พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1623 ความรู้สึกที่ยาวนาน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1623 ความรู้สึกที่ยาวนาน
ยัยหิมะก็ยิ้มดีใจอยู่ข้างๆ พูดว่า “ทีนี้ล่ะให้พวกนั้นเหนื่อยกันแน่”
พอสิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงหอนของหมาป่าดังเข้ามา รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วมองออกไปไม่ไกล ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่หมาป่าเท่านั้น
กิเลนก็แปลกใจอยู่ แล้วพูดว่า “ไอ้หมอนั่นมาได้ไง?”
“ใคร เจ้ารู้จักไอ้ตัวใหญ่นั่นด้วยหรือ?” รพีพงษ์ก็มองสัตว์ตัวใหญ่หลังถ้ำที่พักของพวกนั้น ทุกคนก็ได้เห็นแล้ว ไอ้ตัวนั้นหลบซ่อนเป็นอย่างดี
ตอนนี้เดชาคิดแต่จะจัดการกับเรื่องฝูงหมาป่าเท่านั้น ไม่มีใจคิดอย่างอื่น จึงละเลยว่ามีอะไรอยู่ด้านหลัง
คนพวกนี้ สู้รบในสงครามดุเดือดกว่าจะได้พัก ก็คงอยากจะอยู่สงบๆ เป็นธรรมดา
รพีพงษ์คิดได้ว่า พวกนั้นอาจจะไม่ได้ชอบทำสงคราม อาศัยข้ออ้างว่าทำเพื่อนรเทพ แล้วให้คนอื่นมาควบคุม ในใจของอึดอัดไม่น้อย
คนเป็นผู้นำมักจะถูกโจมตี ถ้าไม่มีใครสักคนออกมาแสดงความไม่พอใจ เรื่องมันก็คงเป็นแบบนี้ต่อไป
รพีพงษ์ก็มองยัยหิมะ แล้วถามว่า “ทหารของนรเทพ มีที่มาที่ไปอย่างไร คงไม่ใช่เพราะว่าเขารวบรวมขึ้นมาเองหรอกมั้ง”
“เรื่องนี้ฉันพอรู้บ้าง เขามีอำนาจ ก็ต้องมีคอยมาเข้าหาเป็นธรรมดา เพื่อหาที่คุ้มกะลาหัว บวกกับที่ถึงแม้นรเทพจะอำมหิต แต่ว่าดีกับลูกน้องมาก คุณลองคิดดูสิ ว่าถ้าเขาทำกับลูกน้องไม่ดีล่ะก็ ก็คงจะไม่มีคนที่มาแก้แค้นให้เขาหลังจากตายไปแล้วมากมายขนาดนี้”
นั่นสิ นรเทพได้ตายไปแล้ว ถ้าสามารถยืนยันได้ว่าเดชาให้พวกเขาบุกเข้าโจมตีเมืองแฟรี่ ที่ให้พวกเขามาทำสงครามก็เพราะแก้แค้นส่วนตัว หรือไม่ก็เหตุผลอื่น ทหารพวกนี้ก็คงไม่ติดตามเขาแล้วล่ะ
ยัยหิมะมองออกว่ารพีพงษ์มีอะไรจะพูดแต่ไม่พูด แล้วก็ยิ้มถามว่า “คุณคิดว่าไงล่ะ ลองพูดออกมาฟังดูสิ จะได้รู้ว่าได้ผลไหม”
รพีพงษ์ตอบไป “พวกเราสามารถใช้แผนสร้างความแตกแยกได้!ถ้าจิตใจของกองทัพไม่มั่นคง ในกองทัพก็จะเกิดความวุ่นวาย ต่อให้เก่งแค่ไหนก็พังพินาศ”
ปริตรพยักหน้า สแดงท่าทีเห็นด้วย แต่คนข้างกายของเดชา ดูเหมือนจะดีกับเดชามาก เดชาก็เหมือนจะดีกับพวกนั้น เรื่องนี้คงยาก
ปริตรถามรพีพงษ์ว่ามีแผนอย่างไร รพีพงษ์ก็มีแผนของตนเองแน่นอน แล้วก็ได้บอกกับทุกคนไป
