พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1536 สร้างโลก
ผลินและจินตราร้องไห้จนน้ำตานองหน้า
เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้ แล้วตอนกลางคืนก็รักษาการเจ็บป่วยร้ายแรงของแม่จนหาย
ยังไม่ทันได้ขอบคุณ รพีพงษ์และปัณฑาทั้งสองคนกลับมีจุดจบเช่นนี้
“พวกคุณ พวกคุณโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว” ผลินด่าอย่างเคียดแค้น
ปกติผู้หญิงคนนี้เป็นคนนิ่งเงียบ ตอนนี้ได้รวบรวมความกล้าที่จะท้วงติงผู้ที่ผู้มีอำนาจของเมืองแฟรี่
พลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังกำลังมาอีกรอบ และปัณฑาก็รู้สึกถึงพลังมหาศาลนั้นแล้ว และกำลังรอคอยเทพมรณะมาเยือน
ขณะนั้นเอง ทันใดนั้นมีแสงสีขาวประกายแวบขึ้นมา
พลังจิตวิญญาณชนิดเดียวกันกำลังพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
“ไอ้หมอนี้ แค่พลังจิตวิญญาณระลอกเดียวก็สามารถฆ่าฉันได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับปล่อยระลอกที่สองออกมา นี่เป็นการดูถูกฉันใช่ไหม?”
ปัณฑาคิดอยู่ในใจ แต่ไม่ว่าพลังจิตวิญญาณจะมากขนาดไหน สำหรับเธอแล้วมีเพียงจุดจบเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วินาทีต่อมา มีเสียงดังระเบิดขึ้นอยู่ด้านหน้าของปัณฑา
“ปัณฑา รีบหนีไป!”
เป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก
“รพีพงษ์!”
ปัณฑาลืมตา รพีพงษ์ที่นอนแนบนิ่งอยู่บนพื้นเมื่อสักครู่ได้ลุกขึ้นยืน ไม่เพียงแค่นั้นไหล่ที่กว้างของเขาได้ปังอยู่ตรงหน้าตนเองอีกด้วย!
“พลังจิตวิญญาณระลอกที่สองเมื่อสักครู่……” ปัณฑาถามด้วยความประหลาดใจ และน้ำตาคลอเบ้า
“ผมเป็นคนปล่อยออกมาเอง”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วจนแน่น และกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“คุณไม่เป็นไร คุณไม่เป็นไร! เยี่ยมมาก!” ปัณฑากล่าว
“รีบไปจากที่นี่ แล้วไปซ่อนตัวไกลหน่อย” รพีพงษ์กล่าวอย่างราบเรียบ แต่สายตายังคงมองบวรวิทย์ที่อยู่ไม่ไกล
ปัณฑาพยักหน้า กระโดดเบา ๆ แล้วก็ไปอยู่อีกฝั่ง
เมื่อเห็นรพีพงษ์ฟื้นจากความตาย ผลินและจินตราก็รู้สึกประหลาดใจและมีความสุขมาก
“ไอ้หนู มีความอดทนนี่ ขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีก!” บวรวิทย์กำหมัดทั้งสองไว้แน่น มีความโกรธแค้นปรากฏขึ้นในดวงตา
“ระดับแดนบุณ สร้างโลกมาหนึ่งใบ เดิมผมอยู่ในโลกที่คุณสร้างขึ้นจริง และก็ไม่สามารถยืนหยัดได้แล้ว แต่ในวินาทีสุดท้าย ผมสามารถหาจนพบจุดบกพร่อง!” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“จุดบกพร่อง?”
บวรวิทย์แทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง “คุณกำลังพูดอะไร? คุณที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกฝน กล้าบอกว่าโลกของผมมีจุดบกพร่อง พูดตลกอะไร!”
มีรอยยิ้มดูถูกปรากฏขึ้นที่มุมปากของรพีพงษ์ “ข้อเท็จจริงอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว ตอนนี้ตัวผมยังอยู่ดีมีสุขเหมือนเดิม แล้วก็ออกมาจากโลกของคุณได้ นี่คือคำอธิบายที่ดีที่สุด”
“คุณ!”
