พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1585 ดำเนินการทีละขั้นตอน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1585 ดำเนินการทีละขั้นตอน
รพีพงษ์เดินไปหาผู้หญิงที่ดื่มเหล้าเมื่อสักครู่ และกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย ขอแค่ผู้หญิงคนนี้ตื่น ก็จะรู้ทุกอย่าง”
ไม่ใช่ว่ารพีพงษ์นั้นเป็นคนใจดี เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าที่คล้ายอารียา และเธอไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับตนเอง ที่เธอมาทำร้ายตนเองนั้น เป็นเพราะได้รับคำสั่งเท่านั้น
บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้อยู่เบื้องหลัง เขาทนไม่ได้ที่จะมองดูคนอื่นตาย
นฤเบศร์โมโหจนหน้าแดงก่ำ เขานั้นได้วางยาพิษไว้ในเหล้าแล้ว แค่ผู้หญิงคนนั้นดื่ม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เป็นไร
ตอนนี้เธอยังไม่ตาย รพีพงษ์ล้อเล่นหรือเปล่า?
เขายิ้มเยาะเย้ย “คนนอนแนบนิ่งแล้ว ไม่ตายได้อย่างไร ผมคิดว่าคุณปลิ้นปล้อนเหลี่ยมจัด”
ตอนนี้เขาไม่รีบ สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นละครที่น่าสนใจฉากหนึ่ง เขาอยากดูว่ารพีพงษ์มีวิธีอะไรที่จะปลุกผู้หญิงคนนี้ให้ฟื้นขึ้นมาได้
เขาเป็นคนที่คัดเลือกผู้หญิงคนนี้มาโดยเฉพาะ และขณะที่กำลังวางแผนเรื่องนี้ นรเทพเลือกผู้หญิงคนนี้อย่างรวดเร็ว และกล่าวว่าอัตราความสำเร็จคือร้อยเปอร์เซ็นต์
ตอนนี้รพีพงษ์ไม่หลงกล ถือว่าเขานั้นเก่งจริง ๆ
รพีพงษ์นั่งลงบนพื้น ถ่ายทอดพลังเพื่อทำให้ผู้หญิงคนนั้นอาเจียนเหล้าพิษออกมา แน่นอนว่าการดื่มเหล้าพิษนั้นมันทำร้ายกระเพาะอาหารของเธอ
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว มันก็ดีกว่าการฆ่าเธอให้ตาย
ถึงแม้ว่าตนเองได้ช่วยเธอไว้ แต่เกรงว่านฤเบศร์คงไม่ปล่อยเธอไป
เรื่องจะเป็นยังไง ก็ขึ้นอยู่กับดวงของเธอเอง รพีพงษ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าท้องตนเองปวดแสบปวดร้อนเป็นอย่างมาก จากนั้นมองกลับไปที่รพีพงษ์ด้วยความใจประหลาดใจ และรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
“ฉันจะทำร้ายคุณ แล้วทำไมคุณถึงได้ช่วยฉัน”
“ผมรู้ว่าคุณต้องการทำร้ายผม คุณพูดมาสิว่าใครให้คุณมาทำร้ายผม”
รพีพงษ์ไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย ถามตรงไปที่ประเด็นทันที ผู้หญิงคนนี้เป็นสาวงามที่นฤเบศร์เลี้ยงไว้ในบ้าน
และผู้หญิงคนนี้รู้ว่ารพีพงษ์ได้ช่วยชีวิตเธอไว้ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำร้ายรพีพงษ์ได้ แต่เธอเป็นเด็กกำพร้า และถูกนฤเบศร์เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ และเธอก็ไม่สามารถหักลังนฤเบศร์ได้เช่นกัน
“ฉันเอง ฉันเห็นคุณเหมือนศัตรูคนหนึ่งของฉัน ก็เลยตั้งใจมานั่งอยู่ข้างกายคุณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านผู้นำใด ๆ”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ นฤเบศร์ก็รู้สึกโล่งใจ หากคราวนี้เกิดปัญหาที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะทำให้เสียชื่อเสียง และถ้าในอนาคตตนเองอยากจะเชิญคนอื่นมางานเลี้ยงอีกนั้นจะเป็นเรื่องยาก
