พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1527 เมืองแฟรี่
ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็สงสัยเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ที่เทวโลกมีเมืองด้วยหรือ? พวกเทพเทวดาทั้งหลายไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเที่ยวท่องไปทั่วสารทิศหรือ?”
ได้ยินดังนั้น ปัณฑาก็ส่ายหน้ารัวๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา “คุณคิดว่ากำลังอ่านนิยายอยู่รึไง ฝึกฝนจนถึงระดับแดนบุณ ก็แค่เพิ่งได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นเซียนเท่านั้นเอง ยิ่งกว่านั้น ที่นี่มีคนมากมายที่ยังไม่ถึงระดับแดนบุณเสียด้วยซ้ำ ถ้าทุกคนล้วนออกไปท่องเที่ยวกันหมด เทวโลกก็วุ่นวายกันไปนานแล้วล่ะ”
พอได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็หยักหน้า ในใจก็คิดหวังว่าเมืองในเทวโลกจะเป็นอย่างไร
บางที ในเมืองอาจจะมีสิ่งที่ทำให้ตนเองเพิ่มพลังได้เร็วขึ้น เพื่อนรเทพได้เร็ววัน
ตวัสก็มองทั้งสองคนเหมือนว่ากำลังมาท่องเที่ยว ก็ถอนหายใจออกมา พร้อมพูดว่า “เอาเถอะ หน้าที่ของผมสิ้นสุดแล้ว เดี๋ยวผมจะออกไปคนเดียว ไปหาคนคนหนึ่ง พวกคุณก็เข้าไปยังเมืองแฟรี่ เมืองที่อยู่ห่างจากที่นี่ใกล้ที่สุดก็แล้วกัน เดี๋ยวผมไปหาพวกคุณเอง ช่วงเวลานี้ก็ขอพวกคุณโชคดีก็แล้วกัน”
สิ้นเสียง ยังไม่ทันรอให้รพีพงษ์และปัณฑาพูดอะไร ตวัสก็กระโดดออกไป แล้วก็ไม่เห็นเงาแล้ว
รพีพงษ์และปัณฑาล้วนมีใบหน้าเหวอๆ เดิมทีคิดยังมีผู้ช่วยที่มีฝีมือแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ ทุกอย่างนั้นเป็นเพราะทั้งสองคนคิดเกินไปเอง
“ปัณฑา คุณรู้ไหมว่าเมืองแฟรี่อยู่ที่ไหน?” รพีพงษ์ถาม
ปัณฑาเอามือจับคาง แล้วก็ทำตัวไม่ถูก พูดว่า “เอ่อ ฉันหลับใหลมาเป็นพันปี เรื่องพวกนี้ก็ได้ลืมไปหมดแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไร คนในเทวโลกใจดี พวกเราไปถามคนตามทางก็แล้วกัน”
ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็หน้าแหย ไม่คิดเลยว่า จัดการกันมาตั้งนาน แต่ปัณฑาไม่รู้สภาพการณ์ในเทวโลกเลย
ที่นี้ล่ะดี แม้แต่เส้นทางจะไปเมืองแฟรี่ก็ต้องถามทางเอา แต่สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์แปลกใจก็คือ บริเวณที่ตนเองและปัณฑาอยู่นั้นเป็นทุ่งกว้าง มีคนอื่นเสียที่ไหน?
