พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1599 ขากลับ
เสียงของสัตว์ประหลาดหิมะดังสนั่นมาก พูดตำหนิว่า : “วันนี้แกกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเอง แม้แต่เจ้านายของตัวเองเป็นใครก็ลืมไปหมดแล้ว ฉันไม่มีทางเป็นแบบแกได้ แต่ว่าแกจะต้องเสียใจภายหลังที่ทำกับฉันทั้งหมดในวันนี้ เจ้านายกลับมาแล้วจะต้องฆ่าแกแน่ งั้น ฉันก็จะได้อยู่ภูเขาหิมะนี้อย่างมีอิสรเสรี”
ตอนที่สัตว์ประหลาดหิมะพูดอยู่นั้นก็พบว่ามีสาวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง หันหน้ากลับมามองเธอพร้อมเอ่ยถามว่า : “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“ฉันเป็นคนของรพีพงษ์ ที่มาก็เพื่ออยากจะมาบอกความจริงกับแก เจ้านายของแกถูกรพีพงษ์ควบคุมไว้อยู่จริงๆ และแกก็ด้อยกว่ารพีพงษ์มาก ถ้าหากมาพูดจาไร้สาระกับฉันที่นี่ รพีพงษ์ก็คงชนะแกแน่”
สัตว์ประหลาดมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง คำพูดนี้ไม่ผิดเลย แต่ว่าที่เดิมพันกับรพีพงษ์ก็เป็นเพียงการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ อย่างแรกเขาคิดว่าตัวเองไม่มีทางแพ้แน่ อย่างที่สองแม้ว่าตัวเองแพ้แล้ว ก็ไม่ต้องทำตามสัญญาเลย
ทำงานภายใต้การดูแลของนรเทพ เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว ไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจ ขอเพียงแค่สุดท้ายเป็นผู้ชนะ จะมีใครไปสนใจกระบวนการอีกละ?
“แพ้แล้วยังไงกันเชียว?ต้นคงจิตที่เขาถืออยู่ในมือ ฉันก็สามารถเอากลับมาได้ สรุปแล้วเขาก็ไม่สามารถออกไปจากภูเขาหิมะได้”
ปัณฑาเห็นท่าทางที่ภาคภูมิใจมากของสัตว์ประหลาดหิมะ พูดตำหนิว่า : “เป็นอย่างที่คิดไว้เจ้านายเป็นแบบไหน ก็ทาสรับใช้เป็นแบบนั้น แกก็ไม่มีความน่าเชื่อถือเหมือนกับเจ้านายของแก เจ้านายของแกใกล้จะตายแล้ว ถ้าแกไม่เชื่อก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”
รพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันไปโดยปริยาย แต่ว่าก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อรพีพงษ์ได้
เป้าหมายสุดท้ายของเขาก็คือนำต้นคงจิตนั่นมาอยู่ในกำมือของตัวเองให้ได้ ขอเพียงแค่ตัวเองเอาสิ่งของนี้มาได้ ต่อให้คนอื่นจะมีความสามารถมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางแย่งของสิ่งนี้ไปจากมือของตัวเองได้
ส่วนที่ว่าพวกเขาพูดอะไรนั้น สัตว์ประหลาดหิมะจะรักษาคำพูดหรือไม่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเลย
รพีพงษ์กำลังจะถึงยอดเขาของภูเขาหิมะแล้วในอีกไม่ช้า ยื่นมือไปเก็บต้นคงจิตนั่น ถูกแทงอย่างแรงครู่หนึ่ง เขาขมวดคิ้วแน่น นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เขารู้ว่าปีศาจหิมะกำลังมองมาที่ตัวเองอยู่ เปล่งเสียงพูด ขอความช่วยเหลือปีศาจหิมะ : “สาวน้อย ทำไมของสิ่งนี้ฉันถึงเอามาไม่ได้?”
ยัยหิมะก็กำลังมาทางนี้ ต้นคงจิตใช่ว่าจะเอาไปได้ขนาดนั้น บนภูเขาหิมะแห่งนี้ นอกจากตัวเองที่สามารถเอามาได้แล้ว คนที่เอาได้อีกคนก็คือสัตว์ประหลาดหิมะ
รพีพงษ์เพิ่งจะพูดออกมา ยัยหิมะก็มาถึงอย่างรวดเร็ว พูดกล่าว : “ต้นคงจิตนี้ล้ำค่ามาก ด้านในถูกร่ายมนตร์สะกดไว้ ฉันช่วยคุณเอง!”
