พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1569 แผนยั่วโมโห
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1569 แผนยั่วโมโห
เขารู้ว่านรเทพเป็นคนหยิ่ง ตนเองพูดไปแบบนี้ ต่อนรเทพทำหน้านิ่งสงบเพียงใด แต่ในใจก็คงรับไม่ได้อย่างมาก
จุดประสงค์ที่ต้องการก็คือแบบนี้พอดี นรเทพก็โกรธจนหน้าเขียว เขามองนราธิปตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
ถึงแม้ก่อนหน้านี้นราธิปจะไม่ได้ไว้หน้าตนเองมากนัก แต่ก็ไม่เคยเป็นเหมือนวันนี้เลย
วันนี้อยู่ดีๆ มาทำแบบนี้กับตนเอง คงจะต้องมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ตนเองพบเข้าแน่ๆ
เขาให้ตนเองกลับออกไป แต่ตนเองจะไม่ฟังเสียอย่าง ถึงอย่างไรเขาก็ทำอะไรกับตนเองไม่ได้
ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ เขาก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเอง อีกอย่าง รอบกายตนเองยังมีลูกน้องอยู่ด้วย ไม่มีอะไรต้องกลัว
เขามองนราธิปนิ่ง แล้วพูดว่า “คุณอยากให้ผมกลับ แต่ผมไม่กลับหรอก คุณซ่อนอะไรไว้ในถ้ำหรือเปล่า ลองให้ผมไปดูหน่อยแล้วกัน”
“เอ๊ะคุณนี่ก็เป็นคนแปลกๆนะ ดีๆไม่ชอบ ชอบเจ็บตัว คุณอย่าคิดว่าผมจะดีกับคุณเหมือนก่อน แบบนี้ก็ถือว่าเกรงใจกันมากพอแล้ว ต่อให้ลูกศิษย์ผมจะอยู่ที่นั่นจริง ถ้าคุณจะไป ผมก็ไม่ยินยอมหรอก”
ผมในฐานะที่เป็นอาจารย์ มีหน้าที่ปกป้องลูกศิษย์ตนเองไม่ให้ถูกรังแก ถ้าคุณเป็นอาจารย์ล่ะก็ ก็คงไม่สนใจไยดีอะไร เพราะว่าคุณไม่เคยมีความเมตตา แต่ผมนั้นไม่เหมือนกัน
นราธิปพูดจบก็เดินไปทางปากถ้ำนั้น ตอนที่เดินไปก็พูดความตั้งมั่นของตนเองไปด้วย
เขาไม่มีทางให้พวกนั้นไปทำร้ายบวรวิทย์และรพีพงษ์ได้แน่ พอได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก็ตัดสินใจว่าต้องเข้าไปดูเสียหน่อย เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าในนั้นจะมีตัวอะไรอยู่กันแน่
“ชเนศ เอ็งเข้าไปแล้วไม่เจออะไรก็เป็นเรื่องปกติ ถ้ามีนราธิปอยู่ เอ็งไม่เจออะไรหรอก ตอนนี้กูไม่สนว่าข้างในมันจะเป็นอะไร หรือนราธิปจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า กูจะเข้าไปดูให้ได้”
เขาตัดสินใจแล้ว ถ้านราธิปมาขวางล่ะก็ ก็จะฆ่านราธิปทิ้งเสีย
เพราะไม่ชอบขี้หน้านราธิปมานานแล้ว
“นายท่านครับ เรื่องนี้มันแปลกๆ อยู่นะครับ ถ้าก่อนหน้านี้ซ่อนคนไว้ในนั้นจริงๆ ก็คงไม่ให้พวกเราอยู่ที่หรอก ตอนนี้ก็มาเร่งให้พวกเรากลับออกไป มันจะต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ”
“สมองของมันไม่พอใช้หรอก จะคิดแผนอะไรออกมาได้ล่ะ กูกับนราธิปรู้จักกันมานาน เอ็งวางใจเถอะ ในใจมันคิดอะไร กูรู้ดีที่สุด”