“ปล่อยฉันนะ!ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้ฉันตายก็จะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่” มีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากในป่า
ในป่านั้น มีชายสามคนล้อมตัวผู้หญิงที่ถูกเชือกมัดไว้ สายตาก็เต็มไปด้วยการคิดชั่ว
“เหอะๆ แม้สาวน้อย พวกเราสามคนเป็นคนของหวูเนี่ยนเฉินกง ถึงแม้จะเป็นแค่ช่างทั่วไป แต่ขอเพียงเธอยอมพวกเราสามคนล่ะก็ เธอจะได้อะไรดีๆ มากเลยนะรู้ไหม” ชายหน้ากลมหัวลูกชิ้นหูกางเลียปากตัวเอง สายตาก็จ้องมองไปที่เรือนร่างของผู้หญิงคนนั้น
“นั่นสิๆ อีกอย่างในป่าทุรกันดารแบบนี้ เธอผู้หญิงคนเดียว ต่อให้มีอะไรก็ไม่มีใครมาเห็นหรอกน่า เดี๋ยวทำเสร็จจะให้อะไรดีๆ นะ พวกเราล้วนมีความสุขกันไม่ดีหรือไง” ชายหน้าผอมอีกคนพูดขึ้นมา
ผู้หญิงได้ยินดังนั้น แล้วมองสายตาของชายทั้งสามก็กลัวมาก ไม่คิดเลยว่า ตนเองแค่ออกมาเก็บยาไกลนิดเดียว จะเจอสามคนนี้ในป่าลึกแบบนี้ได้
ตอนนี้ตนเองจะสู้ก็สู้ไม่ได้ จะหนีก็หนีไม่ได้ ถ้าจะถูกรังแกแบบนี้ ก็ไม่สู้จบชีวิตตนเองเสียเลยดีกว่า!
คิดเสร็จ ตอนที่ผู้หญิงก็เตรียมจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายนั้น ก็มีเสียงร้องโอดโอยสามเสียงดังขึ้น
ผู้หญิงลืมตาขึ้นมา เห็นว่าสามคนร้องเจ็บปวดอยู่ที่พื้น แล้วก็แปลกใจ
“เหอะ ปกติก็ไม่ชอบอยู่แล้วไอ้พวกรังแกผู้หญิง มาเจอกับกูเข้าถือว่าพวกมึงซวย ถ้ายังกล้ามาตามรังควานคุณคนนี้อีกล่ะก็ ก็อย่าหาว่ากูไม่เตือนแล้วกัน!” รพีพงษ์ยืนอยู่ด้านหลังผู้หญิง มือก็ถือกระบี่สยบเซียนที่ยังไม่ได้ออกจากฝัก ชี้ไปยังสามคนนั้น
ชายหน้ากลมหัวลูกชิ้นหูหางก็เอามือห้ามเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าผาก แล้วก็โมโหหนักมาก ชี้ไปยังรพีพงษ์ พร้อมด่าออกมาว่า “ไอ้นี่ มึงรู้ไหมว่าพวกกูเป็นคนของหวูเนี่ยนเฉินกง มึงรู้จักไหมหวูเนี่ยนเฉินกงอะ สำนักระดับต้นๆ ของเมืองแฟรี่ กล้ามาลงมือกับพวกกู กูว่ามึงคงไม่อยากมีชีวิตแล้วล่ะ”
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็นั่งคุกเข่าลงแก้มัดให้กับผู้หญิง แล้วพยุงเธอลุกขึ้น
พอเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้สนใจพวกตนเองสามคน ชายหัวลูกชิ้นก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม มือก็เรียกอาวุธออกมา พร้อมพูดว่า “ไอ้หนู มึงอวดเก่งจังนะ เมื่อครู่นี้มึงลอบโจมตีพวกกู กูยังไม่เห็น ในเมื่อมึงอยากจะเสือกเรื่องนี้ ก็อย่าหาว่าดาบกูมันไม่มีตาก็แล้วกัน!”
