พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 25
บทที่ 25 ไม่มีราชันฟ้าทั้งสามในเมืองริเวอร์ อีกต่อไป
II โอ๊ย !! ”
เสียงร้องโหยหวนไม่ต่างจากหมูที่ถูกเชือดดังไปทั่วทั้งร้า
นอาหาร
ใบหน้าของอินทัช เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา สีหน้า เปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความเจ็บปวดนั้นทำให้ใบหน้าของเขา บิดเบี้ยวไป
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า รพีพงษ์ ซึ่งทุกคนมองว่าเป็น แค่ขยะนั้นจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ มันกล้าหักแขนของเขา จนหักไปเลย
พนักงานสองคนที่แอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลได้เห็นฉากนี้ แล้ว พวกเขาก็รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย
ในเวลานั้นพวกเขากำลังล้อเลียน รพีพงษ์ ที่จะต้องถูกอิ นทัช จัดการอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน โดยที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็น รพีพงษ์ ที่หักแขนของอินทัช แทนหลังจากที่หันกลับมา
นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย นั้นคือ… รพีพงษ์ จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ ?”
นี่มันชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า รพี พงษ์ จะทำแขนอินทัช หัก ! นั่นคือหนึ่งในสามของราชาโลกมีดเชียวนะ ”
” เขา….เขาเป็นแค่ขยะไร้ค่าจริงเหรอ ? ถ้าหากเขาเป็น แค่ขยะแล้วพวกเราล่ะ….นับว่าเป็นอะไร ? ”
พนักงานทั้งสองกลืนน้ำลายเบา ๆ และทัศนคติของพวก เขาที่มีต่อ รพีพงษ์ นั้นถือว่าเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว
หลังจากที่ รพีพงษ์ หักแขนของอินทัช แล้วเขาก็ถามขึ้นว่า ” ยอมรับผิดแล้วรึยัง ? ”
อินทัช เป็นถึงหนึ่งในราชาโลกมืดของเมืองริเวอร์ กว่า จะมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไปร้องขอความเมตตาจาก คนอื่นเอา
เขากัดฟันแน่น ความต้องการที่จะกำจัด รพีพงษ์ ยังคงอยู่ และเขาก็มั่นใจด้วยว่าความแข็งแกร่งของเขา ต่อให้มีเพียง แค่แขนเดียวที่เหลือ ก็จะสามารถทำให้รพีพงษ์ ลงไปกอ
งกับพื้นได้
” ยอมรับก็บ้าแล้ว….”
อินทัช พยายามลุกขึ้นจากพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว
เมื่อ รพีพงษ์ เห็นดังนั้นเขาจึงปล่อยมือจากแขนที่หักแล้ว หลังจากนั้นก็จับเข้าที่แขนอีกข้างของอินทัช อย่างรวดเร็ว
อินทัช ล้มลงบนพื้นอีกครั้ง อีกทั้ง รพีพงษ์ ยังจับอยู่ ระหว่างข้อต่อของเขาไว้อีก แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแรงมากแค่ไหน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนไหวหรือใช้กำลัง อยู่ดี
” บ้าเอ๊ย ปล่อยฉันสิวะ ฉันจะสู้กับแก ! “อินทัช เริ่มตะโก นออกมา
ไตรทศที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งเห็นเหตุการณ์มาตลอด เมื่อเขา ได้ยิน รพีพงษ์ ถามอินทัช ว่าสำนึกผิดหรือยังถึงสองครั้ง เขาก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าอินทัช กำลังจะเสียโอกาสที่ดีที่สุดใน การเอาชีวิตรอดไป
โง่จริง ๆ ในตอนที่ พี่รพี ถามคุณครั้งแรก แค่คุณ ยอมรับผิดก็คงไม่ต้องมาทนรับความเจ็บปวดแบบนี้แล้ว ”
