พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 261 ไม่แน่อาจจะท้องแล้ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 261 ไม่แน่อาจจะท้องแล้ว
บทที่ 261 ไม่แน่อาจจะท้องแล้ว
ผู้คนภายในห้องอึ้งกับคำพูดของจารุณี ห้องที่เต็มไปด้วยเสียงดังโหวกเหวกของผู้คนกลับเงียบลงอย่างฉับพลัน
บรรยากาศอันครึกครื้นมลายหายไปเพราะการมาถึงของจารุณี
ทุกคนต่างหันไปมองจารุณี สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“คุณผู้หญิง เป็นคุณจริงๆ ใช่ไหมครับ ที่แท้คุณยังไม่ตาย ดีจังเลยครับ” ชายชราตะโกนออกมาก่อนใคร
“โอ๊ย ตาแก่นี่อยากให้ฉันตายจริงๆ ใช่ไหม” จารุณีมองบนใส่เขา
ชายแก่สีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความดีใจที่ไม่สามารถปิดเอาไว้ได้
รพีพงษ์มองจารุณีอย่างอึ้งๆ เช่นกัน คิดไม่ถึงว่าหล่อนกับประธานหอการค้าสมน.จะเป็นพ่อลูกกัน อย่าบอกนะว่าผู้หญิงที่เป็นหุ้นส่วนหอการค้าสมน.ที่จักรพันธ์กับวีธราลักพาตัวมาคือจารุณีอย่างนั้นเหรอ
ประธานหอการค้าสมน. มองไปยังจารุณีด้วยความตกตะลึง เขายื่นมือออกไปลูบใบหน้าของเธอ เมื่อแน่ใจแล้วว่านี่คือลูกสาวของตัวเอง น้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าตาจึงไหลพรั่งพรูออกมา
“นี ดีเหลือเกินที่ลูกปลอดภัย ช่วงที่ผ่านมาพ่อเจ็บปวดใจมาก พ่อนึกว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกแล้ว แถมยังสาบานด้วยว่าจะเอาคนที่ทำร้ายลูกมาฆ่าให้ได้ ตอนนี้เมื่อเห็นว่าลูกปลอดภัยดีพ่อก็โล่งใจมากเลย” ประธานพูดด้วยความตื้นตัน
จารุณีถอยหลังไปสองสามก้าว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจผู้เป็นพ่อ “เหอะ ถ้าพ่อไม่ขังหนูให้อยู่แต่ที่บ้าน ไม่ยอมให้หนูออกมา หนูคงไม่หนีออกจากบ้านจนถูกไอ้เลวพวกนั้นจับตัวไปหรอก”
สีหน้าของประธานเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “นี พ่อผิดเอง พ่อสัญญาว่าต่อจากนี้จะไม่ขังลูกไว้อีกแล้ว สำหรับไอ้พวกเลวที่ลักพาตัวลูก พวกมันน่าจะอยู่ที่นี่ พ่อจะฆ่ามันแทนลูกเอง”
ขณะนั้นเองจักรพันธ์กลัวจนเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผาก ประธานไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ทำร้ายลูกสาวของเขา แต่จารุณีต้องรู้อย่างแน่นอน เขาจะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจารุณีจะหลุดจากเงื้อมมือของวีธราแล้วจะมาโผล่ที่นี่
เขากลืนน้ำลายลงคอ จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับไปตรงหน้าประตู
รพีพงษ์เห็นเช่นนั้น จึงเดินเข้าไปจับจักรพันธ์ เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “อยากไปตอนนี้ เกรงว่าคงจะไปทันแล้วล่ะ”
“รพีพงษ์ แกคิดจะทำอะไร ตอนนี้ลูกสาวของประธานกลับมาแล้ว ถึงแกจะมาเล่นลิ้นอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว แกจะมาจับฉันไว้ทำไม ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับฉันแล้ว ประธานจะลงโทษแก ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องอยู่ที่นี่อีก แกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
จักรพันธ์ตะโกนใส่รพีพงษ์อย่างหัวชนฝา จากนั้นเขาจึงดึงมือของรพีพงษ์ออกแล้วรีบออกไปจากที่นี่
ประธานหันมาเห็นรพีพงษ์ ท่าทีของเขายังคงเย็นชา “รพีพงษ์ ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกสาวฉันจะไม่เป็นอะไร แต่ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้หรอกนะ วันนี้คนที่เกี่ยวข้องกับนายทุกคน ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แกรีบปล่อยเขาเลยนะ อย่าคิดว่าเมื่อหลุดรอดสายตาของฉัน แล้วแกจะหาแพะรับบาปได้นะ!”
