พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1561 ช่วยผลินออกมา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1561 ช่วยผลินออกมา
พอได้ยินดังนั้น พ่อบ้านเตชิตก็หัวเราะลั่น จะว่าไปเขาก็ฆ่าคนในเมืองแฟรี่มาไม่น้อย ตอนที่ทุกคนจะตายต่างก็พูดกันแบบนี้ ตนเองก็อยู่สุขสบายจนถึงตอนนี้
พอมองใบหน้ารูปไข่ของผลิน เขาก็มีใจคิดลามก แล้วถามอีกว่า “มึงก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่กูรู้มาว่า มึงเคยมีใจให้กับไอ้รพีพงษ์นั่น ยังไม่เคยได้เป็นผู้หญิงเต็มที่สักทีสินะ วางใจเถอะ ก่อนมึงตาย เดี๋ยวกูจะทำให้มึงพอใจเอง”
ในสายตาของผลินก็เผยความหวาดกลัวออกมา แล้วถามว่า “นี่แกคิดจะทำอะไร?”
มือของพ่อบ้านเตชิตก็ไปลูบคลำที่ใบหน้าของผลิน แล้วยิ้ม “มึงว่ากูจะทำอะไรล่ะ มึงก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ไม่รู้หรือไงว่ากูคิดจะทำอะไร?”
ให้ผู้คุมที่เฝ้าคุกนำตัวผลินออกไป ประจวบเหมาะกับความคิดของรพีพงษ์พอดี ขอเพียงออกไปจากที่นี่ ไม่ได้อยู่ในสายตาของชเนศ เขาก็สามารถช่วยเหลือผลินได้
ที่ผลินเป็นแบบนี้ก็เพราะเขาเอง เขาจะปล่อยให้ผลินเกิดอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
สถานการณ์แบบนี้ พวกของปัณฑาคงจะยังตามหาที่นี่ไม่พบ
บางครั้งปัณฑาก็ฉลาดมาก แต่พอรีบร้อนก็จะร้อนรนไม่มีสติ ส่วนนันท์ธรก็เป็นคนหัวร้อนอารมณ์เสียง่าย ที่พวกเขาหาที่นี่ไม่พบก็ไม่แปลก
ผลินถูกพ่อบ้านเตชิตนำตัวออกมา พ่อบ้านเตชิตได้พลังวิชามาจากคนข้างกายของนรเทพมานิดหน่อย แล้วก็ใช้วิชาทำให้ผลินพูดไม่ได้
แล้วก็ให้คนพาผลินไปยังห้องนอนรับแขกห้องหนึ่ง ห้องนี้มันอยู่ในมุมลับตาคน ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา
รพีพงษ์ก็ตามอยู่ด้านหลัง เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้เดรัจฉานคนนี้จะมีปัญญาทำอะไรกับเสื่อมเสียต่อผลินได้ไหม
จะได้อาศัยโอกาสนี้กำจัดพ่อบ้านเตชิตเสียเลย คนแบบนี้เอาไว้ก็มีแต่สร้างปัญหาไม่จบสิ้น
พอมาถึงที่ห้อง ผลินก็พูดออกมาได้แล้ว เธอพูดขอร้อง “แกฆ่าฉันได้ แต่อย่ามาทำให้ฉันต้องเสื่อมเสียแบบนี้”
“กูคอยคิดถึงมึงไม่ใช่วันสองวันแล้ว มาอยู่กับกู กูรับปากว่าจะไม่ให้มึงตาย จะให้มึงอยู่อย่างสุขสบาย”
“ฝันไปเถอะ”
“นังนี่ หรือว่ามึงยังคิดถึงไอ้รพีพงษ์นั่นอีก?”