รพีพงษ์รู้สึกจำใจ เดิมคิดว่าผู้หญิงคนนี้สามารถพูดอะไรที่ยุติธรรมได้ แต่ไม่คิดว่าเธอเลือกที่จะไม่ล่วงเกินทั้งสองฝ่าย
เป็นเช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตของเธอไว้ได้
ผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้น และเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปข้างนฤเบศร์ คุกเข่าลงบนพื้น “ท่านผู้นำ ฉันไม่ดีเอง ทำให้คุณต้องลำบากใจ”
นฤเบศร์ตบผู้หญิงคนนั้นอย่างแรงและดุด่าว่า “ตันเหมยผมเลี้ยงคุณมาตั้งแต่เด็ก ถึงคุณไม่สำนึกบุญคุณของผมก็ช่าง แต่ตอนนี้คุณยังทำเรื่องแบบนี้ได้ ไสหัวออกไปจากบ้านของผม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตันเหมยก็รีบเดินออกไปทันที สถานที่ที่มีแต่เรื่องเลวร้าย ถ้าพูดผิดคำเดียวอาจไม่มีชีวิตรอด และเธอไม่ต้องการเป็นเช่นนั้น
นฤเบศร์รู้สึกลำพองใจ ดูผิวเผินเหมือนตนเองพ่ายแพ้ ที่รพีพงษ์ไม่อยากจะลงมือกับ ตันเหมย คิดว่าเป็นเพราะใบหน้าของ ตันเหมยขอแค่มีตันเหมยอยู่ในมือ ก็ยังคงเป็นไพ่ตายของตนเอง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้ม รพีพงษ์อยากสู้กับตนเองนั้นยังอ่อนหัดไป
ทุกคนไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ดื่มกินอีกต่อไป และแต่ละคนก็แยกย้ายกันกลับ รพีพงษ์และบวรวิทย์ไม่ได้คิดที่จะกลับ และพวกเขาก็รู้ว่า แม้ว่าพวกเขาต้องการกลับ แต่นฤเบศร์ก็ไม่ให้โอกาสพวกเขากลับแน่นอน
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกลับกันไปหมดแล้ว รพีพงษ์และบวรวิทย์ก็มองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม และทำตามแผนที่พวกเขาวางไว้ตั้งแต่แรก
แสดงท่าทางราวกับว่ากำลังจะกลับ นฤเบศร์รีบหยุดพวกเขาไว้ “คุณชายรพี ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ที่บ้านยังมีเหล้าดีอยู่หนึ่งโถ คุณชายรพีเข้าไปที่บ้านพร้อมกับผม ผมจะได้เอาเหล้านั้นให้คุณชาย เพื่อเป็นการขอโทษ”
บวรวิทย์เดินไปข้างหน้า และปฏิเสธทันที “คุณลุงนฤเบศร์ น้ำใจของคุณลุงนั้นพวกเรารับไว้แล้ว ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว ผมหวังว่าพวกเราทุกคนจะไม่ถือสาเรื่องในอดีต และถือว่าลบล้างกันไป”
นฤเบศร์กล่าวว่า ถ้าพวกเขาไม่ไปดื่มเหล้ากับตนเอง งั้นก็แสดงว่าพวกเขาไม่ให้เกียรติตนเอง
รพีพงษ์พาผลินและคนอื่น ๆ เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน คนที่ควรจะกลับไปตอนนี้ก็กลับไปหมดแล้ว บวรวิทย์กล่าวว่าอยากให้จิรันดน์พาตนเองไปเดินชมรอบบ้านขนาดใหญ่ของตระกูลพิมพ์สาร เพราะตนเองไม่ได้มาที่นี่หลายปีแล้ว
เป้าหมายของนฤเบศร์คือรพีพงษ์ เขาไม่สนใจว่าบวรวิทย์จะเป็นอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น จิรันดน์ยังอยู่ที่นี่ ถ้าบวรวิทย์ถูกฆ่าตายทันที อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกแตกสลาย
ขอแค่ฆ่ารพีพงษ์แล้ว จะฆ่าบวรวิทย์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
