พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1619 แค่เห็นก็จำได้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1619 แค่เห็นก็จำได้
ปริตรได้ยินคำของรพีพงษ์ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ขอเพียงมีคนที่คุ้นเคยกับด้านใน ฝั่งตนเองก็จะสามารถทำความเข้าใจสภาพภายในได้ง่ายขึ้น
ปริตรก็รู้ดีว่า ทั้งหมดเป็นเพราะกลยุทธุ์วิทยาหารของตนเอง ตอนนี้กว่าจะโจมตีให้พวกนั้นพ่ายแพ้ได้ จะให้พวกนั้นฟื้นตัวมาโจมตีเราอีกไม่ได้
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ต่อให้พวกนั้นฟื้นตัวกลับมาได้ ตนเองก็คงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
ตั้งแต่เรื่องของนรเทพ ก็มีตนเองมาโดยตลอด ถ้าตนเองไม่เตรียมพร้อมให้มากพอ ก็จะถูกคนอื่นฆ่าแกงตามอำเภอใจ
ตอนนี้ทุกคนอยู่ด้วยกัน รุ่งโรจน์ดับสิ้นด้วยกัน ถ้ามีคนใดคนหนึ่งเกิดเรื่อง ชีวิตของคนอื่นที่เหลือก็คงไม่มีอะไรดี
ปริตรยิ้มพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็จัดการง่ายขึ้น รพีพงษ์ สัตว์พาหนะของคุณรู้เรื่องด้านในดี ในเมื่อคนของนรเทพไปยึดถ้ำมันไว้ ไม่สู้อาศัยจังหวะนี้ไปช่วยยึดเอาถ้ำของสัตว์พาหนะคุณคืนมา คุณคิดว่าไง?”
“ผมไม่มีอะไรคัดค้านอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เดี๋ยวให้สัตว์พาหนะของผมเล่าสภาพด้านในออกมาให้ฟัง”
ทหารพวกนั้นของนรเทพก็ไม่ได้โง่ เดชาก็ยิ้งฉลาด กิเลนคุ้นเคยกับสภาพด้านในเป็นอย่างดี ถ้ามีกิเลนนำทางไป คนของพวกเขาที่เข้าไปอาจจะไม่ถูกพบเข้าได้ง่ายๆ
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว บวรวิทย์ก็ยิ้มอย่างชื่นใจ “ว่ากันว่าการแก้ปัญหามักจะมีมากกว่าปัญหา ขอเพียงทุกคนร่วมใจกัน ผมไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องไหนที่พวกเราแก้ไขไม่ได้อีก”
ปริตรก็มองรพีพงษ์ ต้องขอบคุณที่รพีพงษ์ได้กิเลนมาจากด้านใน แต่ก็ต้องมั่นใจว่ากิเลนนั้น จะซื่อสัตย์ต่อรพีพงษ์ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ไม่เพียงจะเสียแผนกันหมด แถมยังจะเป็นการทำร้ายทุกคนด้วย
กิเลนนั้นเชื่อถือได้อยู่แล้ว รพีพงษ์รู้นิสัยของกิเลน ไม่ต้องให้ทุกคนมาตัดสิน
กิเลนอยู่ด้านนอกของตำหนักอ๋อง พอเห็นรพีพงษ์มองออกมา ก็ถามว่า “เจ้านาย พวกเรากลับกันได้หรือยัง?”
“ต่อไปไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน เจ้าก็ต้องไปด้วย ข้าอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือบ้านของเจ้า ที่เจ้าบอกว่าจะกลับไป หมายถึงกลับถ้ำเจ้าใช่ไหม?”