“ชีวิตนี้ฉันแต่งงานกับรพีพงษ์ไม่ได้ และฉันก็จะไม่แต่งกับแก ในใจฉันมีรพีพงษ์แค่คนเดียว ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่มีทางให้แกได้สมดั่งใจหรอก”
เธอพูดจบก็จะวิ่งไปชนผนัง รพีพงษ์ยังไม่ทันลงมือ ก็ถูกพ่อบ้านเตชิตดึงตัวไว้ แล้วตะหวาดว่า “อีโง่ ดีๆ ไม่ชอบ ชอบเจ็บตัวสินะ”
อยากจะตบไปที่บ้องหูของผลิน พอเงื้อมือไปในอากาศแล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วก็ตบลงที่ใบหน้าตนเอง
ผลินก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็มองไปรอบๆ ถามอย่างดีใจว่า “รพีพงษ์ คือคุณใช่ไหม?”
รพีพงษ์ปรากฏตัวออกมา แล้วช่วยผลินแก้มัด พร้อมพูดว่า “เบาหน่อย อยากให้พวกเราตายอยู่ที่นี่หรือไง?”
ผลินยังขวัญหาย น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลร่วงลงมา แล้วพูดว่า “ฉันว่าแล้วว่าคุณต้องมาช่วยฉันแน่นอน ไอ้เดรัจฉานนี่มันบอกว่าคุณตายแล้ว ฉันไม่เชื่อ คุณไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก ใช่ไหมล่ะ?”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วก็คิดว่าสิ่งที่ผลินพูดเมื่อครู่นี้ ค่อนข้างซาบซึ้ง
แต่เสียดายที่ข้างกายเขามีภรรยาและลูกสาวแล้ว ไม่มีใจให้กับหญิงอื่นแล้ว
บางทีเขาก็พบว่า คนเราบางทีโดดเด่นเกินไปก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง ไม่สมควรมาให้ผู้หญิงมาชอบตนเอง
พ่อบ้านเตชิตปากปิดสนิท อยากจะพูดออกมา แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้ เขามองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
นรเทพเป็นบุคคลระดับไหนแล้ว ทำไมรพีพงษ์ถึงได้กล้าขนาดนี้ ถ้านรเทพพบว่ารพีพงษ์อยู่ที่ไหน เขาคงไม่มีชีวิตเดินออกไปอย่างแน่นอน
รพีพงษ์หันไปมองพ่อบ้านเตชิตแล้วพูดว่า “กูปล่อยมึงไปหลายครั้งแล้ว แต่มึงก็ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มาทำร้ายคนรอบข้างกูหลายครั้ง ถ้ามึงคิดร้ายกับกู วันนี้กูก็เอามึงไว้ไม่ได้แล้วล่ะ”
เขาเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของ แล้วให้พ่อบ้านเตชิตกินลงไป พ่อบ้านเตชิตก็มองอย่างหวาดกลัว แล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “พอกินมันลงไป ราวกับยังมีชีวิตอีกหลายชั่วโมง แต่ว่าภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ มึงก็จะรู้เองว่า อะไรที่มันเรียกว่าความเจ็บปวดดั่งธนูนับหมื่นมาเสียบแทงเข้าที่หัวใจ มึงทำเรื่องชั่วไว้มาก วันนี้มึงสมควรได้รับกรรม”
จากนั้น พ่อบ้านเตชิตก็รีบเอามือจับลำคอตนเอง สองขาก็คุกเข่าลงพื้นคำนับไป
รพีพงษ์ก็หมั่นไส้ถีบไปทีหนึ่ง เขาทำแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว กับคนแบบนี้รำคาญเสียจริงๆ
