พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1593 เดินทางสู่ภูเขาหิมะซีหลิง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1593 เดินทางสู่ภูเขาหิมะซีหลิง
ผู้หญิงของตัวเองอยู่ข้างกาย คู่ชายหญิง ทำงานล้วนแต่มีชีวิตชีวามากเลย
เขาพูดกับบวรวิทย์ง่ายๆไม่กี่คำก็ออกเดินทางแล้ว มีบวรวิทย์อยู่ ไม่ว่าอะไรเขาก็วางใจแล้ว
ตอนที่ไปเขาพูดกับบวรวิทย์เป็นพิเศษ ถ้าหากประสบความยากลำบากให้ไปหาปริตร ปริตรจะช่วยเหลือย่างแน่นอน
บวรวิทย์ตอบรับรพีพงษ์แล้ว ในใจก็ครุ่นคิด ถ้าหากไม่จนหนทางจริงๆไม่มีทางไปขอความช่วยเหลือจากปริตรแน่นอน
เห็นปริตร เขาก็นึกถึงความธรรมดาของตัวเองก็ถือว่าช่างมันเถอะ ก่อนหน้านี้ยังเคยทำให้ปริตรอัปยศอดสู ไม่ควรอย่างมากเลยจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นปริตรไม่ได้มีความเกรงใจตัวเองเหมือนกับรพีพงษ์ขนาดนั้น ไม่พูดว่าอคติกับตัวเอง ถึงอย่างไรน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น ปริตรไม่มีทางลืมเลือนเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ เกรงว่าปริตรขี้เกียจที่จะมาสนใจตัวเองแล้ว
เขารู้สึกเกรงใจที่จะต้องพูดเรื่องพวกนี้กับรพีพงษ์ เห็นรพีพงษ์เดินออกไป ก็หันหลังกลับไป
บังเอิญเจอผลินจะออกจากบ้านพอดี เขาพูดถามผลิน : “คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”
“ใช่แล้ว บรัชออนของฉันหมดแล้ว ฉันจะออกไปซื้อหน่อยนะ” ผลินยิ้มกริ่ม ตั้งแต่มาอยู่ข้างกายของรพีพงษ์ ก็ใช้พวกบรัชออนเหล่านี้ในปริมาณมากเลยทีเดียว
ล้วนแต่ว่ากันว่าผู้หญิงเราต่างก็แต่งตัวเพื่อเอาใจคนที่ชอบ รพีพงษ์ก็คือชายหนุ่มที่ใช่ของเธอ เพราะงั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของรพีพงษ์ก็จะต้องแต่งตัวให้งดงามหน่อย
“หากต้องการอะไรก็ให้ลูกน้องออกไปซื้อให้ ไม่จำเป็นต้องออกไปเอง ข้างนอกไม่ค่อยสงบสุข” บวรวิทย์มองไปยังยัยเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า โชคดีที่ในตอนนั้นไม่โดนพ่อบ้านเตชิตปู้ยี่ปู้ยํา เป็นคนเรื่อยเฉื่อยไม่มีกลอุบายอะไร หน้าตาก็สะสวย เพียงแค่เสียดายที่ว่าทั้งหมดของหัวใจอยู่ที่รพีพงษ์
ผลินไม่ได้สนใจอะไรมากมาย พูดกล่าว : “มีรพีพงษ์อยู่ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น รพีพงษ์รับปากแล้วว่าจะดูแลฉัน”
“รพีพงษ์ไม่อยู่ที่เมืองแฟรี่แล้ว คุณไม่ต้องเพ้อฝันว่ารพีพงษ์จะออกมาปกป้องคุณหรอกนะ” บวรวิทย์กอดอก ไม่คิดที่จะปิดบังผลิน
เมื่อผลินได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปครู่หนึ่ง หยดน้ำตาที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วก็หยดลงมาจากนัยน์ตา
เมื่อบวรบิทย์เห็นเธอเป็นแบบนี้ ค่อนข้างลนลาน : “ไม่มีรพีพงษ์ มีตระกูลภูสรีดาวที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้อยู่เบื้องหลังของคุณ คุณจะร้องไห้ทำไม?”