ไตรทศสายหัวไปมา เมื่อนึกถึงตรงนี้ในใจเขาก็เกิดร่อง รอยของความกลัวขึ้นมา ในหัวเขาคิดถึงฉากที่เขาได้พบกับ
รพีพงษ์ ครั้งแรกในปีนั้น
ถ้าตอนนั้นเขาไม่มีความฉลาดอยู่บ้าง ตอนนี้เขาอาจจะ แขนขาหักจนไม่สามารถเชื่อมต่อได้อีกก็เป็นได้
– โอกาสของคุณหมดไปแล้ว ”
น้ำเสียงของ รพีพงษ์ นิ่งและเรียบเฉย เขาเป็นเหมือนดั่ง ยมทูตที่สามารถลงโทษผู้อื่นให้ถึงแก่ความตายได้อย่า
งง่ายดาย
ะ ๘ เขาจับแขนของอินทัช อีกข้าง หลังจากนั้นก็มีเสียงหักดังกรอบขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของอินทัช ที่ร้องโหยหวน ไม่ต่างจากหมูที่ถูกเชือดอีกเหมือนเคย
ฉัน….ฉันรู้แล้ว ฉันยอมรับแล้วปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่ กล้าทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ”
หลังจากที่อินทัช ได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดและทรมาน แล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับ รพีพงษ์ อีก เขารู้แล้วว่าถ้า หากเขายังจะขัดขืนต่อไปชั่วชีวิตของเขาที่เหลืออยู่คงทำได้ แค่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้น
‘ คุณผิดตรงไหน ? ” รพีพงษ์ เอ่ยปากถามขึ้น
“ฉันก็คือฉันไม่ควรยั่วโมโหแก และฉันไม่ควรบอกว่า แกเป็นขยะ ”
อะไรอีก ? ”
ฉัน…ฉันไม่ควรคิดร้ายต่อ อารียา ขอร้องล่ะเมตตาฉันที แขนสองข้างของฉันก็ใช้การไม่ได้แล้ว ต่อไปฉันคงจะเข้า ไปวุ่นวายกับแกอีกไม่ได้แล้ว ”
” ก่อนหน้านี้ผมให้โอกาสคุณไปแล้วแต่คุณไม่ยอ มรักษามันไว้เอง ถ้าการเสียใจทีหลังมันมีประโยชน์ละก็ เส้น ตายของผมก็มีแค่แสดงผลให้เห็นเท่านั้นแหละ ”
หลังจากพูดเขาก็หักขาทั้งสองข้างของอินทัช อย่างไร้ ความปรานี
อินทัช นอนหอบอยู่กับพื้น ตอนนีแขนขาของเขาทั้งสี่หัก หมด แม้ว่าเขาจะอยากจะกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดแต่ ก็ไม่สามารถทำได้
หลังจากที่ รพีพงษ์ สั่งสอนอินทัช เรียบร้อยแล้วเขาก็ลุก
ขึ้นยืน
ไตรทศมองไปที่อินทัช ที่นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับถอนหาย ใจเบา ๆ ในใจเขารู้สึกอยากจะขอบคุณตัวเองจริง ๆ ที่เลือก ติดตาม รพีพงษ์ แทนที่จะต่อต้านและเป็นศัตรูกับเขา
” จัดการกับเขาให้เรียบร้อยที นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีราชาทั้งสามในเมืองริเวอร์ อีกแล้ว ” รพีพงษ์ พูดขึ้น
” ครับ ” ไตรทศตอบรับ
พนักงานสองคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลพากันวิ่งหนีด้วยความ ตกใจ เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่ รพีพงษ์ ทำ ถ้าหาก รพีพงษ์พบ ว่าพวกเขายังอยู่ที่นี่ละก็ อาจจะฆ่าพวกเขาด้วยก็เป็นได้
จริง ๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ รพีพงษ์ รู้มาตลอดว่าพวก เขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่ แต่เขาแค่ขี้เกียจจะสนใจก็เท่านั้น
รพีพงษ์ ออกมาจากร้านอาหาร ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้า งอารียา พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย แล้ว อินทัชล่ะเขาปล่อยคุยออกมา แล้วเหรอ ? ” อารียา ถามอย่างเป็นกังวล
” ผมไม่เป็นไร เรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว เรากลับบ้านกัน เถอะ ” รพีพงษ์ พูดขึ้น