เขาพาผลินออกไป ผลินก็พูดว่า “รพีพงษ์ ฉันจะออกไปกับคุณแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะทำให้คุณลำบากไปด้วย ถ้าพวกมันเห็นพวกเราเข้า พวกเราจะหนีกันไปไม่พ้น”
รพีพงษ์กวาดมือไปที่กลางอากาศ อีกโลกหนึ่งก็ปรากฏขึ้น แล้วพูดกับผลินว่า “คุณพูดถูกต้อง แม่ของคุณอยู่ข้างใน ฟังผม แล้วพวกคุณจะไม่เป็นอะไร คุณเข้าไป พอถึงสถานที่ปลอดภัยแล้ว ผมจะปล่อยพวกคุณออกมา”
ในขณะที่กำลังซาบซึ้งกัน ผลินก็พูดขอบคุณออกมาอย่างเดียว
รพีพงษ์ยังมีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ ก่อนที่จะออกมาจากห้องของพ่อบ้านเตชิต ก็เอาเชือกที่พ่อบ้านเตชิตใช้มัดผลินไว้ มามัดตัวพ่อบ้านเตชิตเอง
เพราะถึงอย่างไรมันก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ ให้มันได้ทรมาน แล้วค่อยๆ ตายไปก็แล้วกัน คนที่ถูกมันฆ่าตายจะได้รับการปลอบโยนบ้าง
เขาเข้าไปที่คุกอีกครั้ง ปริตรมองเขา แล้วยิ้มเบาๆ รพีพงษ์ในตอนนี้สวมชุดของผู้คุกในคุกอยู่ ไม่มีใครจับผิดได้
เขาพูดกับผู้คุมที่เฝ้าประตูว่า “พี่ใหญ่ต้องการสอบสวน ปล่อยมันออกมา”
“พี่ใหญ่เพิ่งมาที่นี่ ก็ไม่เห็นบอกอะไรนะ?”
“ความคิดของพี่ใหญ่ เราๆ จะเดาได้งั้นหรือ เร็วเข้า เดี๋ยวชักช้า แล้วจะได้เห็นดี”
ผู้คุมก็รีบปล่อยคนออกมา ในมือของปริตรมีโซ่คล้องอยู่ พอลากออกมา ผู้คุมก็ขมวดคิ้วถามว่า “เอ็งมาใหม่ใช่ไหม ไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตา”
รพีพงษ์ก็ไม่อยากจะพูดมาก ก็เลยสับคอให้สลบไป
“มือไวเหมือนกันนะเนี่ย เพื่อนคุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกัน พวกเรารีบไปกันก่อน”
“คุณรีบถอดโซ่อันนี้ให้ผมก่อน ไอ้เจ็บมันไม่เท่าไร แต่พอคุณกับผมเดินออกไป มันจะเป็นเสียงดังจนเป็นจุดสนใจ เดี๋ยวผมจะต้องเปลี่ยนเป็นชุดผู้คุมด้วย”
ปริตรรีบใส่เสื้อผ้าของผู้คุม แล้วเอาชุดตนเองให้ผู้คุมใส่แทน จากนั้นก็เอาตัวผู้คุมไปใส่ในห้องขังแล้วล็อกห้อง
เมื่อเทียบกันแล้ว รพีพงษ์คิดแค่อยากจะไปจากที่นี่โดยเร็ว ไม่ได้คิดละเอียดเท่าเขา
พอเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงดังเข้ามา เสียงนี้รพีพงษ์คุ้นหูมาก
“ได้หนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นมาหรือยัง?”
“เจ้านายครับ ไอ้หมอนั่นมันไม่ยอมพูดเลย กำลังสอบสวนกันอยู่ครับ”
“มันไม่ยอมพูดงั้นหรือ?”
“กูไม่เชื่อหรอก ว่าแค่หนังสือกลยุทธ์เล่มเดียว มันจะสำคัญกว่าชีวิตมันได้ เดี๋ยวกูจะไปดูเอง”
รพีพงษ์ก็เหงื่อออกที่ฝ่ามือ ในใจก็กังวลมาก ว่าจะให้นรเทพเห็นตนเองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจบเห่แน่ๆ
จะต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่นรเทพจะพบผู้คุมที่สลบไป ไม่อย่างนั้นลำบากกันแน่ๆ
นรเทพเพิ่งเดินเข้าไป ฝีเท้าของพวกเขาก็เร่งเร็วขึ้น
“เห้ย ไม่อยู่เฝ้าตัวประกัน พวกเอ็งสองคนจะไปไหนกัน?”