“คุณไม่เข้าใจหรอก รพีพงษ์เคยพูดไว้ว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะพาฉันไปด้วย เขาไปที่ไหน?” ผลินกำลังรอคำตอบจากบวรวิทย์ “คุณห้ามมาขัดขวางฉันและโกหกฉัน ไม่มีรพีพงษ์ ฉันยอมไปตายเสียดีกว่า”
บวรวิทย์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มีเพียงผู้หญิงและเด็กที่เลี้ยงดูยากเหมือนกัน ทำอย่างกับรพีพงษ์ทิ้งเธอไว้เพียงคนเดียวอย่างงั้น
ปัณฑาที่อยู่กับรพีพงษ์ ตอนนี้แม้แต่ปัณฑารพีพงษ์ยังไม่พาไปด้วยเลย ความคิดของเธอค่อนข้างมากเกินไปหน่อย
บวรวิทย์ขี้เกียจที่จะสนใจเธอ แต่ว่าจะให้เธอออกไปไม่ได้ หาคนมาดูแลเธอไว้ให้ดีๆ บวรวิทย์ไม่เชื่อหรอก ตระกูลภูสรีดาวที่ใหญ่ขนาดนี้จะดูผู้หญิงคนเดียวไม่ได้
ถ้าหากเธอออกไป เกิดเรื่องขึ้นมา รพีพงษ์กลับมาแล้วจะมีคำอธิบายให้รพีพงษ์ฟังได้อย่างไร?
มองออก แม้ว่ารพีพงษ์จะไม่ได้รู้สึกเชิงชู้สาวอะไร แต่เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นน้องสาวแท้ๆ ไม่ผิดเลย
“คุณอยู่ในคฤหาสน์ให้มันดีๆ ขาดเหลืออะไรก็ให้คนออกไปซื้อให้ หากคุณออกไปแล้วเกิดเรื่องอะไร ฉันคงรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
บวรวิทย์พูดตรงๆกับผลินเลย ผลินมองไปยังบวรวิทย์อย่างโกรธเคือง แต่ไม่มีวิธีอื่น ในใจก็รู้ดี จริงๆแล้วที่บวรวิทย์ทำก็เพราะหวังดีกับตัวเอง
กลับไปยังลานบ้านอย่างไม่เต็มใจ ปัณฑาเห็นว่าเธอกลัดกลุ้มใจ พูดถาม : “นี่มันเกิดอะไรขึ้น รพีพงษ์กลับมาแล้ว แสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อคุณเหรอ?”
“ถ้าหากเขากลับมาแล้วแสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อฉัน ฉันก็มีความสุข ประเด็นคือเขาทิ้งพวกเราไว้ที่นี่ ส่วนเขาไปที่อื่นแล้วนะสิ”
ปัณฑานั่งอยู่บนหินที่ประดับในสวนอยู่ดีๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รีบลงจากหินมาทันที พูดกล่าว : “คุณรู้ไหมว่าเขาไปที่ไหน เขาไม่พาฉันไปด้วย?”
ปัณฑาประหลาดใจ ในใจของผลินก็ยิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ปัณฑาเป็นลูกสมุนของเขา แต่เขาก็รับปากแม่ของตัวเองแล้วว่าจะดูแลตัวเองให้ดี ตอนนี้จากไปแล้ว มีผีเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเขาไปที่ไหน?
เธอมองไปยังปัณฑา พูดถาม: “ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันดี จะรอเขาอยู่ที่นี่เหรอ?”
ปัณฑากระสับกระส่าย เธอไม่ยินยอมที่จะรออยู่ที่นี่ อยู่ด้วยกันกับรพีพงษ์ หากจะไปก็ต้องไปด้วยกัน
แม้ว่าจะต้องตายก็ไม่สามารถทิ้งเธอไว้ได้ เธอครุ่นคิดพร้อมพูดว่า : “แน่นอนว่าพวกเราไม่สามารถรออยู่ที่นี่ไปตลอด สอบถามแล้วแต่ไม่ได้ความว่ารพีพงษ์ไปที่ไหน พวกเราก็ออกไปจากที่นี่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรไปหาเขาที่ไหน คิดหาวิธีสอบถามให้ได้ความก่อนว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วเราค่อยมาว่ากัน ”
ปัณฑามีท่าทีที่เงียบสงบมาก ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้เพราะว่ารพีพงษ์จากไปเหมือนกับผลินเลยแม้แต่น้อย
ที่รพีพงษ์ไปพาพวกเธอไปด้วยไม่มีอะไรมากนอกจากระหว่างทางมันอันตราย แต่ว่าจะไปหรือไม่ไปใช่ว่ารพีพงษ์จะสามารถตัดสินใจได้เพียงผู้เดียว
ปัณฑาคุ้นชินกับการเป็นคนตัดสินใจแล้ว ไม่ยิมยอมที่จะให้ผู้อื่นมาตัดสินใจแทนตัวเอง
ผลินมองไปยังปัณฑาอย่างเศร้าซึม พูดอย่างเศร้าๆว่า : “หากว่าพวกเรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน บวรวิทย์ก็ไม่มีทางให้พวกเราออกไปหรอก ตอนนี้เขาเป็นพวกเดียวกันกับรพีพงษ์แล้ว”
ปัณฑายิ้มเบาๆ เรื่องแบบนี้ มีวิธีการอย่างแน่นอน……
ทางฝั่งรพีพงษ์ถามเส้นทางไปยังภูเขาหิมะซีหลิงตลอดทาง ไปถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ริมชายแดนของเมืองแฟรี่พูดถามเจ้าของร้านว่า : “ภูเขาหิมะซีหลิงไปทางไหนเหรอครับ?””