“อ๋อหรือ? มึงหมายความว่า มึงจะเอาชีวิตกูล่ะสิ!กูจะบอกให้นะ ชีวิตของกู ไม่ได้จะเอาไปง่ายๆ หรอกว่ะ ก่อนจะถึงตอนนั้น มึงจะต้องเตรียมตัวตายก่อน!” รพีพงษ์พูดเสียงเย็น ในมือก็เอากระบี่สยบเซียนออกจากฝัก รังสีกระบี่ทำให้สามคนนั้นกลัวขึ้นมา
ชายหน้าผอมคนนั้นก็ตกใจจนขวัญเสียไป แล้วก็มองชายอ้วนหัวลูกชิ้น พร้อมพูดเบาๆ ว่า “พี่ใหญ่ พวกเราถอยกันก่อนเถอะ ที่นี่มันทุรกันดาร ถ้าไอ้หมอนี่มันลงมือฆ่าจริงๆล่ะก็ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา พวกเราจะเรียกคนมาช่วยไม่ได้นะพี่”
ได้ยินดังนั้น ชายอ้วนหัวลูกชิ้นก็พยักหน้า ในมือก็เก็บอาวุธไป แล้วพูดว่า “ไอ้หนู ครั้งนี้ถือว่ามึงโชคดี อย่ากูเห็นมึงอีกนะ ไม่งั้นล่ะก็ เจอที กูกระทืบมึงทีหนึ่ง!”
พูดจบ ชายอ้วนหัวลูกชิ้นก็ก้าวขาวิ่งหนีไป อีกสองคนเห็นดังนั้น ก็วิ่งไปไม่เห็นฝุ่น
รพีพงษ์เห็นแล้วก็ถอนหายใจ จากนั้นก็เก็บกระบี่สยบเซียนไป พอมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น ก็พูดว่า “คุณไม่เป็นอะไรนะ”
ผู้หญิงพยักหน้า พอมองดูดีๆ ก็ถูกความหล่อของรพีพงษ์ดึงดูดเข้าให้อีกแล้ว
พอเห็นว่าผู้หญิงคนนี้จ้องมองตนเอง รพีพงษ์ก็แกล้งไอ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบตั้งสติขึ้นได้ แล้วก็หน้าแหยทำอะไรไม่ถูก หน้าแดงเขินไป
ปัณฑาเห็นดังนั้น ก็หัวเราะแบบแซวๆ ออกมา แล้วพูดข้างหูรพีพงษ์ว่า “คุณนี่มันเสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ เพิ่งมาที่เทวโลกได้ไม่นาน ก็มีผู้หญิงมาติดแล้วนะ”
อได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ทำหน้าเอือมระอา ตนเองมีเสน่ห์เกินไป จะโทษตัวเองได้งั้นหรือ?
ผูหญิงคนนั้นเอามือลูบหน้าตนเอง แล้วก็เงยหน้านิดๆ มองรพีพงษ์ ยังคงมีความเขินอาย พร้อมพูดว่า “ขอบคุณมาก ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้คุณล่ะก็ ฉันต้องแย่แน่ๆ”
รพีพงษ์ยิ้มโบกปัด พร้อมพูดว่า “เรื่องเล็กน้อย แต่ว่าผมอยากถามหน่อยว่า คุณรู้จักทางไปเมืองแฟรี่ไหม ว่าไปอย่างไร?”
พอได้ยินดังนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้น ปากสั่นๆ สายตาที่น่ารักก็จับจ้องไปที่รพีพงษ์ พร้อมพูดว่า “คุณจะไปเมืองแฟรี่หรือ? ฉันก็อยู่ที่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันพาไปดีไหม?”
ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์และปัณฑาก็ดีใจมาก พยักหน้าไปแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รบกวนหน่อยแล้วกัน”
ผู้หญิงคนนั้นก็รีบโบกปัด แล้วพูดว่า “พวกคุณช่วยฉันไว้ เรื่องแค่นี้ฉันควรทำอยู่แล้ว พอดีว่าฉันเก็บยาสมุนไพรครับแล้วพอดี เดี๋ยวฉันพาพวกคุณไปยังเมืองแฟรี่เลยดีกว่า”
รพีพงษ์ตอบรับ แล้วก็ตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปป่าไป
ระหว่างทาง รพีพงษ์และผู้หญิงคนนั้นก็ถามชื่อแซ่กัน หลังจากทราบว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าผลิน ทั้งสองคนก็ไม่คุยอะไรกันอีก
ก็เพราะว่าตอนนี้ผลินยังเขินอาย อีกอย่างก็เป็นเพราะว่ารพีพงษ์ไม่อยากทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันขึ้น