บวรวิทย์ใช้กระบี่ชี้ไปที่รพีพงษ์ และพลังจิตวิญญาณในร่างกายกำลังปั่นป่วน แสดงให้เห็นถึงความร้อนรนภายในใจของเขาในเวลานี้!
รพีพงษ์ขมวดคิ้วจนแน่น ตนเองสามารถหนีจากนรกทะเลเพลิงน้ำแข็งได้ พูดแล้วมันน่าตื่นเต้นจริง ๆ
ทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณ การสืบทอดอันดับแรกที่ตนเองได้รับจากเทพเจ้า!
เทพเจ้าสร้างโลก!
นี่เป็นการสืบทอดระดับสูงของเทพเจ้า แม้แต่รพีพงษ์ก็ยังสงสัยว่า การสืบทอดดังกล่าวเป็นมากกว่าการสืบทอดระดับสูง!
ตอนที่ตนเองดิ่งลง และกำลังจะตกลงไปในทะเลเพลิง
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ศักยภาพทางกายภาพของรพีพงษ์ได้ถูกปลุกเร้า
หลังจากฝึกฝนวิชากังฟูเสนแล้ว ร่างกายของเขาก็สามารถสร้างเกราะป้องกันได้
สัมผัสได้ถึงความร้อนระอุรอบตัวที่เป็นภัยต่อชีวิต ร่างกายของรพีพงษ์ถูกห่อหุ้มด้วยเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง
แต่ถึงกระนั้น รพีพงษ์ก็ไม่สามารถหยุดการดิ่งลงของร่างกายได้
เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะถูกฝังอยู่ในทะเลเพลิง ทันใดนั้นในสมองของรพีพงษ์ก็ได้ปรากฏเทพเจ้าสร้างโลกอย่างเลือนราง
“ในเมื่อตัวคุณอยู่ในโลกใบนี้แล้ว ทำไมคุณจะไม่สามารถสร้างโลกอีกใบหนึ่งได้!”
มีเสียงที่แก่ดังอยู่ในสมองของรพีพงษ์ และหลังจากนั้นรูปลักษณ์ของเทพเจ้าสร้างโลกเทพก็ค่อย ๆ จางหายไป
รพีพงษ์ที่กำลังดิ่งลง ก็ลืมตาขึ้นทันที
“ถูกต้อง ผมเกือบลืมไปเลย ผมก็อยู่ในระดับแดนบุณด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับต่ำ แต่ก็สามารถสร้างโลกของตนเองได้!”
รพีพงษ์เข้าใจทุกอย่างทันที
ในช่วงเวลาวิกฤติ เขารวบรวมพลังจิตทั้งหมดไปไว้ที่ดวงตาทั้งคู่
ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ใช้นับตั้งแต่ได้รับสืบทอดจากเทพเจ้าสร้างโลก แต่รพีพงษ์ก็ทำได้ดีเยี่ยม
นี่คือประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน และผลจากการที่ตนเองสามารถควบคุมพลังจิตวิญญาณในร่างกายได้
“ให้ผมสร้างโลกที่เป็นของผมเอง!”
รพีพงษ์คำรามเสียงดัง ที่ด้านล่าง ทะเลเพลิงกำลังจะกลืนเขา
ในขณะนี้เอง หลังจากมีประกายแสงสีขาว ทะเลเพลิงและธารน้ำแข็งก็หายไป และสิ่งที่เห็นคือโลกที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีเสียงนกร้องและดอกไม้บาน!
รพีพงษ์สร้างโลกสำหรับตนเองในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน และประสบความสำเร็จสามารถหลบหนีจากโลกของบวรวิทย์ได้ แล้วมายังโลกของตนเอง!
“ที่นี่คือ……สำนักเทพยาเซียน!”
