พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 264 อยู่กับคุณตลอดไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 264 อยู่กับคุณตลอดไป
บทที่ 264 อยู่กับคุณตลอดไป
“นี่ อย่าวุ่นวายสิลูกดูรพีพงษ์กับพี่สาวคนนี้รัก กันขนาดไหน ลูกจะทำลายชีวิตคู่ของเขาเหรอ”
ธีรศานติ์มองจารุณีด้วยความเหนื่อยใจ เขาไม่มี ทางพาลูกสาวไปได้จริงๆ
“หนูไม่สน หนูก็อยากรักกับรพีพงษ์เหมือนกัน หนูเชื่อว่าพี่สาวจะเข้าใจ” จารุณีเบิกตาโตแล้วพูด ออกมา
อารียาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ให้เธอแบ่งรพี พงษ์กับคนอื่น เธอไม่เต็มใจอย่างแน่นอน
รพีพงษ์รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าสิ่งที่ วุ่นวายที่สุดไม่ใช่ตระกูลลัดดาวัลย์ แต่เป็นยัยเด็กที่ ไม่ฟังเหตุผลคนนี้
พวกเขาพูดเกลี้ยกล่อมจารุณีอยู่นาน แต่จารุณี ก็ไม่เปลี่ยนคำพูด ขนาดที่ลงไปนั่งกับพื้นแล้วเกาะ ขาของรพีพงษ์เอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ธีรศานต์เหนื่อยใจ เขาเดินเข้าไปดึงจารุณี ให้ ตายยังไงจารุณีก็ไม่ยอมไป
ขณะที่รพีพงษ์กำลังปวดหัวว่าจะพูดยังไงกับยัย เด็กคนนี้ ธีรศานติ์ก็ทำให้ลูกสาวของตัวเองสลบอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาบอกลารพีพงษ์ เขาก็อุ้ม ลูกสาวที่กำลังสลบ ออกจากเมืองริเวอร์
ถึงแม้วิธีนี้จะดูไม่เข้าท่า แต่เพราะความดื้อรั้น ของจารุณี เขาจึงต้องใช้วิธีนี้
เมื่อจารุณีกลับไป รพีพงษ์ถอนหายใจออกมา ด้วยความโล่งอก ถ้ายัยเด็กนั่นไม่ยอมกลับไปจริงๆ ครอบครัวของเขาต้องแย่แน่ๆ
หลังจากที่ธีรศานติ์กลับไป นคินทร์ก็ไม่ได้อยู่ ต่ออีก เขาสาบานอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ว่า ถ้าไม่มี อะไรก็จะไม่มาหาศศินัดดาอีกแล้ว ครั้งนี้เกือบจะ ทำให้เขาตกงาน ศศินัดดานี่เป็นตัวซวยจริงๆ
เมื่อเห็นว่าทุกคนกลับไปหมดแล้ว ศศินัดดามอง รพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจ “รพีพงษ์ ไอ้หน้าไม่อาย แกไม่ใช่ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์อีกแล้ว ยัง มีหน้ากลับมาอีกนะ วันนี้ที่ฉันบอกให้แกเอาเงินสอง สามล้านมาให้ฉัน ฉันไม่ได้พูดเล่น ถ้าแกให้ไม่ได้ ฉันกับแกไม่จบแน่!”