สายตาของนรเทพจับจ้องไปยังปากถ้ำนั้น ส่วนนราธิปก็อยู่บริเวณถ้ำนั้น
จะต้องแกล้งทำเป็นใส่ใจมากๆ เข้าไว้ ขอเพียงนรเทพเข้ามา ปริตรก็จะได้ไม่เหนื่อยเปล่า
ตนเองก็จะได้ดูด้วยว่า ปริตรมีความสามารถขนาดไหน กลยุทธุ์วิทยาหารพวกนั้นมันจะโหดอย่างที่ว่าไหม
ถ้าถ้ำนี้จะพังทลายด้วยฝีมือของนรเทพก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย กลยุทธุ์วิทยาหารนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ก็ยอม
ปริตรเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก คนของเมืองแฟรี่ให้ความสำคัญกับอาวุธมากเกินไป ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญอะไรกับความฉลาดในหัวแบบนี้
ตอนนี้กว่านราธิปจะพบตนเอง ก็คงจะสายไปแล้ว
วัยรุ่นที่มีความสามารถแบบนี้ควรจะมีพื้นที่พัฒนาตนเอง ไม่ใช่จะมาขลุกอยู่ในเมืองแฟรี่แบบนี้
ปริตรอยู่ในถ้ำ กลไกของเขาได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เขาก็รับรู้ได้หมด
ขอเพียงเข้ามาในถ้ำให้หมด ทุกกิริยาของนรเทพก็จะไม่รอดพ้นสายตาของเขาไปได้
พวกนั้นล้วนเป็นคนชอบใช้กำลัง คงไม่สนใจของพวกนี้ และคงไม่รู้ว่า ของพวกนี้นี่แหละที่จะเอาชีวิตพวกเขาเอง
ปริตรก็มองอุปกรณ์กลไกต่างๆ ตรงหน้า แล้วก็ยิ้มเบาๆ ขอเพียงฆ่านรเทพได้ เขาก็จะได้กลับไปบอกกับครอบครัวได้แล้วว่าตนเองได้แก้แค้นให้พ่อแล้ว
ที่เมืองแฟรี่ ไม่มีใครดูถูกเขา เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรเลย
แม้แต่กลยุทธุ์วิทยาหารเองก็ไม่คิดว่าจะเอามาทำร้ายคนได้ แต่นรเทพมาเจอจังหวะนี้พอดี
จะโทษตนเองไม่ได้ นรเทพมีจิตใจไม่เที่ยงตรงเอง คิดแต่จะทำร้ายคน ฆ่าเขาไปก็เท่ากับกำจัดภัยให้หมู่มนุษย์ ถ้าฆ่าเขาไม่ได้ ก็ถือว่าได้ทำเพื่อพวกพ้องอย่างเต็มที่แล้ว
ฝั่งรพีพงษ์และบวรวิทย์ก็กำลังมายังภูเขาสองกระบี่อย่างช้าๆ พวกเขาสามารถเดินทางเร็วได้ แต่จะให้คนอื่นพบเข้าไม่ได้ ต่อให้เร็วแค่ไหนก็ต้องช้าลงอยู่ดี
“ถ้าให้ฉันคิดนะ ภูเขาสองกระบี่ไม่สนุกเท่ากับเมืองแฟรี่เลย แต่เมืองแฟรี่ไม่สงบสุข ไม่งั้นก็มีทุกอย่างที่ต้องการ และคงไม่น่าเบื่อแบบนั้นหรอก”
ตั้งแต่ที่ตนเองเจอกับรพีพงษ์ ชีวิตของปัณฑาก็มีสีสันมากขึ้น เพราะตอนที่อยู่ในป่าหมอกก็ไม่ค่อยได้เห็นคนเป็นๆ สักเท่าไรนัก
แต่ตอนนี้ดี รอบๆ เต็มไปด้วยผู้คน ถ้าให้ตนเองจากไปล่ะก็ เธอก็คงไม่ยอมหรอก
มองไปที่ปัณฑาอย่างเอือมๆ แล้วพูดว่า “ถ้าคุณรู้สึกว่าที่เมืองแฟรี่สนุกล่ะก็ รอให้เรื่องนี้มันสงบลง เดี๋ยวผมซื้อบ้านให้ที่เมืองแฟรี่สักหลังหนึ่ง ให้คุณเที่ยวเล่นอยู่ที่นั่นตามสบายเลย ดีไหม?”
