พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1566 แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1566 แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
“เปล่า ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น จะว่าไปแล้ว ก็คงมีแต่คุณคนเดียวที่สามารถช่วยผลินได้ เอ้อ แล้วก็ช่วงนี้คนของนรเทพส่วนใหญ่ออกไปจากที่นี่แล้ว พวกมันไปไหนกันหมด ไปภูเขาสองกระบี่หรือเปล่า แล้วพวกคุณออกมาได้อย่างไร”
“อาจารย์ธิปให้พวกเราออกมา ผมคิดว่า อาจารย์ธิปกำลังช่วยพวกเราอยู่”
รพีพงษ์พูดไป ปัณฑาก็ขมวดคิ้ว แล้วก็มองรพีพงษ์อย่างจริงจัง แล้วก็ยิ้มอย่างโล่งใจว่า “จุดประสงค์ที่เรามาที่นี่ ได้บรรลุตามเป้าหมายแล้วใช่ไหม?”
รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร พร้อมตอบไปว่า “คุณพูดถูกต้อง ตอนนี้พวกเรามีสองผลลัพธ์ ไม่ฆ่าไอ้หมอนั่นเสีย ก็ถูกไอ้หมอนั่นฆ่าตาย ผมคิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า”
ปัณฑาปีนมาข้างบนหัวใหล่ของรพีพงษ์ แล้วก็ตบไหล่ของเขาพูดว่า “วางใจเถอะ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็จะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ ผ่านเรื่องอะไรกันมามากมาย ก็แค่นรเทพคนเดียวไม่ใช่หรือ แถมยังมีตาแก่ธิปคอยช่วยอยู่ด้วย ใช่ไหมล่ะ?”
พอบวรวิทย์เห็นนันท์ธร นันท์ธรก็รู้สึกว่าบวรวิทย์ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จากนั้นก็พูดทักทายด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างหูบวรวิทย์ไม่หยุด เป็นห่วงยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก
บวรวิทย์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็เบื่อๆ เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้ว
ต่อหน้ารพีพงษ์ จะต้องมีศักดิ์ศรีหน่อยสิ
พวกเขาไม่ได้กลับไปยังภูเขาสองกระบี่เลย แต่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมแถวนี้หนึ่งคืน ตามคำสั่งของนราธิป พอถึงกลางดึกก็ไม่ค่อยสงบสุขแล้ว
รพีพงษ์ยังไม่ได้หลับสนิท ก็ได้ยินดังมาจากข้างนอก “เอ็งแน่ใจใช่ไหมว่าไอ้หมอนั่นคือคุณชายของตระกูลภูสรีดาว?”
“แน่ใจสิ เดี๋ยวกูไปรายงานกับนายท่านก่อน ถ้าตระกูลพิมพ์สารของเราสามารถจับตัวพวกมันสองคนได้ พอไปอยู่ต่อหน้านรเทพ พวกเราจะได้พูดจามีน้ำหนักมากขึ้นไม่ใช่หรือไงล่ะ?”
ขณะที่พูดนั้น ก็เผยรอยยิ้มหยิ่งผยองออกมา
รพีพงษ์ขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้น มองผ่านหน้าต่างเห็นสองคนนั้นกำลังพูดอยู่ภายใต้แสงจันทร์ เห็นเป็นเงาคนดำๆ
เขาผลักตัวของบวรวิทย์ บวรวิทย์หลับสนิทไปแล้ว ก็ถูกรพีพงษ์ปลุกให้ตื่น เขาเอามือขยี้ตา แล้วถามอย่างไม่พอใจว่า “เรื่องอะไร พรุ่งนี้ยังมีสงครามใหญ่ จะไม่ให้นอนหลับดีๆ กันเลยหรือไง?”
“ไม่ต้องนอนแล้ว คนของตระกูลพิมพ์สารจะลงมือแล้ว พวกเราชิงลงมือก่อนเลย ไม่งั้นคงนอนอยู่ที่นี่ไม่สงบสุขแน่”
“ตระกูลพิมพ์สารงั้นหรือ?”