อารียาเห็นว่าศศินัดดายังวุ่นวายกับเงินของรพี พงษ์ เธอจึงพูดด้วยความไม่พอใจ “แม่ ถ้าวันนี้แม่ยัง รั้งรพีพงษ์เอาไว้นานไปกว่านั้น หนูคงจะไม่มีชีวิตอยู่ แล้วจริงๆ แม่มีเหตุผลหน่อยสิ ถ้าแม่ยังเป็นแบบนี้อีก หนูจะไม่ถือว่าแม่เป็นแม่อีกแล้วนะ”
ศศินัดดาได้ยินที่อารียาพูด สีหน้าแปรเปลี่ยนไป ทันที “ลูก อย่าบอกนะว่าวันนี้เกิดอันตรายขึ้นกับลูก”
“หนูจะโกหกแม่ไปทำไม ดูข้อมือหนูสิบวมไป หมดแล้ว อย่าบอกนะว่าเงินไม่กี่ล้านมีค่ามากกว่า ชีวิตของลูกสาว” อารียาพูดด้วยความหงุดหงิด
จู่ๆ ศศินัดดารู้สึกร้อนตัว ความเย่อหยิ่งเมื่อครู่ หายไปหมด เธอรู้ว่าลูกสาวโกรธจริงๆ แล้ว
“โอเค แม่ผิดไปแล้ว ชีวิตของลูกสาวแม่ต้อง สำคัญที่สุดสิ แม่โกรธรพีพงษ์ต่างหาก อีกอย่างคนที่ ช่วยลูกวันนี้คือประธานหอการค้าสมุน. ไอ้คนไม่เอา ไหนอย่างรพีพงษ์ก็ทำได้แค่มุดหัวอยู่เท่านั้น แม่ด่า มันไม่ได้เหรอ” ศศินัดดาพูดไปพูดมาก็ไปลงที่รพี พงษ์
อารียาพูดไม่ออก เธอโกรธและหันหน้าไปทาง อื่นโดยไม่แยแสศศินัดดา
ศศินัดดารีบเดินเข้าไปขอโทษและพูดดีดีกับเธอ “พี่สาล่ะ ทำไมไม่เห็นเลย” ขณะนั้นรพีพงษ์เห็น ว่าชนิสราไม่อยู่บ้าน จึงเอ่ยถามขึ้น
“ช่วงนี้พี่สาอาจจะมีเรื่องอะไร เธอออกไปแต่เช้า ทุกวัน กลับมาก็ค่ำมืดแล้ว ฉันถาม เธอก็ตอบว่าไม่มี อะไร น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว” อารียาเอ่ยขึ้น
รพีพงษ์พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
ขณะนั้นอารียามองรพีพงษ์ แล้วมองศศินัดดา เธอจับมือของรพีพงษ์ “รพีพงษ์ เราจะมีลูกกันเมื่อไร ดี ถ้ามีลูกแม่คงไม่คิดไล่นายออกจากบ้านอีก”
พูดจบเธอก็ดึงรพีพงษ์เดินไปทางห้องนอน
ศศินัดดาได้ยินสิ่งที่อารียาพูด เธอเบิกตาโพลง แล้วรีบวิ่งเข้าไปขวางทั้งสองคน “ไม่ได้นะ อารี ลูกจะ มีลูกกับไอ้สวะนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ เขาเป็นสามีของหนู ทำไมหนูจะ มีลูกกับเขาไม่ได้ นี่เป็นเรื่องระหว่างหนูกับเขา แม้ ห้ามไม่ได้หรอก” อารียาพูดอย่างแน่วแน่
“ลูกคิดดูว่ามันไม่เอาไหนขนาดไหน ถ้าลูกมีลูก กับมัน ถ้าได้พันธุกรรมไม่เอาไหนมาจากมัน ถ้าถึง ตอนนั้นรู้จะเสียใจก็คงไม่ทันแล้ว” ศศินัดดาพูดด้วย สีหน้าร้อนใจ
“หนูไม่รังเกียจ อีกอย่างรพีพงษ์ไม่ได้ไม่เอาไหน เหมือนที่แม่พูด ความเก่งของเขา หนูคิดว่าเพียง พอแล้ว” อารียาดึงรพีพงษ์เดินไปทางห้องนอน
ศศินัดดาจับแขนของรพีพงษ์เอาไว้ “รพีพงษ์ ฉัน ไม่ต้องการเงินจากแกแล้ว แกปล่อยลูกสาวฉัน ถ้า ลูกฉันกับแกไม่มีลูกด้วยกัน หลังจากนี้ถ้าหย่ากันเธอยังสามารถหาคนดีๆ เข้ามาในชีวิตได้ ถ้าตอนนี้ แกมีลูกกับเธอ จะเป็นการทำลายชีวิตของเธอไปทั้ง ชีวิต”
อารียาเดินเข้ามาแกะมือของศศินัดดาออก แล้ว พูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น “หนูคิดแล้วว่าแม้ยังไม่ยอม แพ้เรื่องที่จะให้หนูหย่ากับรพีพงษ์ ตอนนี้หนูจะบอก ให้แม่ฟังอย่างชัดเจน หนูไม่มีทางหย่ารพีพงษ์ แม่ อย่าคิดแยกเราออกจากกัน หนูต้องการมีลูก!”
