พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1570 เข้าไปติดกับดักในถ้ำ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1570 เข้าไปติดกับดักในถ้ำ
นฤเบศร์ส่งคนมาทั้งหมด5คน อยู่ที่ตีนเขาของภูเขาสองกระบี่ แม้แต่นรเทพเองก็ไม่เห็น
พวกนั้นรอที่ตีนเขา ด้วยทีท่ารอดูละครฉากสนุก คนแบบนฤเบศร์ นราธิปไม่เห็นอยู่ในสายตา คนของนฤเบศร์เข้ามา ก็จะไม่ได้การต้อนรับอะไรดีนักหรอก
ในใจของพวกนั้นก็ไม่ได้กังวลอะไร แล้วก็พูดคุยกันเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แล้วก็กลับไป ถ้านฤเบศร์โมโหขึ้นมา คงจะถลกหนังพวกเขาแน่ พอการต่อสู้สิ้นสุดลง อย่างน้อยก็ต้องเอาข่าวอะไรสักอย่างหนึ่งไปบอกกับนฤเบศร์ ถึงจะรอดไปได้
นรเทพมาถึงปากถ้ำแล้ว เขาสัมผัสอะไรในถ้ำไม่ได้เลย แต่เขาเชื่อว่า นราธิปจะต้องทำอะไรสักอย่างด้านใน
ถ้าตนเองเข้าไป แผนของนราธิปก็ศูนย์เปล่าแน่
ตอนนี้นราธิปอยู่ที่ปากถ้ำ ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ที่ไม่คุณเข้าไป เพราะว่าด้านในมันมีกลไกมากมาย ช่วงนี้ผมกำลังศึกษาเรื่องกลยุทธุ์วิทยาหาร ก็เลยทำไว้เล่น ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองเข้าไปดูได้”
ขณะพูดก็ขยับตัวเปิดเส้นทางไปด้วย นรเทพก็มองดูถูกนราธิป ปากก็ไม่ได้พูดอะไร หน้านิ่งราวกับภูเขาน้ำแข็ง
สภาพแบบเขาก็มีพลังวิชาไม่เบา แต่จะมาเรียนรู้เรื่องกลยุทธุ์วิทยาหารจะต้องใช้ระบบความรู้ความเข้าใจอย่างมาก ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่านราธิปจะพูดความจริง
พอถึงปากถ้ำ ชเนศก็ขมวดคิ้วเรียกขึ้นมาว่า “นายท่านครับ พวกเราจะทำอะไรกัน ไม่ต้องเข้าไปหรอกครับ แค่พวกเราระเบิดปากถ้ำทิ้งเสีย คนด้านในก็ไม่รอดแล้ว”
“เห้ย ไอ้หมอนี่ พูดอะไรน่ะ มาที่ของกูก็พอว่า ยังจะมาทำลายข้าวของกูอีก มันจะมากไปหน่อยมั้ง?”
คำพูดของนราธิป ชเนศไม่ได้สนใจ ได้แต่มองเจ้านายตนเองอย่างเป็นกังวล
นรเทพยิ้มเย็น “ข้างในจะมีของน่ากลัวอะไรกัน ไอ้นราธิป ชอบทำอะไรให้น่ากลัวไปอย่างนั้นแหละ เพื่อยื้อเวลา”
เขาพาชเนศเดินเข้าไป ตอนที่เดินเข้าไปได้ร้อยเมตร ประตูของปากถ้ำก็ปิดลงอย่างแรง
จากที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ นราธิปได้สร้างข่ายอาคมควบคุมทั้งด้านหน้าของถ้ำไว้แล้ว ถ้านรเทพคิดจะออกมาก็ต้องเสียเวลาพอสมควร
พอมองดูท้องฟ้า วนไปวนมาอยู่ที่ภูเขาสองกระบี่นานแล้ว รพีพงษ์และบวรวิทย์ก็น่าจะกลับกันมาแล้ว
เขามองเห็นสิ่งของด้านใน ตอนนี้นรเทพกำลังอึ้ง นรเทพที่เข้าไปติดกับดักแล้วนั้น ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาทั่วไป
นรเทพมองประตูที่ปิดตัวลง ก็ขมวดคิ้ว เขาก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ นราธิปคิดขึ้นเองจริงๆ หรือเปล่า
หรือว่าแกล้งหลอกให้ตนเองเข้ามาในนี้กันแน่?