ชายชรากับคนของประธานหอการค้าสมน. ล้อมรพีพงษ์เอาไว้อีกครั้ง ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รพีพงษ์ ยอมรับความตายเสียดีๆ เถอะ”
จารุณีเห็นเช่นนั้น เธอร้อนใจขึ้นมา รีบวิ่งไปข้างหน้าชายชรา “ตาแก่นี่ โง่หรือเปล่า รพีพงษ์เป็นคนของฉัน ถ้านายกล้าแตะตัวเขา วันนี้ฉันกับนายไม่จบแน่”
ธีรศานติ์กับชายชราอึ้งไปอีกครั้ง ธีรศานติ์พูดว่า “นี ทำไมมันถึงเป็นคนของลูก มันเป็นตัวการในการลักพาตัวลูกนะ อย่าบอกนะว่าลูกไม่อยากให้พ่อลงโทษมัน?”
จารุณีถอนหายใจใส่ธีรศานติ์แล้วพูดว่า “รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่ลักพาตัวหนู ทำไมหนูต้องมีพ่อที่โง่แบบนี้ด้วย คนที่ลักพาตัวหนูคือผู้หญิงสารเลวของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่เกี่ยวกับรพีพงษ์”
ตอนที่จารุณีถูกลักพาตัว เธอเห็นแค่วีธรา ไม่เห็นจักรพันธ์ เรื่องนี้วีธราจะต้องเป็นคนวางแผน บวกกับตอนนี้ใบหน้าของจักรพันธ์เขียวช้ำจนไม่เหลือเค้าเดิม จารุณีจึงไม่สนใจเขา
ทันใดนั้นสีหน้าของธีรศานติ์เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน โดนจารุณีด่าว่าโง่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ประธานหอการค้าสมน.ไม่มีความโกรธเลยสักนิด
“นี ลูกบอกว่าคนที่ลักพาตัวไปคือผู้หญิงของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่ใช่รพีพงษ์อย่างนั้นเหรอ” ธีรศานติ์เอ่ยขึ้น
“ใช่ คนที่เป็นหัวหน้าของตระกูลลัดดาวัลย์ในตอนนี้นั่นแหละ ดูสวยมากนะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะโหดร้ายขนาดนี้” จารุณีเอ่ยขึ้นมา
“แต่ว่ารพีพงษ์ก็เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์เหมือนกัน แถมยังเป็นลูกชายของหัวหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ มันต้องสมรู้ร่วมคิดด้วยอยู่แล้ว” ธีรศานติ์พูดต่อ
รพีพงษ์เหลือบมองธีรศานติ์แล้วพูดว่า “ประธานน่าจะรู้เรื่องในปีนั้นที่ผมโดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ อีกอย่างคนของตระกูลลัดดาวัลย์พวกนี้ทำเพื่อใคร คุณไม่น่าจะดูไม่ออกนะ”
มีอะไรแวบเข้ามาในหัวของธีรศานติ์ ทันใดนั้นเขาจึงเข้าใจทันที ก่อนหน้านี้เขาเสียใจกับการที่ลูกสาวโดนฆ่า จึงไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด แต่ทว่าตอนนี้จารุณีกลับมาแล้ว เขาจึงใจเย็นลง บวกกับคำพูดของรพีพงษ์ เขาจึงเข้าใจทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ธีรศานติ์หันไปมองจักรพันธ์ แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไอ้ระยำ แกกล้าหลอกฉันเหรอ! ฉันจะสับแกเป็นหมื่นชิ้น!”