ยัยหิมะพูดแล้วก็ลอยไปเลย คนนอกมาถึงที่นี่ ไม่สามารถเอาวรยุทธใดๆออกมาใช้ได้ แต่ผู้เฝ้าภูเขาหิมะสามารถทำได้
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นรเทพกำหนดขึ้นมาตอนที่ตั้งกฎ สัตว์ประหลาดหิมะได้ยินยัยหิมะพูดว่าอยากจะช่วยเหลือ สีหน้าเคร่งขรึมปล่อยพละกำลังทั้งหมดในตัวออกไปขัดขวางยัยหิมะไว้
วันนี้ขอเพียงแค่ยัยหิมะลงมือจัดการ พวกเขาร่วมมือกันจัดการตัวเอง ตัวเองจะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแน่นอน
จะยอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้จริงๆเหรอ?
เขาไม่เต็มใจอย่างมาก ทำได้เพียงพูดตำหนิยัยหิมะ : “ตอนนั้นเจ้านายมองแกผิดไปจริงๆ”
ยัยหิมะไม่ได้สนใจเขาเลย ช่วยรพีพงษ์เอาต้นคงจิตนั่นมาแล้ว หลังจากนั้นก็ร่วมมือกับรพีพงษ์โจมตีสัตว์ประหลาดหิมะ
รอวันนี้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองรอมากี่ปีแล้ว วันนี้มีโอกาส สัตว์ประหลาดหิมะตกมาอยู่ในกำมือของตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่จะยอมปล่อยไอ้หมอนี่ไปง่ายๆแน่นอน
หลายปีมานี้เป็นศัตรูกับเธอมาโดยตลอด ตอนนี้เขาไม่มีความสามารถที่จะเป็นศัตรูกับตัวเองได้แล้ว แต่ยังคงสาบานที่จะจงรักภักดีต่อนรเทพไปจนตาย ที่นี่ล้วนเป็นศัตรูของนรเทพ เขาไม่ตายแล้วใครจะตายล่ะ?
ทุกคนร่วมมือกันจัดการสัตว์ประหลาดหิมะ สามารถจัดการสัตว์ประหลาดหิมะได้อย่างรวดเร็ว รพีพงษ์ไม่สนใจพลังเทพน้อยนิดนั่นของสัตว์ประหลาดหิมะเลย นำสิ่งที่อยากได้มาไว้ในมือ เขาก็เร่งรีบที่จะกลับไป
ตอนที่เจอกับผลิน เขาค่อนข้างประหลาดใจ คิดว่าคนที่มามีเพียงปัณฑาคนเดียวเท่านั้น ผลินเห็นรพีพงษ์ปลอดภัยดี ยิ้มไม่หุบเลย
“ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าคุณจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน พวกเขาล้วนแต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ ตอนนี้ดีแล้ว พวกเรากลับไปกันได้แล้ว”
“ฉันให้พวกคุณอยู่ที่ตำหนักอ๋องกันดีๆ ไม่มีใครเชื่อฟังเลย พวกคุณมาที่นี่กันหมด บวรวิทย์เป็นกังวลมากแค่ไหน?”
รพีพงษ์ไม่ได้คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี บวรวิทย์ได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น วันนี้พวกเขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถ้าหากเป็นอะไรขึ้นมา บวรวิทย์ก็คงจะไม่สบายใจไปตลอดชีวิต
คิดมาถึงตรงนี้ รพีพงษ์ก็กลอกตามองบนให้กับปัณฑาแวบหนึ่ง
ปัณฑาไม่เคยแสดงความอ่อนแอต่อหน้ารพีพงษ์มาก่อนเลย พูดกล่าว : “ที่มาที่นี่ก็เพราะว่าเป็นห่วงคุณไง มีเพื่อนอย่างคุณก็ช่างไม่มีสัจจะเกินไปแล้ว พูดกันไว้แล้วว่าไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนจะพาพวกเราไปด้วย คุณกลับว่าทิ้งฉันไว้เพียงคนเดียว ยังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม?”