บวรวิทย์มองไปทุกหนทุกแห่ง เขาจะต้องหานรเทพให้พบ แล้วก็ควบคุมตัวนรเทพไว้ และนำตัวนรเทพกลับไปให้ได้
วิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถบังคับเอาวิญญาณคืนมาได้ และทำให้ลูกสาวของรพีพงษ์ดีขึ้น ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลว่านรเทพจะกลับมาแก้แค้นคืน
จิรันดน์พาบวรวิทย์ไปเดินรอบสวนหลังบ้าน เขากล่าวว่า “เรื่องเมื่อสักครู่พ่อของผมเป็นคนบงการเอง ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่ฟัง โชคดีที่พวกคุณนั้นไม่เป็นไร”
“คุณรู้เรื่องที่พ่อของคุณทำ ผมคิดว่าคุณควรหาวิธีขัดขวางเขา ผมไม่ได้อยากให้คุณพามาชมสวน จิรันดน์ ผมไม่ได้คิดที่จะทำร้ายคุณลุงนฤเบศร์ แต่คุณต้องให้ผมไปหานรเทพ ขอแค่เจอนรเทพ ต่อไปพวกเราจะไม่มีความขัดแย้งอะไรกับคุณลุงนฤเบศร์อีกต่อไป”
บวรวิทย์มองเด็กโง่คนนี้ และกล่าวกับเขาอย่างจริงจัง
บนร่างกายของนรเทพนั้นมีไอพิฆาตแน่นหนาเป็นอย่างมาก จิรันดน์ไม่เคยชอบนรเทพเลย นรเทพนั้นมาอาศัยดื่มกินอยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อพ่อตนเองนั้นไม่ดีเสียเลย
ถ้าบวรวิทย์และคนอื่นๆ สามารถนำตัวนรเทพไปได้ บ้านนี้ก็จะสงบสุขขึ้นมาก
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาตัดสินใจ และพาบวรวิทย์ไปยังห้องลับทันที
ฝั่งรพีพงษ์ที่อยู่กับนฤเบศร์ เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการโจมตีของนฤเบศร์
นฤเบศร์ไม่มีเจตนาดี เมื่อมาถึงห้องหนังสือของนฤเบศร์ ทันใดนั้นในมือของนฤเบศร์ก็ปรากฏกระบี่ขึ้นมา และพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์อย่างรวดเร็ว
เกราะป้องกันบนร่างกายทำงานทันที รพีพงษ์ดึงกระบี่สยบเซียนออกมาและยิ้มเยาะเย้ยว่า “ผมคิดแล้วว่า คุณไม่มีเจตนาดีขนาดนั้น”
นฤเบศร์มองกระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ จากนั้นก็มองกระบี่ที่อยู่ในมือของตนเอง และถามว่า “ทำไมกระบี่เล่มนี้ถึงอยู่ในมือคุณได้?”
“ผมเป็นเจ้านายของมัน มันไม่อยู่ในมือของคนถ่อยอย่างคุณหรอก หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว”
รพีพงษ์โต้กลับ เขาไม่คาดหวังว่าตนเองจะสามารถฆ่านฤเบศร์ได้ ที่ทำนั้นก็เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น เพื่อให้บวรวิทย์ นันท์ธร และคนอื่นสามารถนำตัวนรเทพมาได้
นรเทพอยู่ในมือของตนเองเท่านั้น ถึงจะทำให้ตนเองสบายใจได้ มิเช่นนั้นตนเองจะไม่สามารถพักได้แม้แต่ชั่วขณะหนึ่ง
กระบี่ส่องประกาย ตอนแรกนฤเบศร์มั่นใจว่าจะสามารถฆ่ารพีพงษ์ได้ แต่ตอนนี้รพีพงษ์มีกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ เป็นการยากที่จะฆ่ารพีพงษ์ได้
“รพีพงษ์ คุณมีพรสวรรค์ที่หายาก ต้องทำอย่างไรคุณถึงจะเป็นคนของตระกูลพิมพ์สาร ถ้าคุณติดตามผม ผมสามารถให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ รวมไปถึงตัวนรเทพ คุณต้องการเอาจิตวิญญาณลูกสาวของคุณกลับคืนไปไม่ใช่หรือ?”
เขากล่าวในขณะที่หลีกเลี่ยงแสงของกระบี่สยบเซียน กระบี่ของเขานั้นไร้แสงประกายเมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่สยบเซียน