เดี๋ยวสักพักหมาป่าจะเข้ามา พวกนั้นก็คงโดนโจมตีแน่ ตอนนี้กลับออกไปก่อน ปริตรได้วางกลไกไว้ในป่าหมดแล้ว ถ้าอยากเห็นสภาพด้านในก็สามารถดูผ่านกระจกสะท้อนจากด้านนอกได้เหมือนกัน
พวกเขาทั้งหลายก็กลับออกไปด้านนอก พอพวกของรพีพงษ์กลับออกไป บวรวิทย์ก็เข้าไปถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
รพีพงษ์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์มันจะเป็นไปแบบไหน สายตาก็มองยังปริตร แล้วพูดว่า “ปัญหานี้ เพื่อนรพีพงษ์รู้เป็นอย่างดี เพราะว่าผมเองไม่มีความมั่นใจ”
บวรวิทย์ก็มองไปยังปริตร แล้วยิ้มเบาๆ แล้วก็เข้าถามสถานการณ์อย่างมีมารยาท ยัยหิมะก็มองบวรวิทย์ รู้ว่าปริตรไม่ชอบคุยกับบวรวิทย์ ก็เลยตอบกลับไปแทนปริตร
“ปริตรลงมือเอง เคยทำให้ทุกคนผิดหวังที่ไหนล่ะ ไม่มีอะไรแน่นอน”
ท่าทางของปริตรนั้น บวรวิทย์ก็คุ้นชินเสียแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร แต่พอได้ยินจากคำของยัยหิมะแล้ว ในใจก็โล่งขึ้นมาก
ผลินเห็นว่าบนตัวของรพีพงษ์มีรอยเลือด ก็รีบถามอย่างกังวลว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรๆ ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก”
รพีพงษ์ก็ทำตัวไม่ถูก สายตาของบวรวิทย์ก็มองไปยังตัวรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็เลยรีบอธิบายเรื่องที่ไปฆ่าหมาป่ามา
ผลินก็น้อยใจ บอกว่ารพีพงษ์ไม่เห็นจะต้องปิดบังตนเอง ตนเองก็ไม่ได้จะตามตื้อเสียหน่อย ถ้าเขาไม่ชอบตนเอง งั้นตนเองก็เป็นน้องสาวก็ได้ ระหว่างกันนี้ไม่เห็นจะต้องห่างเหินขนาดนี้เลย
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วันข้างหน้าจะสู้หน้ากันอย่างไร
รพีพงษ์ได้ยินคำของผลิน ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ก็เลยรู้สึกเสียมารยาทไป
ผู้หญิงอย่างผลินยังรู้ว่าจะจัดการอย่างไร แต่กลับเป็นที่ตนเองเสียอย่างนั้น ตนเองกลับเริ่มหลบหน้าหลบตา นี่มันช่างไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
รพีพงษ์ถามผลินว่า “ในใจคุณสามารถคิดได้แบบนี้ ผมก็ชื่นใจ ตอนแรกก็ได้มองว่าคุณเป็นน้องสาวคนหนึ่งแล้ว ผมนั้นมีภรรยาแล้ว ระหว่างเราไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้”
ในใจรักแค่คนเดียว มีคนอื่นไม่ได้แล้ว
รพีพงษ์ก็รู้ดีว่า ผลินอาจจะบอกว่าไม่สนใจเหตุผลจำพวกนี้ แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันสองคนจริงๆ แล้วนั้น ก็จะมีเหตุผลอื่นที่มากขึ้น ต้องการตำแหน่งภรรยาเป็นอันดับแรกแน่นอน อย่างที่สองก็คือต้องการความรักจากตนเอง
