พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1547 ใช้ประโยชน์จากอุปนิสัย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1547 ใช้ประโยชน์จากอุปนิสัย
ตอนนี้รพีพงษ์กังวลว่า ถ้าในนี้มีอะไรอยู่จริง ๆ แล้วผลินที่อยู่ในนี้จะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่?
เขาหยุดและถามว่า “นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนจะอาศัยอยู่ได้ บวรวิทย์ ถ้าผลินเป็นอะไรไป ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน”
“ตอนนี้คุณเอาตนเองให้รอดก่อนแล้วค่อยมาพูด ที่ผมให้เธออยู่ที่นี่เพราะเธอยังมีประโยชน์ คุณวางใจได้ ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธออย่างที่คุณคิด”
บวรวิทย์ไม่สนใจคนอื่นยกเว้นรพีพงษ์
เขาเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ และทุกคนในเมืองแฟรี่เรียกเขาว่าคุณชายด้วยความนอบน้อม ขอแค่ฆ่ารพีพงษ์ เขาก็ยังคงเป็นเขาคนเดิม ไม่มีใครเทียบความสามารถของเขาได้
เมื่อคิดอย่างนี้ ทำให้บวรวิทย์รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ก่อนที่จะเข้าใกล้ รพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงของผลิน เสียงของเธอแหบเล็กน้อย เป็นเสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือ และมีเสียงสะอื้นเบา ๆ
ตอนที่เธอเห็นรพีพงษ์ เธอร้องไม่หยุด
“พวกเขาใช้ฉันเพื่อจัดการกับคุณ รพีพงษ์ คุณไม่ควรมา ถ้าฉันตายเพื่อคุณ ฉันก็ตายด้วยความเต็มใจ”
รพีพงษ์ช่วยชีวิตแม่ของผลินไว้ ผลินรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก และรู้ว่าเขามีภรรยาและลูกแล้ว ไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้ การตายเพื่อเขา มันจะสามารถทำให้เขาจดจำตนเองไว้ตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าเธอจะต้องตายก็ไม่เสียดาย
เมื่อเห็นว่าผลินยังปลอดภัย รพีพงษ์ก็รู้สึกประหลาดใจ แล้วบวรวิทย์ก็ห้ามตนเองเดินไปข้างหน้า และกล่าวว่า “คุณก็เห็นแล้วว่าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วคุณจะทำตามสัญญาเมื่อไหร่?”
“แม้ว่าผมจะรับปากพวกคุณ แล้วพวกคุณจะรับประกันได้อย่างไรว่า จะปล่อยผลินและปัณฑาไปจริง ๆ”
ขณะที่รพีพงษ์พูด เขาก็มองไปที่ผลิน
บวรวิทย์อยู่ในแดนบุณระดับต้น และตนเองก็อยู่ในแดนบุณระดับต้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าขอบเขตของบวรวิทย์จะยังสูงกว่าตนเอง แต่ด้วยพลังทิพย์ของภูเขาสองกระบี่ ทำให้ทักษะฝีมือของตนเองเพิ่มขึ้นไม่น้อย และเกรงว่าแผนของพวกเขาจะล้มเหลวอีกครั้ง
“รพีพงษ์ คุณไม่ต้องสนใจฉัน รีบออกไปจากที่นี่เถอะ”
รพีพงษ์ยิ้มจาง ๆ และกล่าวด้วยความอ่อนโยนว่า “ในเมื่อผมมาแล้ว แล้วจะให้คุณถูกขังอยู่ที่นี่อีกต่อไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่สไตล์การทำงานของผม”
ผลินกล่าวว่า “มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด ฉันถูกพวกเขาวางยาพิษแล้ว แม้ว่าคุณจะรับปากพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ปล่อยฉันไปแน่นอน ไอ้แก่นั้นหมายปองฉันมานานแล้ว ถ้าฉันตกอยู่ในมือของมัน ก็เหมือนตายทั้งเป็น รพีพงษ์ ฉันแค่อยากให้คุณจดจำฉันไว้เท่านั้น”
ขณะที่พูด เธอก็เอาศีรษะตนเองไปกระแทกกำแพง เลือดสด ๆไหลออกมา เส้นประสาทของรพีพงษ์เกร็งขึ้นมาทันที รพีพงษ์พุ่งผ่านหน้าบวรวิทย์เร็วราวกับสายฟ้า และก็ไปอยู่ข้างผลินทันที แล้วก็สร้างเกราะป้องกันรอบตัวเธอไว้
“คุณทำอะไร ต่อให้คุณถูกวางยาพิษ ผมก็สามารถถอนพิษได้”
รพีพงษ์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างโง่นัก ไม่ว่าตนเองจะมีบุญคุณต่อเธอมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรทำเช่นนี้