สีหน้าของจักรพันธ์เต็มไปด้วยความตึงเครียด เขาพูดออกมาว่า “ประธาน นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ คนร้ายคือรพีพงษ์ มันแอบวางแผนลักพาตัวลูกสาวของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมทั้งนั้น”
“แกเลิกพูดจามั่วๆ ได้แล้ว ช่วงนี้ฉันอยู่กับรพีพงษ์ตลอด ถ้าเขาคิดจะทำอะไรฉันจริงๆ เขาคงทำไปนานแล้ว เหอะ พูดแล้วก็โมโห ฉันเนี่ยยอมมอบกายให้เขาแต่เขาก็ไม่เอา” จารุณีพูดด้วยความหงุดหงิด
คนที่อยู่ตรงนั้นตลกกับคำพูดของจารุณี รพีพงษ์ทำหน้าเหนื่อยใจ แต่ว่าบรรยากาศจะตึงเครียดแค่ไหน ขอแค่มีจารุณีอยู่ ความตึงเครียดนั้นก็หายไป
จักรพันธ์รู้ว่าวันนี้เขาคงพูดกลับกลอกไม่ได้แล้ว สีหน้าของเขาแสดงความร้ายกาจออกมา “ถึงผมจะเป็นคนลักพาตัวไป แล้วมันยังไงเหรอครับ ผมเป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าพวกหอการค้าสมน.กล้าทำอะไรผม แม่ผมไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่!”
สีหน้าของธีรศานติ์ตึงเครียด เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ตระกูลลัดดาวัลย์แล้วไง วีธรามาแตะต้องตัวลูกสาวฉัน ฉันจะแตะตัวตัวลูกชายเขาไม่ได้หรือไง หอการค้าสมน. ไม่กลัวตระกูลลัดดาวัลย์หรอก”
เมื่อเขาพูดจบ ชายชราพาคนของหอการค้าสมน.มาจับตัวจักรพันธ์เอาไว้ ขณะที่กำลังจะพาจักรพันธ์ไปจัดการ
รพีพงษ์เดินขึ้นมาแล้วพูดว่า “ประธาน ส่งเขามาให้ผมเถอะครับ ความแค้นระหว่างผมกับเขา ก็จำเป็นต้องสะสางเหมือนกัน”
ธีรศานติ์ยังไม่ทันพูดอะไร จารุณีก็พูดขึ้นมาว่า “ยังจะยืนอึ้งอะไรอยู่อีก เอาไอ้หมอนี่ให้รพีพงษ์สิ ถ้าพ่อส่งเขามา หนูจะไม่กลับไปกับพ่ออีกแล้ว”
ธีรศานติ์ไม่มีทางเลือก จึงตอบตกลงรพีพงษ์
ในเวลานี้ถือว่าเป็นจุดจบของเรื่องนี้ ธฤตญาณลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วพาจักรพันธ์กลับสถานบันเทิงสตาร์กายตามคำสั่งของรพีพงษ์
ธีรศานติ์ให้ชายชราจัดการกับคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจุดจบของพวกมันจะเป็นอย่างไร
หลังจากที่จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย รพีพงษ์รีบเดินไปที่หน้าโซฟาแล้วแกะเชือกที่มัดอารียาออก เขาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ผมทำให้คุณตกใจ”
อารียากอดรพีพงษ์ เธอเอาหน้าซบตรงไหล่ของเขาแล้วร้องไห้ออกมา
“ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้ว นายรู้ไหมว่าสองวันนี้ฉันเป็นยังไง ฉันกลัวว่าจะเสียนายไป ถ้าไม่มีนายแล้วฉันจะอยู่ยังไง” อารียาร้องไห้พลางพูดตำหนิ
รพีพงษ์ยื่นมือออกไปกอดเธอ เขาปวดใจมาก “ผมจะไม่จากคุณไปไหน พวกเรายังไม่มีลูกเลย แล้วผมจะตายได้อย่างไรกันล่ะ”
อารียากอดรพีพงษ์แน่น เธอกดใบหน้าแนบอก
ในเวลานี้ในห้องเหลือเพียงรพีพงษ์ อารียา จารุณีและธีรศานติ์สี่คน ธีรศานติ์มองรพีพงษ์และอารียา ในใจเต็มไปด้วยความหดหู่ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ยังดีที่ลูกมาทันนะ ไม่อย่างนั้นสามีภรรยาคู่นี้คงจะถูกพ่อแยกออกจากกัน”
จารุณีสีหน้าเต็มไปด้วยความริษยา เธอแบะปากแล้วพูดว่า “ให้พ่อแยกพวกเขาออกจากกันยังดีเสียกว่า”
ธีรศานติ์อึ้งไปแล้วพูดว่า “ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ อ้อ เมื่อกี้ลูกบอกว่ารพีพงษ์เป็นคนของลูก มันเกิดอะไรขึ้น”
“รพีพงษ์เป็นของหนู เรานอนเตียงเดียวกัน ในชีวิตของหนูยอมรับเขาแค่คนเดียว ไม่ได้การแล้ว หนูต้องแย่งชิงความสุขของหนู”
พูดจบ จารุณีรีบเดินเข้าไปข้างโซฟา มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าน้อยใจ “ฉันก็อยากกอดเหมือนกัน!”