จบลงแล้ว ? ” อารียา เบิกตากว้างด้วยความประหลา ดีใจ ” อย่างนั้น ไตรทศล่ะเขาเป็นอะไรกับคุณเหรอ ? ” เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้สามารถจบได้อย่างแน่นอนเพราะมี
ไตรทศไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้ที่จะล้มหนึ่งในสามราชันฟ้าได้ ก็คงจะมีเพียงราชาอีกคนหนึ่งเท่านั้น
และเธอก็ไม่เคยคิดว่า รพีพงษ์ จะสามารถล้มอินทัช ได้
ด้วยตัวเขาเองอย่างแน่นอน
” เอ่อ….ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ ” รพีพงษ์ ตอบ
ไม่ได้เป็นอะไรกัน ? อย่างนั้นเขาจะมาช่วยคุณทำไม ? ” อารียา ถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ผมใช้เงินจ้างเขามาน่ะ เงินสามารถแก้ปัญหาทุกอย่าง ได้อยู่แล้ว ” รพีพงษ์ ยกเหตุผลขึ้นมาพูดแบบผ่าน ๆ
อารียา ยังรู้สึกไม่เชื่ออยู่ดี แต่พอนึกถึง หัวใจวีตัส เส้นนั้น ที่ รพีพงษ์ มอบให้เธอ ของสิ่งนั้นมีราคากว่า 100 ล้านเชีย วนะ พอคิดได้ดังนั้นเธอจึงเลิกสงสัย รพีพงษ์ ถ้าหากเขา จะใช้เงินจ้าง ไตรทศมาจริง ๆ
เพียงแค่ผู้ชายคนนี้เขาชักจะร่ำรวยเกินไปรึเปล่า
แบบนี้นับเป็นการซ่อนเงินรึเปล่านะ ? อารียา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเมื่อมีความคิดแบบนี้แล่นเข้ามาในหัวเธอ
ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ ถ้าพูดตามเหตุและผลละก็ เงินที่ อารียา ไม่รู้ ก็ถือว่าเป็นเงิน ส่วนตัวของ รพีพงษ์ ทั้งหมด
รพีพงษ์ เห็น อารียา หัวเราะออกมาใบหน้าของเขาก็เต็ม
ไปด้วยความงงงวย ก่อนจะถามขึ้นว่า ” คุณหัวเราะอะไร ? ” ” ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ ”
อารียา รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเธอจึงรีบเดินนำไปข้างหน้า เรื่องในครั้งนี้ทำให้เธอได้รู้ซึ้งถึงความอันตรายของธายุ กรสักที เธอตัดสินใจแล้วว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะเอาเรื่องที่เกิด ขึ้นไปบอกกับ นภทีป์
ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกได้ถึงความน่าเชื่อถือของ รพี พงษ์ อีกครั้ง ดูเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ รพีพงษ์ได้คิดและเต รียมการมาก่อนแล้ว
หากไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ ครั้งนี้เธออาจจะถูก ..ไปแล้วก็
ได้
พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปหาคุณปู่เพื่อคุยที่เกิดขึ้น ครั้งนี้ธายุกร ทำเกินไป ” อารียา พูดขึ้น
ผมจะไปกับคุณ ” ไม่ว่า อารียา ต้องการจะทำอะไรเขา จะคอยสนับสนุนเธอเสมออารียา เม้มริมฝีปากแน่นแต่ในใจกลับแย้มยิ้มออกมา
ณ เวลานี้ตราบใดที่มี รพีพงษ์ อยู่เธอก็รู้สึกสบายใจแล้ว ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินกลับไปตามถนนสายหนึ่ง อารียา เหลือบไปเห็นร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า เธอจึงหยุดเดิน
และจ้องไปที่โทรทัศน์ด้านในที่ตั้งโชว์อยู่แล้วพูดกับตัวเอง เบา ๆ ว่า ” โทรทัศน์เครื่องที่บ้านก็เก่ามาก ดูได้แค่ไม่กี่ช่อง เองแม่ก็บอกฉันมาหลายครั้งแล้ว แต่เงินเดือนเดือนนี้ก็ยังไม่ พออยู่ดี…”
รพีพงษ์ มองไปที่ อารียา ที่มีท่าทางปวดใจเพราะอยาก จะซื้อของแต่ทำไม่ได้ ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรกลับก็คว้าแขนของ อารียา แล้วพาเธอเดินเข้าไปในร้านทันที