เวลามันก็ผ่านไปนานแล้ว ตนเองได้รักอารียาอย่างลึกซึ้งมากแล้ว และไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ปัณฑาได้กลับไปที่โลกแล้ว ส่วนถ้าแผนสร้างความแตกแยกนี้สำเร็จ รพีพงษ์ก็จะได้กลับไปเร็วๆ นี้ เขาไม่ใช่คนที่นี่ เดิมก็ไม่ควรอยู่ที่นี่อยู่แล้ว
คิดไปแบบนี้ ก็มองไปยังผลิน ยัยหนูนี่ไม่ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนครั้งก่อน แต่มีท่าทางใจกว้างเสียอย่างนั้น ราวกับปล่อยวางกับเรื่องนี้แล้ว
รพีพงษ์ก็โล่งอก แบบนี้ก็ดี ตนเองจะได้กลับไปอยู่กับอารียา ถ้าผลินตัดสินใจจะกลับไปกับตนเอง พอถึงตอนนั้นก็มาฐานะเป็นน้องสาวของตนเอง จะได้บอกกับอารียาได้สะดวก
รพีพงษ์รู้ว่า จริงๆ แล้วอารียาไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ถึงแม้เธอจะไม่สนใจ ตนเองก็ไม่ควรไม่ใส่ใจ
อารียาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ความคิดของผู้หญิงนั้นอ่อนไหวมาก ปากไม่พูด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่คิด
เรื่องที่ทำให้อารียามาสบายใจ รพีพงษ์จะไม่ให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
ผู้หญิงในใจของเขานั้น จะต้องอยู่กับเขาอย่างมีความสุข พอนึกถึงเรื่องบนโลก รพีพงษ์ก็อารามณ์ดีขึ้น ใจเขาอยากจะกลับไปเร็วๆ
ไม่ได้ข่าวคราวของปัณฑานานแล้ว คาดว่าหนูลินคงจะดีขึ้นแล้ว ดังนั้นเธอก็เลยไม่ได้มาบอกกับตนเอง
ผลินก็มองสีหน้าของรพีพงษ์ ตนเองก็ดีใจด้วย แต่ว่ารู้สึกเปล่าเปลี่ยว รพีพงษ์ไม่รักเธอ แถมตอนนี้ยังมีอะไรที่ชัดเจนขึ้นมาก ทำให้เธอมีความรู้สึกว่าแพ้ เธอก็เอามือมาคลำใบหน้าตนเองด้วยอารมณ์ในตอนนั้น ในใจก็คิดว่าตนเองสวยไม่พอหรือเปล่า ถึงทำให้รพีพงษ์ไม่ตกหลุมรัก?
รพีพงษ์ก็ไปปรึกษากับพวกบวรวิทย์ ผลินก็ไปหาที่เงียบ นั่งคิดอะไรคนเดียว
แต่ยัยหิมะเห็นผลิน ก็เข้าไปถามว่า “ในใจเธอมีเขา แต่ว่าเขาไม่รักเธอ ลำบากคิดไปก็ไม่มีผลดี ลองดูรอบๆ สิว่ายังมีคนที่เหมาะสมอีกไหม ลองเปิดใจดู จริงๆ อาจจะไม่ใช่เพียงรพีพงษ์คนเดียว ที่ควรรัก”
ตอนที่ยัยหิมะและพวกรพีพงษ์ออกมาจากภูเขาหิมะซีหลิงนั้น ในใจก็ชื่นชอบรพีพงษ์เหมือนกัน ตอนนี้เห็นผลินเหมือนกับตนเองในตอนนั้นเลย
คำพูดของเธอทำให้ในใจผลินสับสน แล้วพูดว่า “เธอได้เจอกับรพีพงษ์ แล้วก็อยากอยู่กับรพีพงษ์ มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วก็เปลี่ยนไปรักคนอื่นได้ แต่ฉันนั้นอยู่ข้างๆ รพีพงษ์ตั้งแต่แรก แม่ของฉันก็หวังว่าฉันจะได้อยู่กับรพีพงษ์ ถ้าฉันกับได้อยู่ด้วยกัน แม่ของฉันก็ไม่ถือว่าตายฟรี”