เขาเดินเข้าไปข้างในอีก ชเนศก็แนะนำว่า “นายท่านครับ พวกเราออกไปกันเถอะครับ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับในถ้ำนี้เลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ พวกเราไม่มีประสบการณ์ที่จะรับมือได้นะครับ”
“พูดจามั่วซั่ว กูจะกลัวอะไรกับแค่ถ้ำนี้ ในเมื่อไม่เคยมา ก็ตรวจดูให้ดีเลย ว่านราธิปมันจะทำอะไรกันแน่ ไอ้สถานที่เฮงซวยนี่มันขังกูไว้ไม่ได้หรอก พลังของนราธิปก็ฆ่ากูไม่ตาย”
ตอนที่นรเทพพูด ก็เร่งเสียงให้ดังขึ้น ทำให้ชเนศปิดปากของตัวเองลง อยู่ข้างกายนรเทพมา ก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว รู้อารมณ์ของนรเทพดี
ถ้านรเทพโกรธขึ้นมา จะฆ่าตนเองตายเลยก็ไม่แปลก
ปริตรก็เห็นว่าสองคนนั้นกำลังจะเดินมายังด้านหน้ากลไกตนเองแล้ว สองมือก็บีบกันแน่น เขาก็ตื่นเต้นมาก
แต่ก็ยังมีความมั่นใจ พวกเขาเพิ่งเดินเข้าไปยังด้านในกับดัก นรเทพก็เสียสมดุล แล้วก็โจมตีให้มันตั้งตัวไม่ทัน
หลังจากนั้นพอหาจุดสมดุลพบ ก็ลอยอยู่กลางอากาศ แล้วก็ตะโกนว่า “ไอ้โง่นราธิป มันรู้กลยุทธุ์วิทยาหารเสียที่ไหนกัน พูดออกมาแบบนี้ใครก็ไม่เชื่อหรอกว่ะ”
“นายท่านครับ พวกเราต้องระวังตัวหน่อยนะครับ ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยมากมาย ทุกที่อาจจะมีกลไกอยู่”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอก”
พอสิ้นเสียง กระบี่แหลมคมจำนวนมากก็พุ่งมายังพวกเขาจากทุกทิศทาง ไม่ทันได้หลบ
บนกระบี่มียาพิษ ถ้าถูกตัวนรเทพเข้า ถึงแม้จะมีพลังที่มากพอ ไม่ตายก็เจ็บหนักอยู่
นรเทพขมวดคิ้ว แล้วก็เริ่มปัดป้อง
เข้าไม่คิดเลยว่า สถานที่ซอมซ่อแบบนี้จะถูกนราธิปทำขึ้นมาให้เป็นสนามรบได้ แล้วก็สังหรณ์ขึ้นมาว่า จะอยู่ในนี้ต่อไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียงานใหญ่
ชเนศพูดมาก็มีเหตุผล แล้วก็เรียกพลังมาเพื่อจะบุกฝ่าออกถ้ำไป
เขาร่ายพลัง รอบๆ ก็เกิดเป็นแสงสีขาว แล้วก็รับรู้ได้ว่าถูกควบคุมไว้แล้ว เป็นวิชาของนราธิป นราธิปตั้งใจหลอกให้เขามาที่นี่
เขาโมโหว่า “ไอ้กระจอก กระจอกจริงๆ ถ้ากูออกไปได้กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ ให้ตายเถอะ”
