถ้ำ มีเสียงเท้าเหยียบหิมะ รพีพงษ์ก็ฟังเสียงนั้นแล้วขมวดคิ้ว แต่เนื่องจากตอนนี้ตนเองยังอยู่ในสภาพพักฟื้นช่วงที่สำคัญที่สุด ถ้าหยุดกลางคัน ฤทธิ์รุนแรงของยาก็จะทำให้รพีพงษ์บาดเจ็บกว่าเดิม
ด้านนอกถ้ำ ทหารโครงกระดูกสี่ตัวกำลังตามหาร่องรอยของรพีพงษ์ ตอนที่เข้ามาใกล้ปากถ้ำนั้น ทหารโครงกระดูกถูกพลังทิพย์สะท้อนออกไป และเพราะแบบนี้ ทหารโครงกระดูกพวกนั้นก็เลยเข้าโจมตีเกราะพลังทิพย์นั้นทันที
พอเห็นว่าเกราะเริ่มร้าวขึ้นเรื่อยๆ รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว แล้วก็รีบดูดพลังจากยาให้เร็วขึ้น
“โครม!”
เสียงแตกของเกราะพลังดังเข้ามาในถ้ำ รพีพงษ์หายใจเข้าอย่างแรง พลังทิพย์ในตัวก็หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมกับการจะหยุดการรักษาไปกลางคัน
หลังจากที่ทหารโครงกระดูกทั้งห้าทำลายเกราะพลังไปแล้ว ก็ยืนเรียงหน้ากระดานเดิมเข้าด้านในถ้ำไป
สายตาของรพีพงษ์เหลือบเห็นว่าที่มุมของปากถ้ำมีเงาของทหารโครงกระดูกห้าตัว ตอนที่กำลังจะลุกขึ้นนั้น เสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมา
“รพีพงษ์ พวกเรามาแล้ว!”
พอสิ้นเสียง ในมือของธัชธรรมก็เรียกกระบี่ยาวออกมา ฟันไปทีเดียวก็ทำให้ทหารโครงกระดูกสองตัวขาดครึ่งท่อนไป
อีกสามตัวเห็นดังนั้นก็จะโจมตีกลับ แต่ถูกหงส์ นิศมา นฤชัยทั้งสามคนที่พุ่งออกมาเข้าขวางไว้
สามคนไม่ลังเล ฟันทหารผีไม้ทั้งสามตัวขาดครึ่งท่อนไปจนจบ
รพีพงษ์สัมผัสได้ว่าทหารผีไม้ทั้งห้าได้หายไปแล้วก็เบาใจ แล้วก็ตั้งใจดูดพลังของยาไปอีก
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม รพีพงษ์ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เห็นพวกของธัชธรรมทั้งสี่คนตรงหน้า แล้วก็ลุกขึ้น
พอธัชธรรมเห็นว่ารพีพงษ์ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็รีบเดินเข้ามาพูดว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาช้าไปหน่อยครับ”
รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วก็มองทั้งสี่คนพร้อมกับยิ้มออกมา ถ้าไม่ได้ทั้งสี่คนมาช่วยไว้ได้ทัน บางทีตนเองก็อาจจะตายไปเพราะถูกฤทธิ์ยาสะท้อนกลับใส่ตนเองไปแล้ว
“พวกคุณสี่คนทำได้ดีมาก ดินแดนเย็นสะท้านมียอดฝีมือมารฝึกอยู่มาก ตอนนี้ผมฟื้นพลังได้ถึงแดนเทพขั้นกลาง น่าจะเพียงพอกับการไปฆ่ามารฝึกพวกนั้นได้แล้ว”
ได้ยินดังนั้น พวกของธัชธรรมทั้งสี่คนก็พยักหน้า จากนั้นก็ตามหลังรพีพงษ์เดินออกนอกถ้ำไป แล้วก็ถูกเจ้าสำนักพบร่องรอยเข้า
เจ้าสำนักเผยยิ้มออกมา แล้วก็ก็ทิ้งซากศพในมือลงไป พร้อมมองไปยังทิศทางของรพีพงษ์
“เหอะๆ ไอ้หนู ในที่สุดมึงก็ถูกหัวไหล่หาจนเจอ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวกูจะไปเอาชีวิตของมึงเดี๋ยวนี้แหละ!”
สายลมพัดแรง บนยอดเขาหิมะ รพีพงษ์ยืนอยู่บนนี้ สายตาก็จ้องมองไปยังทิศทางของสำนักหิมะเย็น ส่วนด้านหลัง พวกของธัชธรรมทั้งสี่คนก็เตรียมต่อสู้
ไม่นานพวกของธัชธรรมทั้งสี่คนก็รู้จากปากปัณฑาว่ารพีพงษ์กำลังอยู่ในอันตราย และฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงยอดฝีมือมารฝึกระดับแดนเทพขั้นกลาง เรื่องนี้ทำให้ทั้งสี่คนตกใจอย่างมาก ยังไม่ทันได้บอกกับคนอื่นๆ แล้วก็รีบมาถึงที่นี่ทันที
ส่วนปัณฑา เนื่องจากยังอ่อนแรงก็เลยยังอยู่ที่นั่น
รพีพงษ์เห็นว่าด้านหน้ามีควันดำพุ่งเข้ามา ก็ขมวดคิ้ว มือก็กำกระบี่สยบเซียนแน่น พูดว่า “มันมาแล้ว!”
พวกของธัชธรรมทั้งสี่คนก็พยักหน้า แล้วก็แยกกันทั้งท่าโจมตีกันออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ควันดำก็มาหยุดที่ตรงหน้ารพีพงษ์
พอควันดำสลายไป เจ้าสำนักที่มีรูปร่างเปลี่ยนเป็นปีศาจทั้งหมดแล้ว ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งห้าคน
“เหอะๆ เอากองหนุนมาช่วยด้วยงั้นหรือ แต่เสียดาย ไม่ว่ามึงจะทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์ นี่ก็แค่เพิ่มอาหารให้กูกินก็เท่านั้นเอง!”
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น มุมปากก็ยิ้มเยาะออกมา กระบี่สยบเซียนชี้ไปทางเจ้าสำนัก แล้วพูดว่า “มึงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ กูจะฆ่ามึงเสียที่นี่แหละ!”
พอได้ยินดังนั้น เจ้าสำนักก็หัวเราะดูถูก “ฝันไปเถอะพวกมึง เอาชีวิตมึงมาให้กู!”
พอสิ้นเสียง ปีศาจก็ออกมาจากด้านหลังของเจ้าสำนักหลายสาย แล้วพุ่งเข้าไปหาพวกของรพีพงษ์