พอได้ยินคำของรพีพงษ์ กิเลนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลดี เมื่อครู่ตนเองปากพล่อยไป ตนเองได้เป็นของรพีพงษ์แล้ว จะต้องช่วยเหลือรพีพงษ์อย่างไม่บ่ายเบี่ยง ขอเพียงมีรพีพงษ์อยู่ คำพูดของรพีพงษ์ เขาก็จะมาขัดไม่ได้
เป็นทาสจะต้องมีคุณสมับติของทาสด้วย เขาก็เลยก้มหัวพูดว่า “เจ้านายพูดถูกต้อง”
รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ พูดว่า “ถ้าเจ้าจะกลับไปก็ไม่ใช่ไม่ได้ แต่จะต้องพาพวกเราเข้าไปด้วย”
กิเลนมองรพีพงษ์อย่างตกใจ ส่วนรพีพงษ์ก็รู้ว่า ที่กิเลนมาอยู่กับตนเองเพราะคำสัตย์นั้น ที่บอกไว้ว่าจะมาเป็นสัตว์พาหนะของตนเอง แต่ในใจมีเพียงการพ่ายแพ้ให้กับตนเองเท่านั้น
ถ้าครั้งนี้สามารถฆ่าพวกทหารของนรเทพได้จริงๆล่ะก็ กิเลนก็สามารถกลับไปถ้ำตนเองได้ รพีพงษ์ก็คงไม่เอามันมาติดกับตนเองไว้หรอก
มันไม่ยุติธรรมกับกิเลน ที่ตนเองเอาชนะกิเลนได้ ก็เพราะตัวกิเลนที่ประมาท
ถ้ากิเลนไม่ประมาทล่ะก็ ต่อให้รพีพงษ์จะเอาชนะได้ ก็คงไม่เร็วขนาดนั้น
กิเลนคิดไม่ถึงว่า คำพูดนี้จะพูดออกมาจากปากของรพีพงษ์ ตอนนี้มันเป็นสัตว์พาหนะของรพีพงษ์ ทุกอย่างจะต้องให้รพีพงษ์มาก่อน
รพีพงษ์มองสีหน้าตกใจของมัน แล้วก็ยิ้มๆ “ที่ข้าบอกมาทั้งหมด มันมีข้อแลกเปลี่ยนนะ เจ้าจะต้องเอาสภาพทั้งหมดของถ้ำเจ้าบอกกับข้าให้หมด แล้วก็เส้นทางเข้าป่าด้วย ไม่อย่างนั้นข้าจะปล่อยเจ้าทำไมล่ะ?”
พอได้ยินคำของรพีพงษ์ กิเลนก็ยิ้มๆ แล้วตอบว่า “ไม่เห็นมีอะไรยากเลย”
กิเลนคิดไป ขอเพียงตนเองสามารถทำตามในสิ่งที่รพีพงษ์ต้องการได้ งั้นตนเองก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว จะได้กลับเข้าไปในป่าลึก ไปใช้ชีวิตที่สุขสบายก็ดีเหมือนกัน
รพีพงษ์มองกิเลน แล้วก็ถามว่าจะให้เตรียมกระดาษกับปากกให้กิเลนไหม
ในหัวของกิเลน ก็เกิดภาพด้านในทั้งหมดออกมา แล้วก็ฉายภาพออกมาราวกับภาพยนตร์ รพีพงษ์เห็นแล้วก็อึ้ง “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความสามารถขนาดนี้”
“ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ข้ามีความจำดี ขอเพียงมีอะไรที่เคยเกิดขึ้นในสมอง ก็จะไม่มีวันลืม แต่ว่านี่คือสภาพในวันที่เขาออกมา ตอนนี้จะถูกพวกนั้นเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร อยู่ด้านในไม่นาน ต่อให้พวกนั้นมีใจคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมา ก็คงเป็นไปไม่ได้
ในภาพที่ฉายออกมา ได้เห็นเดชาด้วย เขากำลังนับกำลังพลของตนเองอย่างรีบร้อน และสั่งให้ลูกน้องไม่ต้องกังวล ตอนนี้มีที่พักแล้ว ขอเพียงฝึกวิชาให้ดี ฟื้นคืนพลังกลับมา ก็จะสามารถบุกฝ่ากลับออกไปได้แล้ว