หลังจากที่รพีพงษ์เห็นสถานที่ที่คุ้นเคยนี้ น้ำตาก็คลอเบ้า
“อารียา หนูลิน พวกคุณอยู่ที่ไหน?”
รพีพงษ์วิ่งไปตลอดทาง แต่ห้านาทีต่อมา เขามายืนอยู่บนขอบหน้าผา และข้างหน้าไม่มีทางเดินอีกต่อไป
“แปลกจริง สำนักเทพยาเซียนเล็กอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
รพีพงษ์กล่าว
แต่ไม่นาน เขาก็เข้าใจทุกอย่าง
ดูเหมือนว่าระดับของตนเองยังไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถสร้างโลกที่ใหญ่ได้ ตอนนี้ความสามารถสูงสุดของตนเองสามารถสร้างโลกจำกัดได้แค่นี้
“หนูลิน อารียา พวกคุณรอผม ผมจะกลับไปหาพวกคุณแน่นอน!”
หลังจากเช็ดน้ำตา รพีพงษ์ก็ตระหนักว่าตนเองอยู่นานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะกลับไปเทวโลกแล้ว มิเช่นนั้น ปัณฑาและคนอื่น ๆ อาจจะตกอยู่ในอันตราย
มันเป็นเรื่องยากที่จะหนีออกมาจากโลกที่บวรวิทย์สร้างขึ้นมา แต่มันเป็นเรื่องง่ายที่จะออกจากโลกที่ตนเองสร้างขึ้นมาเอง
รพีพงษ์เคลื่อนไหวพลังจิต สภาพการณ์ข้างหน้าหายไป และตนเองก็กลับมาอยู่ที่เมืองแฟรี่
ในเวลานี้ ปัณฑาถูกบวรวิทย์กดทับอย่างสมบูรณ์ ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ รพีพงษ์ได้ปล่อยพลังจิตวิญญาณอย่างลับ ๆ มุ่งไปที่พลังจิตวิญญาณของอีกฝ่ายโดยตรง ทำให้สามารถช่วยชีวิตปัณฑาไว้ได้!
……
“มาตัดสินชัยชนะด้วยการต่อสู้เถอะ!”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
มุมปากของบวรวิทย์สั่นเล็กน้อย
คนที่ตนเองดูถูก ไม่เพียงแต่สามารถหลบหนีจากโลกที่ตนเองสร้างขึ้นได้เท่านั้น แต่ยังมีความกล้าที่จะพูดประโยคนี้ออกมา
“โอเค ไอ้หนู ผมไม่รู้ว่าคุณมีสถานะอะไร แต่ตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดอะไรในเมืองแฟรี่!” บวรวิทย์กำหมัดไว้แน่น
ขณะนี้ความโกรธที่ถูกระงับไว้นานได้ระเบิดออกมาทั้งหมดแล้ว
ชั่วขณะหนึ่ง เมฆดำกดทับอยู่เหนือศีรษะของบวรวิทย์ และความกดทับนี้ทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกอึดอัดมาก
“รพีพงษ์ ผมจะบอกคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในโลกไหน ผมก็ฆ่าคุณได้อย่างง่ายดาย!” บวรวิทย์กล่าวอย่างเย็นชา ดวงตามีประกายแสงสีดำ และดูเหมือนตัวเขาจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ไอ้หมอนี้ใช้สืบทอดเทพเจ้า รพีพงษ์ คุณต้องระวังตัว!” ปัณฑารู้สึกไม่ดี และเตือนรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว
“สืบทอดเทพเจ้า?”