“อีผู้หญิงบ้า พวกเราไม่ได้วางยาพิษเธอ”
บวรวิทย์กล่าวอย่างโกรธเคือง
รพีพงษ์เชื่อคำพูดของบวรวิทย์ ตามนิสัยของบวรวิทย์แล้ว ถ้าจะวางยาพิษจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องนำตัวผลินมาซ่อน
“ฉันแค่ไม่อยากให้คุณถูกคนอื่นบังคับเพราะฉัน รพีพงษ์คุณช่วยฉันมามากพอแล้ว”
รพีพงษ์ไม่มีเวลาพูดอะไรอีก เขาถ่ายทอดพลังทิพย์ในร่างกายไปให้ผลินอย่างต่อเนื่อง เมื่อมั่นใจว่าเธอไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว รพีพงษ์ก็ส่งเธอไปยังโลกเล็ก ๆ ที่ตนเองสร้างขึ้น
ตอนนี้ ให้เธออยู่ในโลกที่ตนเองสร้างขึ้น รพีพงษ์ถึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของผลินได้
รพีพงษ์มองไปที่บวรวิทย์อย่างเย็นชา “ตอนนี้คุณยังมีปัณฑาอยู่ในมือ คุณยังคิดที่จะใช้เธอมาข่มขู่ผมอยู่อีกหรือไม่?”
บวรวิทย์ตื่นตระหนกทันที เมื่อสักครู่การเคลื่อนไหวของรพีพงษ์เร็วมากจนตนเองไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ตอนนี้ฝีมือรพีพงษ์พัฒนาไปอีกขั้น ตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
เขาเอาน้ำเต้าออกมาอย่างสั่นเทา และกล่าวว่า “รพีพงษ์ คุณคิดให้ดีก่อนจะทำอะไร แค่ผมท่องคาถา เจ้าเด็กนี่ก็จะตายทันที”
รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย เขาคงไม่รู้ประวัติความที่มาของภูตโบราณ รพีพงษ์ไม่เคยได้ยินว่าจะมีคาถาอะไรที่สามารถฆ่าภูโบราณได้
เมื่อสักครู่ที่ตนเองมากับพวกเขาก็แค่อยากจะดูว่าผลินอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผลินปลอดภัยแล้ว ดังนั้นตนเองก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
ปัณฑาอาจจะไม่สามารถปกป้องผู้อื่นได้ แต่การหนีนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ
ถ้าไม่ถึงช่วงวิกฤติ จะฆ่าบวรวิทย์ไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องนี้ไปถึงเจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาว บวรวิทย์มีสิบปากก็ไม่สามารถพูดลบล้างได้
ในสายตาของโลกภายนอกบวรวิทย์นั้นเป็นสุภาพบุรุษที่เอื้ออาทร การที่เขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องลำบากใจ ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะได้?
บวรวิทย์เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ รพีพงษ์คิดวิธีอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับบวรวิทย์ เมื่อทำในสิ่งที่ไร้มโนธรรมไว้มาก ภัยย่อมย้อนมาสู่ตนเอง ขอแค่ทำให้เขาโกรธจนธาตุไฟเข้าแทรก ถึงจะมีพรสวรรค์ในการฝึกตนแค่ไหนก็ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร
ปัณฑาที่อยู่ในน้ำเต้า รู้สึกว่าตนเองถูกจำกัดเสรีภาพ
พ่อบ้านเตชิตกลัวจนขดตัวอยู่ที่มุมห้อง แล้วหนีออกไปอย่างเงียบ ๆ
เมื่อรพีพงษ์เห็นเขาหนีไป ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องไปหาคนมาช่วย รพีพงษ์ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เขาหนีไปนั้นดีแล้ว
บวรวิทย์แอบดุพ่อบ้านคนนี้ว่าเป็นคนขี้ขลาด ถึงช่วงเวลาวิกฤติ ก็ใช้มีประโยชน์อะไรไม่ได้
พลังของเขายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ถ้าตอนนี้ต่อสู้กับรพีพงษ์ขึ้นมา เขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์แน่นอน
แต่มีตัวประกันอยู่ในมือ ทำให้เขาไม่กลัวรพีพงษ์
“เท่าที่ผมรู้ คุณชายเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ เติบโตขึ้นภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของทุกคน ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วไม่ได้ คุณคิดว่าผมแย่งของของคุณไป ก็เลยคิดที่จะฆ่าผม?”