ปัณฑาเอามือลูบหัว แล้วก็ยิ้มแบบไม่เชื่อ “ถึงแม้คุณจะไม่ค่อยพูดก แต่ฉันรู้ ว่าที่คุณพูดมาเนี่ย คุณทำไม่ได้หรอก คุณคิดว่าที่นี่เป็นโลกมนุษย์หรือไง?”
เธอก็รู้สึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้รพีพงษ์เริ่มไม่สนใจเรื่องราวบนโลกแล้ว
ถ้าหนูหลินกับอารียาไม่ได้อยู่ที่โลก สิ่งของอื่นๆ บนโลก เขาก็คงลืมไปหมดแล้วล่ะ
รพีพงษ์ก็ขี้เกียจเถียงด้วย พอมองท้องฟ้า แล้วนึกที่นราธิปบอกว่าให้กลับไปหลังจากตะวันตกดินแล้ว ตอนนี้ก็เดินมาช้าๆ เหมือนคนธรรมดา ก็มาถึงช่วงตะวันตกดินพอดี
รู้ว่านรเทพอยู่ที่ภูเขาสองกระบี่ ในใจของบวรวิทย์ก็เป็นห่วงอาจารย์และพ่อของตนเอง
พลังของนรเทพนั้นน่ากลัวมาก ถ้าเกิดการปะทะกันขึ้นมา พ่อของเขา และอาจารย์ของเขาจะทำอย่างไรกัน?
“อย่าหน้าบึ้งไปเลย อาจารย์ของคุณเก่งกว่าที่คิดนะ เชื่อผมสิ”
“ผมไม่ได้เป็นห่วงอาจารย์ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร เขาก็เอาตัวรอดได้ แต่ว่าพ่อผมมีนิสัยหัวดื้อ บางทีอาจจะไปสู้กับหมอนั่นเพื่อปกป้องผม รพีพงษ์พวกเรารีบกลับไปกันเถอะ”
พวกของรพีพงษ์เดินมาระหว่างทาง ก็เห็นรอยเท้าแปลกๆ มากมาย ตนเองได้หาเรื่องกับนฤเบศร์ นฤเบศร์คงจะส่งคนไปยังภูเขาสองกระบี่แน่นอน ภูเขาสองกระบี่ในตอนนี้คงจะวุ่นวายกว่าที่เขาคิดไว้
รพีพงษ์และบวรวิทย์คาดเดาได้ไม่ผิด คนของนฤเบศร์ได้ไปที่ภูเขาสองกระบี่แล้วหลายคน
นฤเบศร์ยังโมโหอยู่ในใจ จับพวกของรพีพงษ์ไว้ได้แล้วแท้ๆ แต่ให้มันหนีไปได้ ไปที่ภูเขาสองกระบี่ต่อให้ไม่เจอรพีพงษ์ ก็ยังสามารถแสดงความจงรักภักดีกับนรเทพได้ ให้นรเทพได้รู้ว่า ตนเองก็ลงแรงไปกับเรื่องนี้ด้วยไม่น้อยเหมือนกัน
นราธิปไม่ได้ไว้หน้าคนของนฤเบศร์ ส่งให้ลูกศิษย์ไล่ออกไปหมด
ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายมาก ให้พวกเขาออกไปก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ถ้าวุ่นวายกันขึ้นมาจริงๆ ก็จะลำบากคนที่ช่วยเหลือไปด้วย ตรรกะนี้น้อยคนนักที่จะรู้
คนของนฤเบศร์ก็ทำตามคำสั่ง ถือว่าเป็นพวกบริสุทธิ์