ฝุ่นดินในถ้ำลอยคละคลุ้งจากพลังที่เขาร่ายออกมา ตาก็มองอะไรไม่ชัด
ปริตรเห็นว่านรเทพกำลังตกอับ ในใจก็ไม่ได้รู้สึกว่าชนะอะไร นรเทพจะรู้หรือว่าคนที่ควบคุมทั้งหมดนี้ ก็คือเด็กคนหนึ่งที่เขาดูถูก
เขาปัดฝุ่นบนตัวทิ้ง พลังในกายก็ถูกควบคุมไว้ ทำอะไรไม่ได้เลย
ได้แต่หายใจเข้าออก ทำอย่างอื่นไม่ได้ ชเนศไปยืนข้างหน้า ถ้ามีอะไรโจมตีเข้ามา เขาจะได้รับเอาไว้ก่อน
นรเทพก็พูดว่า “ชเนศ พวกเรากลับไปดูที่ปากถ้ำดู ในถ้ำนี้คงวางกับดักไว้ ต่อให้กูมีพลังวิชาก็ใช้ออกมาไม่ได้”
ไม่ได้เจอกันหลายปี นราธิปจะเก่งขนาดนี้เชียวหรือ เคยได้ยินเรื่องกลยุทธุ์วิทยาหารมานานแล้ว แต่นรเทพไม่สนใจ เขาไม่คิดเลยว่า สุดท้ายตนเองจะมาติดอยู่ในนี้ออกไม่ได้
พอหายใจเข้าลึกๆ ก็พาชเนศเดินกลับออกไป ในตอนนี้ก็มีพลังขนาดใหญ่รวมกันเป็นลูกไฟยักษ์กลิ้งเข้ามาทางพวกเขา
ชเนศก็ตะโกนลั่นว่า “นายท่านครับ ออกไปไม่ได้ ตอนนี้ต้องเดินไปข้างหน้าเท่านั้น”
ปริตรก็เริ่มขับเคลื่อนอุปกรณ์ตนเอง ดินน้ำไฟไม้ทองใช้ออกมาหมด เขาไม่เชื่อว่า นรเทพจะอยู่ในนี้ได้โดยไม่เป็นอะไร
หนึ่งในหลักการฆ่าคนของกลยุทธุ์วิทยาหารนั้น คือการทำให้คนที่ถูกขังอยู่ด้านในหมดหวัง เมื่อสูญเสียความหวังไป ทุกอย่างก็ง่าย นรเทพเป็นคนคิดว่าตัวเองเก่ง เคยรับกับความรู้สึกแบบนี้เสียที่ไหน
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถือว่าเป็นความอับอายของเขามาก อับอายทั้งชีวิต
นรเทพตะโกนว่า “นราธิป ไอ้กระจอกมึงมันใช้แผนชั่ว กูออกไปได้ กูจะไม่ปล่อยมึงไปแน่”
นราธิปก็มองกระจกแล้วเห็นสภาพด้านในถ้ำ ก็ยิ้มออกมา ทีนี้ล่ะก็ นรเทพเสร็จแน่
เขาปิดตาลง แล้วก็สัมผัสได้ว่ารพีพงษ์และบวรวิทย์กำลังเดินทางมาแล้ว วัยรุ่นสามคนร่วมมือกัน นรเทพก็ไม่ได้โจมตีสะดวกเหมือนก่อนแล้วด้วย
เขาไม่อาจจะไปสู้ต่อหน้าได้ ถ้านรเทพออกมา ให้ตายตนเองก็ไม่ยอมรับว่าตนเองทำทั้งหมดนี้ เขาก็จะทำอะไรได้ล่ะ?
พวกของรพีพงษ์ก็มาถึงภูเขาสองกระบี่แล้ว พอเห็นคนของนฤเบศร์ ก็แปลกใจมาก ทำไมพวกนั้นถึงยังอยู่ที่นี่อีก?
หัวหน้าลูกน้องก็เดินโหดเข้ามา แล้วยิ้มเย็น “ให้พวกกูตามหาจนแย่เลยนะ ทีนี้ล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาตามหาแล้ว”