รพีพงษ์มองไปที่อีกฝ่ายด้วยดวงตาที่มีไอสังหาร และกล่าวเสียงเบา ๆ ว่า “พอดี ผมก็มีมันด้วย”
“ผมรู้ว่าคุณก็มี เพราะทุกคนที่ฝึกไปถึงระดับจะได้รับสืบทอดเทพเจ้า แต่การสืบทอดนั้นแตกต่างกัน สิ่งที่ผมได้รับคือสืบทอดคือสยบเทพ เป็นการสืบทอดขั้นกลาง” บวรวิทย์กล่าว
สยบเทพ ความหมายตามชื่อ คือความสามารถในการทำลายทุกสิ่ง
“จริงเหรอ? งั้นคุณก็ลองดูของผมสิ”
รพีพงษ์กล่าวอย่างราบเรียบ ทันใดนั้นกล้ามเนื้อทั้งหมดของเขาก็ปะทุใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว
เดิมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งก็ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กทันที
รพีพงษ์รู้สึกเป็นครั้งแรกว่า ตนเองมีพลังมหาศาลอยู่ในร่างกาย!
เขาส่งเสียงคำราม ร่างกายของเขาปะทุขึ้นมา และดวงตาของเขาดูเหมือนจะลุกเป็นไฟ
“นี่มัน……”
บวรวิทย์รู้สึกได้ถึงพลังอันทรงพลังของอีกฝ่าย
“ได้รับสืบทอดจากจอมมารชูร่า ระดับสูง!”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“เป็นไปได้อย่างไร มันเป็นไปได้อย่างไร! คุณได้รับสืบทอดระดับสูงหรือ?”
บวรวิทย์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ
รพีพงษ์ไม่รู้ แต่บวรวิทย์รู้ดี
สืบทอดเทพเจ้ามีการแบ่งออกเป็นระดับสูงและต่ำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระดับความสามารถของนักฝึกวิชาโดยตรง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นอกจากโชคแล้ว คนที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด ระดับการสืบทอดก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
บวรวิทย์มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เนื่องจากเหตุการณ์นี้ได้พิสูจน์คำพูดของปัณฑาแล้ว
พรสวรรค์ของตนเองเทียบรพีพงษ์ไม่ได้!
ถ้าบวรวิทย์รู้ว่าสิ่งที่รพีพงษ์ได้รับนั้นสืบทอดเทพเจ้าระดับสูงสองทาง เกรงว่าเขาจะกะอัดเลือดตายทันที!
“ผมจะฆ่าคุณ ผมฆ่าคุณแน่นอน!”
บวรวิทย์เปลี่ยนสถานะจากเมื่อสักครู่ที่สง่างาม และตอนนี้เขาดูเหมือนกลายเป็นคนบ้าคลั่ง
แม้ว่าระดับสืบทอดเทพเจ้าของตนเองจะต่ำกว่ารพีพงษ์ แต่ระดับผลการฝึกตนของตนเองนั้นสูงกว่ารพีพงษ์
ดังนั้นบวรวิทย์มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า ตนเองสามารถฆ่าเขาได้อย่างแน่นอน
“ลงมือเถอะ!”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา ในเวลานี้รพีพงษ์น่าจะเป็นสืบทอดของจอมมารซูร่า และจิตวิญญาณการต่อสู้ในร่างกายก็พุ่งออกมา
“ตายเสียเถอะ!”
บวรวิทย์ปล่อยพลังจิตวิญญาณในร่างกายออกมา และในขณะเดียวกัน รพีพงษ์ก็แสดงความแข็งแกร่งทั้งหมดของตนเอง!
พลังจิตวิญญาณทั้งสองกำลังจะปะทะกัน พลังการทำลายล้างนี้มันน่าทึ่งมาก!
“หยุด!”
ขณะนี้เอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้น และหลังจากนั้น มีเงาสีดำประกายแวบ ไปที่จุดศูนย์กลางที่พลังจิตวิญญาณของทั้งสองกำลังจะปะทะกัน
ชายชุดดำปล่อยพลังฝ่ามือ และเกราะป้องกันทั้งสองด้านก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
บูม!
พลังจิตวิญญาณทั้งสองโจมตีไปที่เกราะป้องกัน และในไม่ช้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อฝุ่นจางลง รพีพงษ์ขมวดคิ้ว และเห็นชายวัยกลางคนใส่ชุดดำยืนอยู่ข้างหน้าตนเอง
“อาจารย์!”
บวรวิทย์มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