พอได้ยินชื่อนี้ บวรวิทย์ก็รีบลุกขึ้นทันที ก่อนที่ยังไม่มีนรเทพมาถึง ตระกูลพิมพ์สาร ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลเยอซอ ทั้งสามตระกูลก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว
ตอนนี้ตระกูลพิมพ์สารไปทำงานให้กับนรเทพ พอรู้ว่าตนเองอยู่ที่นี่ ตนเองคงจะมีจุดจบที่ไม่ดีแน่ๆ
รพีพงษ์และบวรวิทย์ก็ไปเรียกทุกคน จากที่บวรวิทย์อยู่ที่นี่ ก็รู้เรื่องราวของตระกูลพิมพ์สารบ้าง คุณชายของตระกูลพิมพ์สารเป็นคนเสเพล กินเหล้าเที่ยวผู้หญิงครบหมด
ตอนนี้คนของตระกูลพิมพ์สารที่พอจะออกมาเทียบกับคนอื่นได้ ก็มีแต่นายใหญ่ของตระกูลพิมพ์สาร
ตนเองร่วมมือกับรพีพงษ์ แล้วก็มีนันท์ธรอยู่ด้วย จะจัดการไอ้หมอนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
สองคนคิดเหมือนกัน แล้วก็พานันท์ธรและปัณฑาแอบไปยังตระกูลพิมพ์สารเงียบๆ
ไฟในห้องหนังสือของนายใหญ่ตระกูลพิมพ์สาร บวรวิทย์พูดว่า “ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของผมกับคุณชายตระกูลพิมพ์สารไม่ธรรมดา แต่ว่าตอนนั้นก็สมัยเด็กๆ แล้ว ผ่านไปหลายปีแล้ว ได้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารก็ไม่ถูกกันแล้ว”
พวกเขาทั้งสี่คนอยู่บนหลังคาของตระกูลพิมพ์สาร พอเห็นห้องหนังสือของตระกูลพิมพ์สารยังมีไฟสว่างอยู่ ก็ชี้ไปพูดว่า “นั่นคือห้องหนังสือของนฤเบศร์ จะจัดการเรื่องอะไร ก็จะอยู่ที่ห้องนั้น ตอนนี้กลางคืนคนน้อย ข้างกายเขาต้องไม่มีใครคอยปกป้องแน่ พวกเราเข้าไป แล้วอย่าส่งเสียงดังไป”
พูดไป สองคนก็เข้าไปที่นั่นพร้อมกัน ปัณฑาพูดว่า “ไม่ได้ แบบนี้จะเป็นการเรียกให้คนมาเยอะ ไอ้หมอนั่นสองคนจะเข้าไปรายงาน พวกเรามาเร็วไป เดี๋ยวฉันกับนันท์ธรจะไปจัดการกับไอ้สองคนนั้นก่อน แบบนี้จะได้มีโอกาสชนะมากขึ้นหน่อย”
รพีพงษ์พยักหน้า ถ้าได้ข่าว เขาคงจะเรียกคนไปยังโรงเตี๊ยม ตอนนั้นก็จะเสียโอกาสทองไป
ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย นฤเบศร์ก็กำลังเล่นไขมุกราตรีที่นรเทพให้เขาเป็นของขวัญ
บอกว่าได้มาจากทะเลลึก เจ้ามังกรแห่งมหาสมุทรจะเอาใจนรเทพก็เลยให้มา
ในขณะเดียวกันเขาก็คิดไปด้วย ว่าตนเองจะให้อะไรแก่นรเทพดี ถึงจะเหมาะสมกับที่นรเทพเชื่อใจตนเอง
คนรูปร่างประมาณบวรวิทย์เดินออกมา แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “พ่อ พ่อไปร่วมมือกับนรเทพ มันไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลยนะ ตอนนี้ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ก็มีแต่คนด่าส่งท้ายมาตลอดเวลา”
“ไอ้ลูกคนนี้ ไม่รู้อะไรบ้างเลย เอ็งไม่รู้หรือไงว่าที่พ่อทำลงไปทุกอย่างก็เพื่อเอ็ง ถ้าไม่ใช่เพราะทำเพื่อเอ็ง ป่านนี้พ่อนอนตีพุงสบายไปแล้ว”
“แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมกับบวรวิทย์รู้จักกันดีอยู่ แต่เป็นเพราะพ่อ ทำให้เราสองคนต้องห่างเหินกัน ตอนนี้เรื่องที่พ่อทำ ก็เพื่ออยากได้ความสนิทสนมกับนรเทพ เพื่อที่จะได้ตรงตามจุดประสงค์ของพ่อก็เท่านั้น พ่อคิดว่า ถ้านรเทพได้หนังสือกลยุทธ์ของตระกูลเยอซอ แล้วเขาจะให้พ่องั้นหรือ?”