“คุณชายคุณอยากจะไปภูเขาหิมะซีหลิงเหรอ ฉันขอแนะนำคุณชายว่าอย่าไปดีกว่านะ” เจ้าของร้านพูดกับรพีพงษ์อย่างมีเมตตาและมีอัธยาศัยดี เจ้าของร้านคนนี้แค่มองก็รู้ว่าน่าคบหาด้วย
รพีพงษ์รีบพูดถามต่อ : “ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้นเหรอ ไม่สามารถไปที่ภูเขาหิมะได้แล้วเหรอ?”
“ฉันได้ยินมาว่า เกิดเรื่องขึ้นกับนรเทพแล้ว กองกำลังทหารของเขากำลังระดมพลมาจากทั่วทุกที่ มีกว่าหนึ่งแสนคนที่อยู่ระหว่างทางของภูเขาหิมะซีหลิงกำลังเดินทัพมาทางนี้ ก่อนหน้านี้เคยประจำการอยู่ที่ภูเขาหิมะซีหลิง ฆ่าคนมามากมาย ถ้าไม่ไปได้ พยายามไม่ไปจะดีกว่า”
เจ้าของร้านพูดกล่าว พร้อมถอนหายใจอย่างไม่มีเหตุผล พูดต่อไปว่า : “พวกเขาฆ่าคน ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณขวางหูขวางตาหรือเปล่า ยังดีที่ตอนนี้นรเทพตกอับแล้ว ไม่เช่นนั้นเกรงว่าสถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่าตอนนี้อีก”
“ที่ฉันจะไปที่นั่นเพราะมีเรื่องด่วน แม้ว่าสิ่งที่คุณพูดมาจะเป็นเรื่องจริง ฉันก็จำเป็นต้องไป” รพีพงษ์พูดการตัดสินใจของตัวเองออกมาเลย
เจ้าของร้านมองดูที่รพีพงษ์ครู่หนึ่ง พูดกล่าว : “ในเมื่อคุณไม่ฟังกัน ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เดินตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็คือถนนใหญ่ ระหว่างทางมีทางแยก แต่ไม่จำเป็นต้องสนใจ ”
รพีพงษ์พยักหน้า เดินออกไปจากร้านอาหารแล้ว นึกถึงคำพูดที่เจ้าของร้านพูดมา ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลพวกบวรวิทย์
นรเทพอยู่ในกำมือของบวรวิทย์ จะนำพาให้ตระกูลภูสรีดาวไปสู้หายนะที่ดับสูญหรือเปล่า
แม้ว่าจะมีนราธิปอยู่ก็ตามแต่ นราธิปจะสามารถจัดการกับกองกำลังทหารได้จริงๆเหรอ?
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่กล้าที่จะล่าช้าแม้แต่นาทีเดียว
พละกำลังของนรเทพแข็งแกร่งมากเสียจริง ในเมื่อคนเขาก็เป็นเช่นนี้แล้ว ยังมีคนจำนวนมากมายที่ยอมเสียสละเพื่อเขาได้ ผู้ที่สามารถถวายความจงรักภักดีต่อนรเทพได้ เกรงว่าน่าจะมีสันดานเดียวกับนรเทพ ถ้าหากเจอเข้าแล้ว ฆ่าสักหน่อยก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
พระอาทิตย์ลับสู่ขอบฟ้า ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงทันใด รพีพงษ์เดินไปทางถนนใหญ่ บนถนนอ้างว้างไร้ซึ่งผู้คน ทันใดนั้นก็วาดกระท่อมหลังเล็กๆออกมา อยู่อาศัยข้างใน
ค่ำคืนอันมืดมิดถูกเสียงของหมาป่าหอนจนตื่นขึ้นมา ตามมาด้วยได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ ในใจรู้สึกประหลาดใจ มีคนโดนหมาป่าไล่เหรอ?
เขาไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย ลุกขึ้นยืนแล้วออกไปเลย เป็นอย่างที่คิดไว้มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทางแสงจันทร์