พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 265 เอาคืน100เท่า
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 265 เอาคืน100เท่า
บทที่ 265 เอาคืน100เท่า
หลังจากที่อารียากับรพีพงษ์กอดกันอยู่ครู่ใหญ่ รพีพงษ์ผละออกจากเธอ แล้วบอกให้เธอนอนพักบน เตียง
“คุณนอนพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ผมจะไปต้มซุป ให้คุณทาน” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
อารียาพยักหน้าแล้วนอนพักผ่อนบนเตียงอย่าง
ว่าง่าย
ขณะนั้นเอง รพีพงษ์สังเกตเห็นว่าใบหน้าของ อารียาบวมเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วแล้วยื่นมือไปลูบ
“หน้าคุณเป็นอะไร” สีหน้าของอารียาแสดงความน้อยใจออกมา “วัน นี้โดนคนที่ชื่อจักรพันธ์ตบหน้า”
ความโกรธก่อตัวขึ้นในใจของรพีพงษ์ หลังจาก ที่เขาลูบใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา จึงพูดออกมา ว่า “มันกล้าตบภรรยาของผม ผมจะเอาคืนมันร้อย
เท่า”
ตอนนี้จักรพันธ์อยู่ในมือของธฤตญาณ อาจ กล่าวได้ว่าจักรพันธ์จะอยู่หรือตายขึ้นอยู่กับคำสั่งของรพีพงษ์
รพีพงษ์เข้าไปหยิบไข่ในห้องครัวมาประคบ ใบหน้าของอารียา จากนั้นจึงไปต้มซุปให้เธอ
ศศินัดดาเห็นรพีพงษ์ออกมา ก็รีบวิ่งตามหลังเขา มาทันที เธอเอาแต่ถามไม่หยุด “แกทำอะไรลูกสาว ฉัน แกแตะต้องตัวเธอแล้วใช่ไหม รพีพงษ์ ไอ้เลว แก ทำอย่างนี้เป็นการทำลายชีวิตของอารียาเลยนะ!”
“ผมทำให้เธอมีความสุข” รพีพงษ์พูดพลางต้ม ซุปไปพลาง
“แกเอาความสุขที่ไหนมาให้เธอ รีบตื่นเถอะ แก ไม่ใช่ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว แกมันก็แค่ ลูกที่โดนไล่ออกจากบ้าน คนอย่างแก่ไม่มีอนาคต หรอก!” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น
รพีพงษ์หันมามองศศินัดดาแล้วพูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา “ถึงผมโดนที่บ้านไล่ออกมาแล้วมันยังไงเหรอ นี่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการที่ผมจะทำให้อารียามี ความสุข สิ่งที่ผมมีในตอนนี้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่า ตระกูลลัดดาวัลย์”
“อวดดี ไม่พูดอวดดีแกจะตายไหม ขนาดเงินไม่ กี่ล้านแกยังหาไม่ได้ ยังจะกล้าพูดว่าสิ่งที่ตัวเองมีก็ ไม่น้อยไปกว่าตระกูลลัดดาวัลย์ แกไปส่องกระจก ชะโงกดูเงาตัวเองบ้างนะ!” ศศินัดดาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ก็แค่เงินไม่กี่ล้าน พรุ่งนี้ผมจะไปถอนเงินมาให้ คุณ แต่ถ้าผมให้เงินคุณ คุณรับประกันได้ไหมว่าจะ ไม่มาก้าวก่ายเรื่องระหว่างผมกับอารีอีก” ,
เมื่อศศินัดดาเห็นว่ารพีพงษ์พูดเช่นนั้น ตาของ เธอก็เป็นประกาย “ขอแค่แกให้เงินฉันมาสามล้าน ต่อจากนี้ฉันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องระหว่างแกกับอารีอีก”
“ได้ คำไหนคำนั้น พรุ่งนี้ผมจะเอาเงินมาให้คุณ สามล้าน” รพีพงษ์พูด
“ฉันต้องการเงินสด ถ้าไม่เห็นเงิน ถึงแม้อารีจะ ไม่ยอม ฉันก็จะไล่แกออกจากบ้านให้ได้” ศศินัดดา เอ่ยขึ้น
ถึงแม้ว่าในบ้านของศศินัดดาจะมีวัตถุโบราณที่ มีมูลค่าร้อยล้านขึ้นไป แต่เมื่อรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็น ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ ศศินัดดาจึงไม่กล้า คิดถึงวัตถุโบราณพวกนั้นอีก
มีโศกนาฏกรรมของครอบครัวชรินทร์ทิพย์ให้ เห็นแล้ว ถึงจะตีเธอให้ตาย ตอนนี้เธอก็ไม่กล้าเอา วัตถุโบราณพวกนั้นไปขาย
เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอไม่มีเงินอยู่ในมือ มีเพียง เครื่องประดับที่รพีพงษ์ซื้อให้ก่อนหน้านี้
นี่คือเหตุผลที่เธออยากได้เงินสด ถึงแม้การโอน เงินให้ในมือถือมันก็เหมือนกัน แต่จำนวนเงินสามล้า มที่เป็นตัวเลขกับเงินสดสามล้านมันให้อารมณ์ที่ แตกต่างกัน
อีกอย่างศศินัดดากลัวว่ารพีพงษ์จะใช้ตัวเลข ปลอมหลอกเธอ เพราะเธอไม่เก่งเรื่องการใช้มือถือ
หลังจากที่รพีพงษ์ตอบตกลง ศศินัดดาจึงไม่ เซ้าซี้เขาอีก
รพีพงษ์ต้มซุปให้อารียาต่อไป ขณะนั้นเองประตู คฤหาสน์เปิดออก ชนิสราเดินเข้ามาด้วยใบหน้า ซีดเซียว
“พี่สา กลับมาแล้วเหรอ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ชนิสราหันไปหารพีพงษ์ เธออึ้งแล้วพูดออกมา ด้วยความตกใจว่า “รพีพงษ์ กลับมาแล้วเหรอ”
รพีพงษ์ยิ้มและพยักหน้า “กลับมาวันนี้ครับ กำลังต้มซุปให้อารียา”
ชนิสรารีบวางของในมือลงแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มา
เดี๋ยวฉันทำเอง คุณไปพักผ่อนเถอะ”
“ไม่ต้องหรอก แต่ต้มซุปเอง ผมทำเองได้” รพี พงษ์เอ่ยขึ้น “พี่สา ดูสีหน้าพี่ไม่ดีเลยนะ ช่วงนี้เจอ เรื่องอะไรมาหรือเปล่า ผมได้ยินอารีบอกว่าพี่ออกไปแต่เช้ากลับมาอีกทีก็ค่ำแล้ว”
ชนิสรามีสีหน้าลำบากใจ เธอเอ่ยออกมาว่า “มะ ไม่มีอะไร พอดีมีญาติมาหาที่บ้านน่ะ กลางวันฉันต้อง ออกไปหาพวกเขา ถ้าคุณคิดว่ามันกระทษกับงานที่ บ้าน พรุ่งนี้ฉันจะบอกให้พวกเขากลับไป”
“ไม่ต้องหรอก ในเมื่อมีญาติมาหา สองสามวันนี้ พี่ไม่ต้องทำงานก็ได้ ผมให้พี่ลาหยุดสักสองสามวัน พี่ไปต้อนรับพวกเขาเถอะ ถ้าไม่ได้จริงๆ พี่พาพวก เขามาที่บ้านก็ได้” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ชนิสรารีบส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ พรุ่งนี้ พวกเขาน่าจะกลับ”
หลังจากพูดจบไม่รู้ทำไมชนิสราจึงถอนหายใจ ออกมา
รพีพงษ์รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เมื่อ คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของชนิสรา เขาจึงไม่ถาม อะไรออกไปอีก
หลังจากที่ต้มซุปเสร็จ รพีพงษ์รีบยกไปให้อารี ยาดื่ม จากนั้นก็นวดให้เธอ จนทำให้เธอผ่อนคลาย และหลับไป
เช้าวันต่อมา ศศินัดดาวิ่งมาเคาะประตูห้องรพี พงษ์ ตะโกนให้เขารีบออกไปถอนเงินที่ธนาคาร
รพีพงษ์อาบน้ำและทานข้าวเสร็จ จึงออกไปข้าง
นอก
นอกจากวันนี้เขาจะไปถอนเงินที่ธนาคารยังมี เรื่องสำคัญที่เขาต้องจัดการ นั่นก็คือการสั่งสอนไอ้ จักรพันธ์
มันกล้าลงมือกับอารียา นี่เป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจักรพันธ์กับวีธราร่วมมือกันทำร้ายเขา ความแค้นครั้งนี้เขาต้องชำระ
รพีพงษ์ขับรถมาถึงสถานบันเทิงสตาร์กาย เขา เดินเข้าไปข้างในทันที ลูกน้องของธฤตญาณ ทักทายรพีพงษ์ด้วยท่าทางนอบน้อม
ธฤตญาณเดินออกมาจากข้างใน เมื่อเห็นรพี พงษ์เขาจึงยิ้มแหยๆ ออกมา “ยังดีที่เมื่อวานพี่มาทัน ไม่งั้นตอนนี้พวกเราคงไปเข้าเฝ้ายมบาลแล้ว”
รพีพงษ์หัวเราะ “แผลบนตัวไม่สาหัสใช่ไหม ไตรทศเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่สาหัสครับ ไตรทศหนักกว่าผมนิดหน่อย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล แต่อาการปลอดภัยแล้ว
ครับ” ธฤตญาณตอบ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
“นี่มันยิ่งกว่าตอนที่ผมอยู่เมืองกรีนโคล ตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะใกล้ชิดกับตระกูลลัดดา วัลย์และคนของหอการค้าสมน” ธฤตญาณพูดด้วย น้ำเสียงหดหู
รพีพงษ์หัวเราะ “หลังจากนี้เรื่องแบบนี้จะยิ่งเยอะ ขึ้น ทางที่ดีนายเตรียมใจไว้เถอะ”
เรื่องครั้งนี้ทำให้รพีพงษ์รู้ถึงข้อจำกัดของสถาน ที่เล็กๆ ถึงตอนนี้เขาจะเป็นผู้ควบคุมเมืองริเวอร์ แต่ ทว่ากำลังของที่นี่เทียบไม่ได้กับเกียวโต
ถ้ารพีพงษ์อยากทำให้เมืองริเวอร์เป็นแหล่งทำ เงินที่มั่นคง สิ่งแรกที่ต้องทำ คือต้องยกระดับพละ กำลังของพวกธฤตญาณ
เขากำลังคิดอยู่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้ อย่างไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นเขาจึง ไม่รีบร้อน
ธฤตญาณไม่ได้กลัวกับสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมา เพราะหลังจากที่เขาตัดสินใจเข้ามาพัวพันกับรพี พงษ์ เขาได้มอบชีวิตให้เขาไปโดยปริยาย
“พาฉันไปหาจักรพันธ์หน่อย ครั้งนี้ต้องคิดบัญชี ให้สาสม” รพีพงษ์พูด
ธฤตญาณพยักหน้า แล้วพารพีพงษ์เข้าไปใน
ห้องที่อยู่ข้างใน
ประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมีเพียงความ มืด จักรพันธ์นอนอยู่บนเตียงไม้ ในห้องนี้นอกจาก เตียงก็ไม่มีอะไรอีก
มือของจักรพันธ์ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ เขาไม่ได้มี ความสามารถอะไร เมื่อโดนล่ามไว้แบบนี้ ไม่มีความ เป็นไปได้ที่เขาจะหนีออกไป
จักรพันธ์เห็นประตูห้องเปิดออก เขารีบลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องรพีพงษ์เขม็ง “รพีพงษ์ แกรีบปล่อยฉันเลย นะ ฉันจะบอกแกไว้ ฉันคือทายาทของตระกูลลัดดา วัลย์ ไม่ว่ายังไงแกก็ไม่สามารถฆ่าฉันได้หรอก ถ้า เกิดฉันเป็นอะไรไป ตระกูลลัดดาวัลย์ต้องพังเมืองริ เวอร์ให้ราบเป็นหน้ากลอง เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนต้อง ซวยเพราะแก!”
รพีพงษ์มองจักรพันธ์ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้น เขาจึงเดินเข้าไปตรงหน้าจักรพันธ์ เขายกมือตบลง ไปบนใบหน้าของจักรพันธ์ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ทันใดนั้นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของ จักรพันธ์ ใบหน้าข้างที่โดนตบบวมเป่ง
“ไอ้เลว แกกล้าตบฉันเหรอ ฉันจะให้แม่มาฆ่าแก แม่เป็นหัวหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่เห็นคนในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์อยู่ในสายตาหรอก!” จักรพันธ์ ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าเทียบกับเกียวโต เมืองริเวอร์ก็แค่เมืองเล็กๆ แต่แกอย่าคิดว่าจะทำ อะไรคนในเมืองเล็กๆ ได้นะ แกกล้าตบใบหน้าอัน งดงามของภรรยาฉัน แกว่าฉันจะปล่อยแกไว้เหรอ”
“แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำไมจะตบไม่ได้ ฉันไม่ฆ่า มันก็บุญแล้ว!” จักรพันธ์ยังพูดอย่างหยิ่งยโส
เพียะ!
เขาตบลงไปอีกหนึ่งครั้ง หน้าของจักรพันธ์ชาไป ทั้งสองข้าง
“เมื่อวานฉันสัญญากับภรรยาว่า การที่แกตบเธอ ฉันจะเอาคืนร้อยเท่า สองครั้งนี่แค่เริ่มต้น ยังเหลือ อีก 98 ครั้ง ฉันจะไม่ให้ขาดตกไปแม้แต่ครั้งเดียว”