ธีรศานติ์มองลูกสาวด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าการที่ไม่ได้เจอลูกสาวเพียงระยะหนึ่ง ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้
รพีพงษ์เห็นจารุณีเดินมา เรื่องใหญ่กำลังมาถึงแล้ว ขณะนั้นอารียาหยุดร้องพอดี เธอได้ยินเสียงของจารุณีจึงรีบหันไปมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย แววตาของเธอเหมือนกำลังสอบถามรพีพงษ์ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
สีหน้าของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความลำบากใจ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “เธอแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น ยัยเด็กนั่นยังเด็กมาก เลยไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ”
“ใครล้อเล่นกันล่ะ รพีพงษ์ ฉันเป็นคนที่เคยนอนเตียงเดียวกับนาย อย่าบอกนะว่านายจะไม่รับผิดชอบฉัน” จารุณีพูดด้วยความหงุดหงิด
สีหน้าของอารียาเปลี่ยนไป เธอผลักรพีพงษ์ออกจากตัวแล้วพูดด้วยความโมโห “รพีพงษ์ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์ตื่นตระหนก เขารีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรกัน”
“นายนอนเตียงเดียวกับเขาแล้วยังเรียกว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ รพีพงษ์ นะ นายตายไปเสียดีกว่า” อารียาร้อนใจจนจะร้องไห้ออกมาอีก
“นี่พี่สาว อย่าเพิ่งร้อนใจไป ถึงแม้ว่ารพีพงษ์ควรจะรับผิดชอบฉัน แต่ฉันจะไม่แยกพวกพี่ออกจากกันหรอกนะ จากนี้ไปเราจะรับใช้ไอ้เลวนี่ด้วยกัน ฉันรับรองว่าจะแบ่งเวลาของรพีพงษ์กับพี่อย่างเท่าเทียม” จารุณีพูดด้วยท่าทีแน่วแน่
ธีรศานติ์ก็เดินเข้ามาหารพีพงษ์ เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าตีงเครียด “รพีพงษ์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น แกมีภรรยาอยู่แล้วทำไมยังมามีอะไรกับลูกสาวฉันอีก ตอนแรกฉันนึกว่าฉันจะเข้าใจแกผิด ตอนนี้ดูเหมือนว่าแกก็ไม่ใช่คนดีอะไร!”
รพีพงษ์รีบเราเรื่องทั้งหมดออกมา เพื่อยืนยันว่าตัวเองกับจารุณีไม่ได้มีอะไรกัน ก็แค่ยัยเด็กคนนี้ดูละครมากจนอินกับละคร
หลังจากที่อารียาและธีรศานติ์ได้ฟังสิ่งที่รพีพงษ์อธิบาย สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่ายัยเด็กคนนี้จะคิดไปไกลขนาดนั้น
หลังจากที่อารียารู้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร เธอจึงโล่งอก แถมยังคิดว่ามันตลกมาก
ธีรศานติ์มีสีหน้าลำบากใจ เขารีบพูดขอโทษที่เข้าใจผิดรพีพงษ์
“หนูพูดผิดเหรอ ในละครเขาก็พูดแบบนี้ คนที่แต่งงานกันแล้วถึงจะนอนเตียงเดียวกันได้ แล้วก็ท้องได้ด้วย ไม่แน่หนูอาจจะท้องลูกของรพีพงษ์แล้วนะ!” จารุณีเห็นทั้งสามคนหัวเราะเธอ เธอจึงกระวนกระวายใจแล้วพูดออกไปด้วยความน้อยใจ