ตอนนี้นรเทพตายแล้ว เขาจะต้องขึ้นดูแลเทวโลกแทนนรเทพแน่ ไม่อาจจะทนเห็นเทวโลกตกไปอยู่ในมือของคนอื่นได้
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเย็น พวกนั้นมีความคิดแบบนี้ แต่ก็จะต้องมีความสามารถที่มากพอ ถ้าไม่มีล่ะก็ พูดมากแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้
นึกไว้แล้วเชียวว่าพวกนั้นคงไม่อยู่เฉย และไม่ได้หวังว่าทุกอย่างจะจบลงง่ายโดยไม่มีปัญหาอะไร
ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น สถานการณ์มันก็จะเอาเป็นเอาตายกันข้างหนึ่ง
บวรวิทย์อยู่อีกฝั่ง ก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้พวกนี้มันแพ้อย่างราบคราบไปแล้ว แต่ยังมีความกล้าเหลืออยู่ขนาดนี้ สมกับที่เป็นคนของนรเทพจริงๆ”
ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะพวกของยัยหิมะลงมือนรเทพไป นรเทพก็คิดไม่ถึงว่าจะรักษาศักดิ์ศรีของตนเองไว้ได้
คนของนรเทพก็เหมือนกับนรเทพเอง แต่ว่าเดชาบอกไว้ว่าจะควบคุมทั้งเทวโลกนี้ เทวโลกไม่ได้มีเจ้าของแล้ว ต่อให้เดชามีความคิดแบบใด ก็คงไม่ตกอยู่ในมือของเดชาแน่
ถ้าไม่ใช่เพราะเบื้องหลังมีกำลังทหารมากขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีอะไรจะสู้หรอก
ยัยหิมะอยู่อีกฝั่ง แล้วก็เดินมาข้างๆ ปริตร พร้อมพูดว่า “กลยุทธุ์วิทยาหารนั้นร้ายกาจมาก ถ้าสามารถเอาไปใช้ในป่าได้ก็คงไม่เลว”
“ถ้าผมอยากลงมือทำ ก็ไม่มีอะไรยากกว่าที่ผมจะทำได้” ปริตรหันกลับไปมองยัยหิมะ เขาเองก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยแบบนี้มาก่อน
ความสวยก็เป็นอีกเรื่อง นี่ยังแยกแยะบุญคุณความแค้นได้ ฆ่านรเทพไป นี่ก็ถือว่าเป็นการแก้แค้นให้กับคนที่เคยถูกนรเทพทำร้ายไป
“ขอเพียงผมอยากทำ ก็จะไม่มีที่ไหนมาขวางได้ เพียงแต่ยังไม่รู้สภาพด้านใน จะต้องทำความเข้าใจด้านในอย่างละเอียด ถ้าไม่รู้อย่างละเอียดล่ะก็ กลยุทธุ์วิทยาหารของผมก็จะไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลย”
ขณะที่ปริตรพูด ก็มองยัยหิมะอย่างอ่อนโยน ยัยหิมะพยักหน้า แล้วก็ถามรพีพงษ์ว่า “คุณให้กิเลนนึกดูอีกครั้งหน่อย ฉันจะวาดสภาพด้านในออกมา หวังว่าแบบนี้จะสามารถช่วยทุกคนได้”
นรเทพตายไปแล้ว คนของนรเทพก็สมควรตาย ปีนั้นพ่อแม่ของเธอก็ถูกลูกน้องของนรเทพฆ่าตาย คนที่ทำกับพ่อแม่ของเธอ เธอจไม่ปล่อยไว้สักคนเดียว
กิเลนก็เริ่มนึกขึ้นมาอีกครั้ง ยัยหิมะต้องการอุปกรณ์มาวาด แต่ปริตรปฏิเสธว่า “ไม่ต้องหรอก ผมมองครั้งเดียวก็จำได้หมดแล้ว”
ความสามารถที่มองครั้งเดียวแล้วจำได้ไม่ลืมนั้น เขามีความสามารถนี้มานานแล้ว แค่นี้เขาจำได้สบายมาก