เดิมทีรพีพงษ์จะต้องลงโทษผู้ที่มีความผิด แต่เมื่อได้ยินเจ้าตัวเล็กนี่พูดแบบนี้ รู้สึกว่าค่อนข้างมีเหตุผล ตัวเองไม่มีสัจจะพอจริงๆ ทิ้งเธอเอาไว้
เรื่องนี้ทำลวกๆแบบขอไปทีได้ก็ทำแบบขอไปทีก็พอแล้ว ทุกคนไม่ว่าใครก็ไม่ต้องพูดถึงอีก
ผลินที่อยู่อีกฝั่งร้องไห้ออกมาอย่างได้รับความไม่เป็นธรรม : “สถานที่ที่ไม่มีคุณล้วนแต่ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น ขอเพียงแค่เป็นที่ที่มีคุณก็จะมีฉัน คุณก็เคยรับปากแม่ฉันแล้ว ว่าจะดูแลฉันไปทั้งชีวิต”
“พอๆๆๆ พวกคุณพูดถูกทั้งหมด ฉันควรจะพาพวกคุณไปด้วยโอเคไหม?”
รพีพงษ์ถือของไว้ในมือ อารมณ์ดี กำลังอยู่ระหว่างทางกลับไป แต่ยัยหิมะก็ไล่ตามมาจากด้านหลัง
เธอเพิ่งจะดูดซับพลังทิพย์ของสัตว์ประหลาดหิมะเสร็จเรียบร้อย พลังเทพในร่างกายก็อุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
“ฉันไม่มีที่ไป วันนี้ได้เจอพวกคุณ ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้พวกคุณจากไปแบบนี้ไม่ได้ เว้นแต่ว่าพวกคุณจะพาฉันไปด้วย”
รพีพงษ์ตกใจ พูดกล่าว : “คุณจะไปพร้อมกับพวกเรา คุณไม่กลัวว่าจะเจอเจ้านายเก่าของคุณเหรอ เขาไม่ใช่คนที่มีความเมตตาอะไรนะ”
“ไม่ใช่พูดว่าเขาถูกควบคุมอยู่ในกำมือของพวกคุณแล้วเหรอ?ถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้เขามีทักษะมากแค่ไหนก็ทำอะไรฉันไม่ได้”
ยัยหิมะพูดแล้ว มองไปยังรพีพงษ์อย่างเลื่อมใสมาก ถามรพีพงษ์ตอนที่ต่อสู้กับเธอก่อนหน้านี้ ตั้งจอ่อนข้อให้เธอใช่ไหม?
รพีพงษ์รู้ ตัวเองมีความสามารถมากแค่ไหน แต่กลับว่าไม่เคยพูดโอ้อวดเกินจริง ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยัยหิมะจริงๆ
ยัยหิมะและพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองแฟรี่ ทิวทัศน์ระหว่างทางทำให้ยัยหิมะมีความสุขมาก เธออยู่ที่ภูเขาหิมะมาตลอดปี ข้างนอกเป็นยังไงเกือบจะลืมไปหมดแล้ว
ได้ออกมาอีกครั้ง มีความสุขมาก
รพีพงษ์ให้ความสำคัญกับทุกอย่างของเมืองแฟรี่ ยิ่งไปกว่านั้นก็จะลูบจับที่แหวนเก็บสิ่งของล้ำค่าอยู่บ่อยๆ เขานำต้นคงจิตไปเก็บไว้ในแหวนเก็บสิ่งของ กลัวว่าของจะหล่นหายไป
ถึงตระกูลภูสรีดาวแล้ว บวรวิทย์เป็นคนแรกที่พุ่งเข้ามาด่าว่าปัณฑาและผลินยกใหญ่
ปัณฑามองไปยังบวรวิทย์อย่างไม่ได้รับความธรรม พูดกล่าว“จริงๆก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ตอนนี้เราก็กลับมากันแล้วไม่ใช่เหรอ ทุกคนล้วนแต่สบายดี ทำไมต้องจับจ้องแต่เรื่องนี้ไม่ยอมปล่อยล่ะ ทำให้ฉันคิดว่าคุณจะพุ่งเป้ามาที่ฉันยังไงอย่างนั้น ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นคนข้างกายของรพีพงษ์ รพีพงษ์เป็นพี่ชายคุณ ฉันก็ต้องเห็นแก่หน้านะ”
รพีพงษ์อยู่อีกฝั่ง ไม่ว่าพวกเขาพูดอะไรก็แสร้งทำว่าไม่ได้ยิน เทวเทพที่อยู่อีกฝั่งได้ยินว่ารพีพงษ์กลับมาแล้ว นอกจากตกใจแล้วยังชื่นชมมากด้วย
หากรพีพงษ์ไม่กลับมา ตระกูลภูสรีดาวก็ใกล้จะประคองไม่ไหวแล้ว!