พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1528 เมืองแฟรี่
ประมาณครึ่งชั่วยาม รพีพงษ์และปัณฑาตามอยู่ด้านหลังของผลิน และในตอนนี้ ในที่สุดทั้งสองคนก็ได้เห็นประตูเมืองขนาดใหญ่ บนประตูเมือง เขียนไว้ว่าเมืองแฟรี่อย่างชัดเจน
“พวกคุณทั้งสองคงจะเหนื่อยแล้วสินะ ข้างหน้าก็คือเมืองแฟรี่ พวกคุณรีบหน่อยแล้วกัน ข้างหน้าจะมีคนเยอะมาก อย่าหลงกันเชียวล่ะ เดี๋ยวพอเข้าเมืองแล้วฉันจะพาไปกินข้าวที่บ้านฉัน ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยฉันไว้” ผลินกล่าว
รพีพงษ์และปัณฑาก็มองหน้ากัน แล้วพยักหน้า พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ผลินมากขึ้น จนแทบจะเดินใหล่ชนกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ผลินคิดไม่ถึงก็คือ แค่เดินหัวไหล่ชนกันแค่นี้ ก็ทำให้ใจของเธอเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
หรือว่า ตนเองจะชอบรพีพงษ์เข้าแล้วนะ?
ที่ประตูเมือง มีทหารกำลังดูแลประตูเมือง5คนกำลังเก็บเงินค่าผ่านทางเข้าประตูเมือง
พวกของรพีพงษ์ทั้งสามคนต่ออยู่หลังแถว เนื่องจากคนเบียดเสียดกันเข้ามา ผลินก็ยืนอยู่ข้างหน้ารพีพงษ์ เพื่อที่จะไม่อยากให้ผู้ชายตรงข้ามาโดนตัวตนเอง ผลินก็แทบจะอยู่ในอ้อมอกของรพีพงษ์ กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจรพีพงษ์ก็ได้ยินชัดเจน
ส่วนด้านหลังของรพีพงษ์ก็มีคนต่อแถวอยู่ ตนเองก็ขยับไม่ได้ รพีพงษ์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ปัณฑาก็เหล่มองบน นั่งอยู่บนหัวไหล่ของรพีพงษ์ เพื่อรอแถวเดินเข้าไป
ด้านหน้าของผลิน ชายหัวล้านได้กลิ่นหอมอ่อนจากด้านหลัง ก็เลยค่อยๆ หันไปมอง เห็นผลินรูปร่างสะสวย ในหัวก็คิดไม่ซื่อ มือขวาก็เอื้อมไปข้างหลัง แล้วค่อยๆ ยื่นออกไป
ตอนนี้ผลินกำลังก้มหน้าอยู่ ในหัวกำลังคิดอะไรวุ่นวายอยู่ ไม่ได้เห็นสิ่งผิดปกติพวกนี้
รพีพงษ์หันมามอง แล้วก็ขมวดคิ้ว แล้วจับมือของชายหัวล้านไว้ แล้วโยนเขาออกนอกแถวไป
“ผมขอเตือนว่าให้ทำตัวดีๆ หน่อย มืออย่าจับอะไรไปทั่ว ไม่อย่างนั้น ผมจะสับมือคุณทิ้งเสีย!”
ชายหัวล้านก้นจ้ำเบ้า แล้วมองมือขวาที่ถูกรพีพงษ์จับจนแดง ใบหน้าก็โมโห “มึงเป็นคนบ้านไหนวะ ถึงได้กล้ามายุ่งเรื่องของกู ผู้หญิงที่เข้าตากู ก็ถือว่าเป็นบุญของคนนั้น มึงยุ่งอะไรด้วย!มึงโขกหัวคำนับกูสามครั้ง แล้วกูจะปล่อยมึงไปครั้งนี้!”
พอได้ยินความวุ่นวายนั้น คนที่ต่อแถวอยู่ก็มองกันเข้ามา หลังจากเห็นชายหัวล้านแล้ว ทุกคนก็รู้จักเขาทันที
“อ้าวนี่ไม่ใช่พ่อบ้านเตชิตของร้านขายยาภูสรีดาวหรอกหรือนี่ ไอ้โง่ที่ไหนมันกล้าทำร้ายคนของตระกูลภูสรีดาวละเนี่ย คงจะไม่อยากมีชีวิตแล้วล่ะมั้ง”
“นั่นสิ ตระกูลภูสรีดาวมีตำแหน่งในเมืองแฟรี่อยู่พอสมควร แม้แต่คนรับใช้ใครก็หาเรื่องไม่ได้ ที่นี่ล่ะดูเหมือนจะเกิดเรื่องเสียแล้วล่ะ”
ทุกคนก็พูดกันออกมา ด้วยท่าทางรอชมความวุนวายที่จะเกิดขึ้น
ผลินตั้งสติขึ้นได้ พอเห็นพ่อบ้านเตชิตที่พื้น แล้วก็มองรพีพงษ์ ด้วยความกังวล ก็เลยรีบไปขอโทษพ่อบ้านเตชิตทันที
“พ่อบ้านเตชิต เข้าใจผิดกันนะคะ เข้าใจผิดกัน สองคนนี้เป็นเพื่อนของฉัน พ่อบ้านเตชิตก็เห็นแก่หน้าฉัน ปล่อยเขาไปเถอะนะ”
ได้ยินดังนั้น พ่อบ้านเตชิตก็หัวเราะร้ายๆ ออกมา แล้วลุกขึ้นปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าตนเอง พร้อมพูดด้วยใบหน้าหยิ่งๆ ว่า “เห็นแก่หน้ามึงงั้นหรือ? ยัยผู้หญิงแก่จินตรานั่น เปิดร้านขายยาที่จะเจ๊งอยู่แล้ว ทำไมต้องเห็นแก่หน้ามึงด้วยล่ะ? คิดว่ากูจะให้อภัยได้ง่ายๆ งั้นหรือ วันนี้ มึงจะไม่ยอมคุกเข่าก็ต้องยอม!ไม่อย่างนั้นกูก็ไม่ถือสานะที่จะปิดร้านยาพวกมึงก่อนเลย!ส่วนมึง ถ้าพรุ่งนี้มึงยอมมากินเหล้าเป็นเพื่อนกูที่บ้าน กูก็อาจจะพิจารณาซื้อร้านยามึงต่อ ให้พวกมึงได้มีทางรอด”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของผลินก็กังวลขึ้นมาทันที
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วเอาตัวผลินปกป้องไว้ด้านหลัง พร้อมพูดว่า “อย่าไปพูดดีกับไอ้คนอวดเก่งพวกนี้ คุณรออยู่เฉยๆ เดี๋ยวให้ผมจัดการเอง”
พูดจบ รพีพงษ์ก็ค่อยๆ เดินมายังนายท่านเย่ ทุกครั้งที่เข้าใกล้มาทีละก้าว พ่อบ้านเตชิตก็รู้สึกเหมือนโดนกดดัน และตอนที่รพีพงษ์มายืนตรงหน้าตนเองนั้น พ่อบ้านเตชิตก็ขาอ่อนจนเกือบจะล้มลงที่พื้น สีหน้าก็หวาดกลัว
“เห้ยมึงจะทำอะไร!กูขอเตือนเลยนะ ถ้ามึงกล้าลงมือกับกูล่ะก็ กูจะไม่ปล่อยมึงไปแน่ ตระกูลภูสรีดาวก็จะไม่ปล่อยมึงไปแน่!”
“ผัวะ!”
รพีพงษ์ตบเข้าไปที่ใบหน้าด้านซ้ายของนายท่านเย่ ไม่นานใบหน้าด้านซ้ายของพ่อบ้านเตชิตก็บวมขึ้นมา เจ็บจนทำให้เขาน้ำตาไหล
“นี่มึง….กล้าตบกูงั้นหรือ กูจะบอกให้นะ กูเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว วันนี้มึงกล้าตีกู กูก็จะทำให้มึงไม่มีที่ยืนในเมืองแฟรี่!” พ่อบ้านเตชิตพูดกร่างขึ้นมาอีก เพื่อจะให้รพีพงษ์ถอยออกไป
แต่ใครจะรู้ล่ะว่ารพีพงษ์ไม่ได้กลัวอะไรเลย แถมยกมือขวาตบเข้าไปอีก
“ผัวะ!”
เสียงตบบ้องหูดังจนทุกคนได้ยินชัดเจน ทุกคนที่นั่นก็พูดไม่ออกกันเลย
ใครจะรู้ล่ะว่า พ่อบ้านของร้านขายยาภูสรีดาว ตอนนี้จะมาถูกวัยรุ่นตบหน้าที่หน้าประตูเมืองเมืองแฟรี่แบบนี้ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันก็จะเป็นเรื่องขบขันกันมากทีเดียว
พ่อบ้านเตชิตก็เอามือจับหน้าที่บวมตุ่ยของตนเอง แล้วก็เริ่มกลัวจนต้องนั่งที่พื้น “นี่มึง….มึงจะมาทำแบบนี้กับกูไม่ได้นะ กูเป็นพ่อบ้านของร้านขายยาภูสรีดาวนะเว้ย ตระกูลภูสรีดาวต้องช่วยกูแน่”
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ก็มีสายตาเย็นๆ พร้อมพูดว่า “คุณมาลงไม้ลงมือกับเพื่อนผมก่อน แล้วยังจะมาพูดจาไม่ดีอีก ถ้าตระกูลภูสรีดาวที่คุณพูดถึงจะทำอะไรกับผมก็มาเลย จำไว้นะว่า ผมชื่อรพีพงษ์”
พูดจบ รพีพงษ์ก็ทิ้งสายตาเอือมระอาไว้ให้กับพ่อบ้านเตชิต แล้วก็เดินมาข้างหลังผลิน
ทุกคนเห็นดังนั้น ก็ต่างพากันซุบซิบ แล้วก็จดจำรพีพงษ์ แน่นอนว่าไม่ใช่ความทรงจำที่ดีหรอก
แม้แต่คนที่ยืนด้านหลังของรพีพงษ์ ก็เริ่มยืนห่างๆ ตัวของรพีพงษ์ เพราะกลัวจะซวยไปด้วย
ผลินก็มองรพีพงษ์ด้วยใบหน้ากังวล “รพีพงษ์ คุณบุ่มบ่ามเกินไป เขาเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว ตระกูลภูสรีดาวมีอิทธิพลในเมืองแฟรี่ไม่น้อย พวกเรารับมือกับเขาไม่ได้หรอก”
ได้ยินดังนั้น ก็มองยัยทึ่มตรงหน้าด้วยสายตาอีกแบบ “เมื่อครู่ไอ้หมอนั่นคิดจะลวนลามคุณ ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ เกรงว่าคงจะเหิมเกริมไปใหญ่ อีกอย่าง ต่อให้มีตระกูลภูสรีดาวหนุนหลังมันอยู่แล้วไงล่ะ ในพจนานุกรมของผม ไม่มีคำว่า กลัว”
ได้ยินดังนั้น ผลินก็แปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่า รพีพงษ์จะลงมือเพื่อช่วยตนเองไว้ แต่ก็ยังเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ไปหาเรื่องกับพ่อบ้านเตชิตไม่ได้ ถ้าพ่อบ้านเตชิตจะแก้แค้นขึ้นมาจริงๆ ร้านยาตระกูลตนเองปิดไปก็ไม่เท่าไร แต่ถ้าทำให้รพีพงษ์ต้องมาจบชีวิต ทีนี้ล่ะเป็นเรื่องใหญ่แน่
ส่วนทางด้านของพ่อบ้านเตชิต ผลินยังอยากจะไปขอร้องกับพ่อบ้านเตชิต ไม่คิดเลยว่าพ่อบ้านเตชิตจะวิ่งไปด้านหน้าสุดของแถว แล้วเข้าไปในเมืองแฟรี่ เกรงว่าคงจะไปตามคนมาแก้แค้น
พอเห็นดังนั้น ผลินก็ร้อนรนขึ้นมา ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ตนเอง รพีพงษ์และปัณฑาทั้ง3คนเกรงว่าเพิ่งได้เข้าเมืองก็ต้องถูกแก้แค้นแล้วแน่ๆ