รพีพงษ์เดินเข้าไปหาบวรวิทย์ทีละก้าว บวรวิทย์ถือน้ำเต้าสูงขึ้น และกล่าวว่า “คุณอย่าเข้ามาน่ะ ผมบอกคุณแล้วว่า คุณด้อยกว่าผมก็คือด้อยกว่าผม เพราะผมไม่เคยแพ้ใครมาก่อน ถ้าคุณไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ของผม คุณตายไปนานแล้ว มีอะไรน่าหยิ่งผยอง แน่จริงก็อย่าเอาของล้ำค่าไปประจบพ่อของผม”
“พ่อของคุณ? ผมไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่ถ้าคุณเทียบกับพ่อของคุณแล้ว คุณนั้นต่างจากเขาราวฟ้ากับดิน”
ขณะที่พูด รพีพงษ์มองน้ำเต้าที่อยู่ในมือของบวรวิทย์
บวรวิทย์รู้ดีว่า ในละแวกใกล้เคียงไม่มีคนอื่น และเขาสามารถฆ่ารพีพงษ์ที่นี่ได้!
“ไอ้สารเลว กล้าดูถูกพ่อผม ผมจะฆ่าคุณ ที่นี่จะเป็นสุสานของคุณ!”
ขณะที่พูด เขาก็สกินกระบี่ออกมาหนึ่งเล่ม แล้วก็ซ่อนน้ำเต้าไว้ และพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์ทันที
รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย “คุณไม่เคยเป็นคู่ต่อสู้ของผม!”
คำพูดที่เย็นชาของรพีพงษ์ทำให้บวรวิทย์ตะลึงไปชั่วขณะ
“คุณอาศัยสถานะของตนเองคุยโวโอ้อวด ถ้าไม่มีตระกูลภูสรีดาว คุณก็ไม่มีอะไรเลย ส่วนผมอาศัยตนเองก้าวไปทีล่ะขั้น ถ้าคุณเปรียบเทียบกับผม มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี”
รพีพงษ์กล่าวราบเรียบ แต่คำพูดนั้นมีพลังการทำลายล้างสูง
เขาจะทำให้ไอ้หมอนี้โกรธจนธาตุไฟเข้าแทรก และเมื่อคนอื่นมาถึงก็ไม่สามารถหาความผิดของตนเองได้
จูเก่อเลี่ยงทำให้จิวยี่โกรธจนตาย ผู้คนยังทำอะไรเขาไม่ได้
ตอนนี้ความสามารถของบวรวิทย์ไม่เลว แต่นิสัยของเขาเหมือนกับจิวยี่ รพีพงษ์ไม่รังเกียจถ้าตนเองจะใช้แผนจูเก่อเลี่ยง
“คุณ คุณรังแกคนมากเกินไปแล้ว”
“คุณจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นทำไม หรือว่าผมพูดแทงใจดำคุณ?”
รพีพงษ์พยายามหลีกเลี่ยง ยิ่งอารมณ์ของบวรวิทย์ไม่มั่นคงมากเท่าไร กระบวนท่าที่เขาปล่อยออกมาก็แย่ขึ้นเท่านั้น
“ผมกับคุณอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้แล้ว วันนี้ถ้าผมไม่ฆ่าคุณ อย่าเรียกผมว่าบวรวิทย์”
เสียงของเขาสั่น และพลังของเขาไม่มั่นคง
สิ่งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพลังของเขา ดังนั้นหลังจากสู้มาหลายกระบวนท่า แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายรพีพงษ์ได้แม้แต่นิดเดียว…….