“แน่นอนสิวะ กำลังของนรเทพ ไม่ใช่เราๆ จะสามารถคาดเดาได้ เขาไม่เห็นหนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นอยู่ในสายตา ดังนั้นขอเพียงพวกเราทำให้นรเทพมีความสุข ของที่พ่อฝันอยากจะได้ก็จะมาอยู่ในมือของพ่อเอง”
บวรวิทย์เห็นจิรันดน์ ก็ดึงแขนของรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ตอนที่พวกเราลงมือ ไม่ต้องลงมือกับจิรันดน์ได้ไหม?”
“ตัดหญ้าไม่ถอนโคน คุณรู้ผลลัพธ์มันใช่ไหม?”
“ผมรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่ว่าเชื่อผมเถอะ เขาไม่มีความสามารถอะไรหรอก ไม่มาหาเรื่องข่มขู่พวกเราได้หรอก”
เขายังคงคิดถึงสมัยเด็กๆ ความสัมพันธ์ที่ทุกคนอยู่เล่นด้วยกัน เรื่องที่พ่อของเขาทำลงไปทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย
ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงอยู่ รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ บวรวิทย์นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีตก็เป็นเรื่องดี เขาก็เลยตอบรับบวรวิทย์ไป
บวรวิทย์กล่าวว่า “พวกเราฆ่าพ่อของเขาได้ แต่ขอเพียงไม่ให้เขาเห็นว่าเป็นพวกเราก็พอ”
รพีพงษ์ก็เห็นด้วย
ดังนั้น ทั้งสองคนก็แกล้งทำเสียงดังขึ้นด้านนอก
ช่วงนี้ เดิมทีนฤเบศร์จะระวังตัวมาก พอได้ยินว่ามีเสียงอะไรดังขึ้นจากด้านนอก ก็รีบออกไปดูทันที
จิรันดน์ง่วง ก็เลยกลับไปนอนที่ห้องนอนของตนเองแล้ว
นฤเบศร์เดินตามเสียงไปยังสวนป่าในเขตบ้าน เขาขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “ใครกัน ตั้งใจให้กูเดินมาที่นี่?”
“ผมเอง คุณลุงเบศร์ ช่วงนี้ตามหาผมยากลำบากไหมล่ะครับ?”
พอเห็นบวรวิทย์ นฤเบศร์ก็ตกใจ แล้วยิ้มเย็นๆ “เอ็งหาที่ซ่อนตัวไม่ได้แล้วหรือไงวะ? ลุงได้ยินว่านรเทพไปที่ภูเขาสองกระบี่แล้ว อาจารย์เอ็งก็ช่วยเอ็งไม่ได้ ไม่ใช่หรือไง?”
“ดังนั้นผมก็เลยมาหาคุณลุงเบศร์ไงล่ะ หวังว่าคุณลุงเบศร์จะให้ที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยแก่พวกเราหน่อย ผมรู้ว่าลุงรู้จักกับนรเทพดี ถ้าลุงช่วยผม นรเทพก็คงไม่สงสัยอะไร”
นฤเบศร์ก็หัวเราะขึ้นมาหน้าบูดเบี้ยว เห็นแล้วคลื่นไส้
“เอ็งเอาอะไรมาคิดว่าลุงจะช่วยวะ?”