พูดจบอารียาดึงรพีพงษ์เข้าไปในห้องนอน จาก นั้นก็ล็อกประตู
ศศินัดดาเคาะประตูห้องอยู่ข้างนอกด้วยความ ร้อนใจ “นี่ลูก อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ แกอย่ามีลูกกับรพี พงษ์นะ”
จากนั้นเธอจึงหันไปหาศักดา “คุณจะนั่งบื้ออะไร อยู่ รีบมาพังประตูเร็ว ไม่งั้นลูกสาวจะต้องเสียตัวให้ กับไอ้รพีพงษ์นะ!”
ศักดาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ “ผมว่าให้ รพีพงษ์กับอารียามีลูกด้วยกันถือเป็นเรื่องที่ดีนะ ถึง แม้รพีพงษ์จะไม่ใช่ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ เขาก็ยังดีกว่าคนทั่วไป การที่เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็ เพราะรพีพงษ์”
“พูดบ้าอะไร ชีวิตของเราทุกวันนี้ก็เพราะลูกสาวเราหามาให้ ไม่เกี่ยวกับไอ้สวะรพีพงษ์ ตอนนี้ลูกสาว ของเราเป็นประธานของบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล รพีพงษ์มันเป็นอะไร มันก็แค่ลูกที่โดนทอดทิ้งจาก ตระกูลลัดดาวัลย์” ศศินัดดาพูดด้วยความโมโห
ภายในห้อง รพีพงษ์สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอารียาจะใช้วิธีนี้ข่มขู่ศศินัดดา ไม่ให้ไล่เขาออกจากบ้าน
แต่ว่าหลังจากที่เขามาให้ห้อง อารียาก็นั่งลงบน เตียงด้วยสีหน้าอ่อนล้า สีหน้าเหมือนผ่านอะไรมา มากมาย ตอนนี้อารียารู้สึกอ่อนเพลีย จะมีแรงไปมี ลูกกับรพีพงษ์ ได้ยังไง
การที่เธอพูดเช่นนี้เพราะอยากให้ศินัดดาเห็น ความแน่วแน่ของเธอเท่านั้น
รพีพงษ์เข้าใจความคิดของอารียา เขาเดิน เข้าไปกอดเธอเอาไว้ด้วยความรักใคร่
อารียาเอาหัวซบลงตรงอกของรพีพงษ์ น้ำตา
ไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “รพีพงษ์ วันนี้ฉัน เหนื่อยมาก เราค่อยมีลูกกันวันอื่นนะ นายจะว่าอะไร หรือเปล่า ถ้านายอยากมีจริงๆ ฉันจะพยายาม”
รพีพงษ์ลูบหัวของอารียา “ยัยโง่ ผมไม่ได้มี อารมณ์อะไรสักหน่อย จะให้คุณทำเรื่องอะไรแบบ นั้นในเวลานี้ได้ยังไงยังมีเวลาอีกเยอะ คงจะมีโอกาสสักวัน”
อารียารู้สึกอุ่นใจ เธอกุมมือของรพีพงษ์แน่น “รพีพงษ์ นายจะอยู่กับฉันตลอดไปไหม” รพีพงษ์สุดหายใจลึกแล้วพูดอย่างแน่วแน่
“ตลอดไป”